แมนซิตี้มีหนาว! กูรูเตือนหากผิดคดี 115 กระทง อาจโดนหักแต้มระดับตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

พายุใหญ่ถล่มเอติฮัด? เปิดภาพรวมคดี 115 กระทงของแมนฯ ซิตี้

ประเด็นร้อนที่สุดของวงการ พรีเมียร์ลีก ตอนนี้หนีไม่พ้นคดีการเงินของ แมนฯ ซิตี้ ที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎด้านการใช้จ่ายและการรายงานการเงินถึง 115 กระทง ครอบคลุมช่วงยาวนานระหว่างปี 2009-2018 พร้อมข้อหาสำคัญเรื่อง “ไม่ให้ความร่วมมือ” กับการสอบสวนของลีกด้วย

ฝั่งบอร์ดบริหารของ เรือใบสีฟ้า ยืนยันเสียงแข็งมาตลอดว่าสโมสรไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และมั่นใจว่ามีหลักฐานแน่นพอจะเอาตัวรอดได้ โดยมีการไต่สวนแบบปิดลับกับคณะกรรมการอิสระนานถึง 12 สัปดาห์ ก่อนจะปิดการพิจารณาไปตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2024 แล้ว แต่ถึงวันนี้ ผลการตัดสินอย่างเป็นทางการก็ยัง “เงียบกริบ” ไม่มีประกาศใดๆ ออกมาจากพรีเมียร์ลีกอย่างที่สื่อคาดกันหลายรอบแล้ว

ความคาใจของแฟนบอลจึงยิ่งพุ่งสูง เพราะนี่ไม่ใช่แค่คดีธรรมดา แต่คือเคสที่สามารถเขย่าความน่าเชื่อถือของลีกอันดับหนึ่งของโลกได้ทั้งระบบ

ทำไมคดีนี้ถึงยืดเยื้อ และเสียงของกูรูเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

แม้การไต่สวนหลักจะจบไปตั้งแต่ปลายปี 2024 แต่เกือบหนึ่งปีผ่านไป โลกฟุตบอลก็ยังรอฟังคำตัดสินจากคณะกรรมการอิสระว่ามอง แมนฯ ซิตี้ ผิดหรือถูก ซึ่งบรรดานักกฎหมายและกูรูด้านการเงินหลายคนยอมรับตรงกันว่าระยะเวลาที่ยืดเยื้อขนาดนี้ “ผิดจากที่คาดมาก” เพราะโดยหลักแล้วคดีทางการเงินของสโมสรฟุตบอลมักจะเร่งให้จบเพื่อไม่ให้กระทบการแข่งขันมากเกินไป

จนล่าสุดชื่อของ สเตฟาน บอร์สัน อดีตที่ปรึกษาด้านการเงินของแมนฯ ซิตี้ และปัจจุบันเป็นหนึ่งในเสียงวิจารณ์สำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเมืองผู้ดี โดยมองว่าคำตัดสินไม่น่าจะถูกดึงยาวไปถึงปีหน้า

เขาย้ำมุมมองของตัวเองแบบไม่อ้อมค้อมว่า

ผมคิดว่ามันน่าจะรู้ผลในปีหน้า แต่ผมคิดว่ามันอาจเร็วกว่านั้นก่อนช่วงคริสต์มาส ผมไม่คิดว่ามันจะกินเวลานานมากไปกว่านี้ บอร์สัน เผยกับ ทอล์คสปอร์ต

คำพูดชุดนี้สะท้อนชัดว่า แม้คนในสายกฎหมายและการเงินจะเข้าใจว่าคดีซับซ้อน แต่ทุกฝ่ายก็เริ่มมองตรงกันว่า “ถึงเวลาแล้ว” ที่พรีเมียร์ลีกต้องแสดงจุดยืนให้ชัดว่าจะเอายังไงกับหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดยุคปัจจุบัน

