ผีแดงโดนก่อนแต่ไม่ยุบ พลิกสถานการณ์เก็บสามแต้มสำคัญ
ศึกที่เซลเฮิร์สต์ พาร์ค กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนบอล แมนยู ต้องลุ้นกันจนจบ เมื่อทีมของ รูเบน อโมริม ออกสตาร์ตแบบงานเข้า โดน คริสตัล พาเลซ ทะยานขึ้นนำไปก่อนจากลูกจุดโทษในครึ่งแรก แต่สุดท้ายจบเกมด้วยชัยชนะ 2-1 ของปีศาจแดง ที่แสดงให้เห็นทั้งความเก๋าและความเข้มข้นในครึ่งหลัง
จังหวะเสียประตูเริ่มจาก เลนี่ โยโร่ เข้าทำพลาดจนทำให้ทีมเสียจุดโทษ และเป็น ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า รับหน้าที่สังหารไม่พลาด พา “อินทรีผงาดฟ้า” ออกนำไปก่อน ทว่าหลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ปล่อยให้เกมหลุดมือ อโมริมอ่านจังหวะเกมได้ขาดว่าเจ้าถิ่นเริ่มแสดงอาการล้าให้เห็นตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก จึงเตรียมปรับสปีดแบบจัดเต็มในช่วง 45 นาทีสุดท้าย
อโมริมเห็นชัด พาเลซล้าจากบอลยุโรป เลยสั่งเร่งสปีดครึ่งหลัง
หลังจบเกม กุนซือชาวโปรตุกีสยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า “ความล้า” จากโปรแกรมยุโรปกลางสัปดาห์ของพาเลซ คือจุดที่เขาใช้โจมตีในครึ่งหลัง โดย คริสตัล พาเลซ เพิ่งลงเล่นในศึก คอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้สภาพร่างกายไม่สดเหมือนฝ่ายเยือน
อโมริมมองภาพรวมแล้วตัดสินใจสั่งลูกทีมเร่งความเร็วในการเคลื่อนบอล ให้วิ่งบีบพื้นที่มากขึ้น และเพิ่มจังหวะเข้าปะทะในแดนบน ผลก็คือเกมเปลี่ยนหน้าอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง เมื่อปีศาจแดงเริ่มครองบอลได้เหนือกว่า บีบให้เจ้าบ้านต้องถอยลงไปตั้งรับและเสียแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอธิบายมุมมองของตัวเองว่า
“มันเป็นเรื่องของรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ช่วยเรา เราเล่นกันเร็วขึ้นและเข้มข้นมากขึ้นในครึ่งหลัง ผมเห็นได้ว่า พาเลซ เริ่มอ่อนล้าในช่วงท้ายครึ่งแรก และผมรู้ว่าพวกเขาจะกระเสือกกระสนหากเราได้ประต อโมริม เอ่ยกับ บีบีซี
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่า นอกจากแท็กติกแล้ว กุนซือยังอ่านภาษากายและสภาพร่างกายคู่แข่งได้ดี จึงกล้าปรับสไตล์ทีมให้บุกดุดันกว่าเดิมในจังหวะที่อีกฝ่ายเริ่มขาอ่อน
เซิร์กซี่เปลี่ยนเกม ตีเสมอ-เชื่อมเกมรุกให้ผีแดงคุมจังหวะ
หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้คือฟอร์มของ โจชัว เซิร์กซี่ กองหน้าดัตช์ที่ไม่เพียงแต่ยิงประตูตีเสมอให้ทีมกลับเข้าสู่เกม แต่ยังรับบท “จุดศูนย์กลาง” ในการเชื่อมเกมรุกตลอดครึ่งหลัง ทำให้แนวรุกของปีศาจแดงดูลื่นไหลและอันตรายขึ้นอย่างชัดเจน
อโมริมพูดถึงภาพรวมการเล่นของทีมว่า
“เราคอนโทรลเกมได้ดีแม้เราจะเสียประตูก่อน แต่เราต้องเล่นกันด้วยความระมัดระวังเช่นกัน เราวิ่งกันมากขึ้น และคุณเห็นได้ว่า โจชัว เซิร์กซี่ ประสานงานกับทีมได้ดี คุณต้องอธิบายสิ่งนี้กับนักเตะ เรามีประสบการณ์ที่อ่อนล้าแบบนี้จากการลงเล่นเกมกลางสัปดาห์เมื่อซีซั่นก่อน
จากคำพูดนี้จะเห็นว่าโค้ชไม่ได้มองเซิร์กซี่แค่ในฐานะคนยิงประตู แต่ให้ความสำคัญกับบทบาทในการพักบอล ดึงกองหลัง และเชื่อมกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในฟุตบอลระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ทีมต้องไล่สกอร์
อโมริมยังกล่าวถึงหัวหอกดัตช์ต่อว่า
“การยิงประตูเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่มันไม่ใช่เรื่องของประตูเท่านั้น มันสร้างความมั่นใจให้นักเตะ แต่ โจชัว พัฒนาได้มากในการเก็บครองบอล เขามีอิทธิพลต่อเกมนี้ และมีความสำคัญต่อทีม เขาจำเป็นต้องรักษาระดับในการซ้อมเอาไว้ให้ได้”
นี่คือคำยืนยันจากปากกุนซือเองว่า เซิร์กซี่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นชิ้นส่วนสำคัญของทีม ไม่ใช่แค่ “ซูเปอร์ซับ” หรือหน้าเป้าเฉพาะกิจอีกต่อไป
บทบาทของเมาท์และแนวรุกหลายตัวเลือก เพิ่มมิติให้แมนยู
อีกชื่อที่ถูกพูดถึงคือ เมสัน เมาท์ มิดฟิลด์ที่โอกาสลงสนามอาจไม่ได้มากเท่าที่แฟนบอลคาดหวัง แต่ในมุมมองโค้ช เขายังเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานหนักเงียบๆ อโมริมชี้ว่า
เรามีนักเตะหลายรายที่สามารถยิงประตูได้ ผมแฮปปี้กับพวกเขารวมทั้ง โจชัว ซึ่งไม่ได้เล่นมากนักเช่นเดียวกับ เมสัน เมาท์ ซึ่งทำงานหนักมาก
คำพูดนี้สะท้อนว่าทีมไม่ได้พึ่งพาเพียงตัวหลักไม่กี่คน แต่มี “อาวุธสำรอง” หลายคนที่พร้อมมีส่วนร่วม ทำให้ แมนยู มีมิติในการปรับแท็กติกทั้งระหว่างเกมและจากนัดหนึ่งสู่อีกนัดหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในซีซั่นที่โปรแกรมการแข่งขันถี่อย่างลีกอังกฤษ
ฟุตบอลยุคโปรแกรมโหด แพ้ชนะวัดกันที่ความฟิตและการบริหารทีม
ในภาพกว้างของฟุตบอลยุคใหม่ โดยเฉพาะในลีกใหญ่แบบอังกฤษหรือยุโรป การเล่น 2-3 เกมต่อสัปดาห์กลายเป็นเรื่องปกติ ทีมที่ต้องลงเตะทั้งในลีกและบอลถ้วย รวมถึงเวทีทวีปอย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หรือถ้วยยุโรปอื่นๆ มักต้องเจอปัญหา “ความล้า” เหมือนที่ คริสตัล พาเลซ เผชิญในเกมนี้
สิ่งที่แยกทีมระดับท็อปออกจากทีมกลางตาราง ไม่ได้มีแค่คุณภาพนักเตะ แต่รวมไปถึง
- การหมุนเวียนผู้เล่นอย่างเหมาะสม
- การอ่านแท็กติกคู่แข่ง โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายมาจากเกมหนักกลางสัปดาห์
- การเตรียมสภาพร่างกายและสภาพจิตใจให้พร้อมกลับมาเล่นเกมลีกทันที
เกมนี้จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่า หากโค้ชอ่านเกมขาดและกล้าปรับสปีดในช่วงเวลาที่คู่แข่งเริ่มขาอ่อน ผลลัพธ์สามารถเปลี่ยนจากการ “แบ่งแต้ม” เป็น “เก็บสามแต้ม” ได้ใน 45 นาทีหลัง
มุมมองจากบ้านกีฬา และสิ่งที่แฟนผีควรจับตาต่อไป
จากสายตาของ บ้านกีฬา ชัยชนะ 2-1 เหนือพาเลซ ไม่ได้มีดีแค่ตัวเลขใน ผลบอล แต่ยังสะท้อนพัฒนาการของทีมในหลายจุด ทั้งการตอบสนองหลังเสียประตูก่อน ความดุดันในครึ่งหลัง รวมถึงความมั่นใจที่กำลังก่อตัวของเซิร์กซี่และแนวรุกคนอื่นๆ
แฟนผีควรจับตาดูว่าฟอร์มการ “เร่งสปีดครึ่งหลัง” ที่เห็นในเกมนี้ จะถูกต่อยอดไปใช้ในแมตช์ต่อๆ ไปได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะเกมใหญ่ที่ต้องเจอทีมฟอร์มแรง หรือคู่แข่งที่เพิ่งผ่านศึกหนักกลางสัปดาห์มาเช่นเดียวกับพาเลซ เพราะถ้าแมนยูรักษามาตรฐานความเข้มข้นแบบนี้ได้ต่อเนื่อง เส้นทางลุ้นพื้นที่หัวตารางในลีกก็ยังเปิดกว้างอยู่เต็มที่
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกลูกหนัง ทั้งข่าวร้อนข้างสนาม วิเคราะห์เกมดุดัน และสกู๊ปมันส์ๆ สไตล์นักข่าวกีฬา อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวแบบจัดเต็มได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