ถ้าผิดจริงจะโดนอะไร? กูรูการเงินฟันธงโทษหักแต้มหนักสุด

ในอีกมุมหนึ่ง คีแรน มาไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินลูกหนังชื่อดัง เคยออกมาแสดงความเห็นตั้งแต่ช่วงต้นปีว่า หากคณะกรรมการชี้ชัดว่า แมนฯ ซิตี้ ผิดจริง โทษที่ “มีความเป็นไปได้สูงสุด” ไม่ใช่แค่เรื่องเงินปรับ แต่คือการ “หักแต้มในลีกแบบมหาศาล” จนมีโอกาสทำให้ทีมหล่นจากหัวตารางลงไป “โซนตกชั้น” ได้เลย

มาไกวร์หยิบเคสของ เอฟเวอร์ตัน มาเทียบให้เห็นภาพชัด — ทอฟฟี่สีน้ำเงินเคยโดนลงโทษหัก 10 แต้มจากการทำผิดกฎด้านการเงินแค่ซีซั่นเดียว ก่อนอุทธรณ์จนโทษถูกปรับลดเหลือ 6 แต้มในภายหลัง แต่จุดสำคัญคือ “บรรทัดฐาน” ว่าการทำผิดกฎใช้จ่ายเพียงปีเดียว ยังโดนหักแต้มระดับเปลี่ยนหน้าตาตารางคะแนนได้ทันที

ในเมื่อเคสของเอฟเวอร์ตันยังโดนหนักขนาดนั้น มาไกวร์จึงมองแบบตรงไปตรงมาว่า หากแมนฯ ซิตี้ถูกชี้ว่าผิดจริง แถมเป็นการผิดต่อเนื่องหลายปี จำนวนแต้มที่ถูกหักอาจดีดไปถึง 60–100 แต้ม เลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขระดับนี้แทบการันตีว่าทีมจะไม่เหลือที่ยืนในหัวตาราง และอาจหล่นร่วงลงจาก พรีเมียร์ลีก ไปเล่นในลีกรองของระบบ อิงลิช ฟุตบอล ลีก แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

พูดง่ายๆ คือจากทีมลุ้นแชมป์อาจต้องกลายเป็นทีมที่ต้องมองตารางคะแนนในอีกโลกหนึ่งแทน

ไม่ใช่แค่แมนซิตี้ที่เสียวทั้งลีกก็สะเทือน

หลายคนอาจมองว่านี่คือเรื่องของแมนฯ ซิตี้กับพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ความจริงแล้วผลตัดสินของคดีนี้จะส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นสโมสรคู่แข่ง แฟนบอล นักลงทุน หรือแม้แต่ผู้ออกกฎในอนาคต

ถ้า แมนฯ ซิตี้ ถูกตัดสินว่าผิดและโดนโทษหนัก เช่น หักแต้มจำนวนมาก หรือถึงขั้นตกชั้น นั่นคือการยืนยันชัดเจนว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎ” ต่อไปนี้สโมสรอื่นๆ จะต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย การจัดทำบัญชี และดีลสปอนเซอร์มากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในทางกลับกัน ถ้าผลออกมาว่า “ไม่มีความผิด” หรือโดนโทษเบากว่าที่หลายฝ่ายคาด ย่อมเกิดคำถามใหญ่เรื่องมาตรฐานการลงโทษ เมื่อเทียบกับกรณี เอฟเวอร์ตัน หรือสโมสรที่เคยโดนหักแต้มในอดีต แฟนบอลและทีมอื่นอาจรู้สึกว่ามี “สองมาตรฐาน” ซึ่งเป็นสิ่งที่พรีเมียร์ลีกพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

กล่าวได้ว่าคดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของคะแนนในตาราง แต่มันคือเรื่อง “เครดิตของลีกทั้งลีก” ที่ถูกจับจ้องจากทั้งโลกลูกหนัง

ทำความเข้าใจโทษหักแต้ม–กฎการเงินแบบแฟนบอลต้องรู้

สำหรับแฟนบอลชาวไทยที่ติดตามผ่าน บ้านกีฬา การรู้ภาพกว้างของกฎการเงินและโทษหักแต้มช่วยให้มองคดีนี้ได้ชัดกว่าเดิม

ปัจจุบัน พรีเมียร์ลีกใช้กติกาด้านการเงินอย่าง Profitability and Sustainability Rules (PSR) ซึ่งมีเป้าหมายจำกัดการขาดทุนสะสมของสโมสรในรอบระยะเวลาที่กำหนด หากขาดทุนเกินเพดาน สโมสรเสี่ยงโดนทั้งปรับเงินและ หักแต้ม ทันที — เคสเอฟเวอร์ตันคือบทเรียนสดๆ ที่เห็นภาพที่สุด โดยโดนหักแต้มทันใจตั้งแต่ระหว่างฤดูกาล ไม่ใช่รอเคลียร์หลังจบซีซั่น

ในอนาคต พรีเมียร์ลีกยังเตรียมปรับระบบมาเป็นกฎควบคุมค่าใช้จ่ายแบบ “Squad Cost Ratio” จำกัดให้แต่ละทีมใช้เงินไม่เกินสัดส่วนหนึ่งของรายได้ต่อปี พร้อมวางบทลงโทษเพิ่มทั้งเรื่องปรับและหักแต้มหากใช้จ่ายเกินกว่าที่กำหนดอีกระดับหนึ่ง

ทั้งหมดนี้แปลเป็นภาษาบอลง่ายๆ ว่า “ยุคใช้เงินแบบไม่สนกฎ” กำลังจะจบลง สโมสรที่ยังเล่นใหญ่โดยไม่มองสมดุลการเงินอาจต้องเจอมีดลงโทษในรูปแบบแต้มในตาราง ไม่ใช่แค่ตัวเลขในงบการเงินอีกต่อไป

มุมมองเข้มๆ จาก บ้านกีฬา ต่อคดีประวัติศาสตร์เรือใบสีฟ้า

เมื่อเอาทุกปัจจัยมารวมกัน คดี 115 กระทงของแมนฯ ซิตี้ จึงไม่ใช่แค่ดราม่าขยี้แฟนบอลคู่แข่ง แต่คือจุดตัดสำคัญของทิศทางฟุตบอลอังกฤษในยุคใหม่ หากโทษออกมาหนักอย่างที่กูรูการเงินคาด เช่น หักแต้มในระดับ 60–100 แต้มจนถึงขั้น ตกชั้น จริง นอกจากจะเป็นข่าวช็อกโลกแล้ว ยังเป็นสัญญาณเตือนสโมสรใหญ่อื่นๆ ว่า “การเล่นกับไฟกฎการเงิน” มีราคาแพงกว่าที่คิด

ในทางกลับกัน ถ้าคำตัดสินออกมาเบา หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย กระแสความไม่พอใจจากแฟนบอลสโมสรอื่น และเสียงวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมของ พรีเมียร์ลีก ย่อมดังสนั่นไม่แพ้กัน เพราะทุกคนยังจำได้ดีว่า เอฟเวอร์ตัน ถูกลงโทษกลางฤดูกาลแบบไม่ลังเลมาก่อนแล้ว

ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาแบบไหน คดีนี้จะกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ลีกอังกฤษอย่างแน่นอน แฟนบอลจึงควรจับตาทั้งการเคลื่อนไหวของคณะกรรมการอิสระ เสียงจากสโมสรอื่น และท่าทีของแมนฯ ซิตี้เองในช่วงก่อน-หลังมีคำตัดสิน

ใครที่อยากตามทุกจังหวะของคดีนี้ ข่าวลึกเบื้องหลัง การวิเคราะห์ผลกระทบต่อแชมป์เก่า และดราม่าระดับเขย่าเก้าอี้บอร์ดบริหารสโมสรใหญ่ ห้ามพลาด ติดตามอัปเดตแบบภาษาบอลมันส์ๆ ได้ตลอดที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา แล้วคุณจะไม่หลุดทุกประเด็นเดือดของโลกฟุตบอลยุคใหม่

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา