เอ็นโดไม่โอเคกับสถานการณ์ล่าสุด ทั้งลิเวอร์พูลและทีมชาติยังไม่ให้บทบาทเท่าที่หวัง
วาตารุ เอ็นโด กองกลางตัวรับจอมเก๋าของ ลิเวอร์พูล และทีมชาติญี่ปุ่น ออกมาเปิดอกยอมรับแบบไม่มีกั๊กว่า เขา “ไม่แฮปปี้” กับสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ หลังบทบาทในสนามลดลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ แม้จะเพิ่งได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องที่ทัพซามูไรบลูถล่มโบลิเวีย 3-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
กองกลางวัย 32 ปีรายนี้เพิ่งได้ลงเล่นให้ทีมชาติเป็นครั้งแรกในรอบ 5 นัด หลังตำแหน่งตัวจริงถูกแย่งไปโดย ไคซู ซาโนะ มิดฟิลด์ดาวรุ่งจากไมนซ์ 04 ที่ฟอร์มกำลังพุ่งแรงจนยึดพื้นที่สำคัญในแดนกลางของญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อย
บทบาทกับลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
ปัญหาไม่ได้เกิดเฉพาะในทีมชาติเท่านั้น เพราะกับลิเวอร์พูล เอ็นโดยังได้รับโอกาสลงสนามน้อยจนน่าตกใจ โดยเจ้าตัวเพิ่งถูกใช้งานเพียง 55 นาที เท่านั้นในช่วงหลายเกมที่ผ่านมา ทั้งที่ทีม “หงส์แดง” มีโปรแกรมถี่ยิบมากถึงกว่า 3 เท่า แต่ฟอร์มและแท็กติกของทีมทำให้เขาไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมเท่าที่ควร
สำหรับนักเตะที่เคยเป็นแกนหลักและได้รับความไว้วางใจในซีซันก่อน การถูกลดบทบาทแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่เจ้าตัวรับไม่ได้สักเท่าไรนัก
คำพูดตรงไปตรงมาของเอ็นโด ไม่ต้องรีไรท์ตามต้นฉบับ
“ผมไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนัก แต่ทุกครั้งผมลงเล่นด้วยความรู้สึกว่าต้องทำผลงานให้อยู่ในระดับสูงให้ได้ ผมเข้าใจระบบการบริหารของทีม และคิดถึงวิธีรับมือในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
“สำหรับตอนนี้ ฮาจิเมะ โมริยาสุ (กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น) ทำหน้าที่ครบ 100 เกมแล้ว ดังนั้นผมดีใจที่เราสามารถจบเกมนี้ (โบลิเวีย) ด้วยการคว้าชัยชนะ มันเป็นเกมที่มีความหมายพิเศษ ดังนั้นผมคิดว่าการที่เราชนะเป็นเรื่องที่ดี แต่ผมยังไม่พอใจแบบเต็มร้อย”
“ดังนั้นสิ่งแรกผมจะต้องกลับไปยังสโมสรของผม และทำผลงานให้ดีที่สุด จากนั้นผมจะพบกับพวกคุณอีกครั้งในเดือนมีนาคมพร้อมกับใบหน้าที่สดชื่น”
มองลึกกว่าสถานการณ์ – ทำไมเอ็นโดถึงถูกลดบทบาท?
การเปลี่ยนผ่านของลิเวอร์พูลในยุคใหม่ที่ต้องการเกมสปีดสูงและการไล่บีบพื้นที่แบบเข้มข้นอาจทำให้เอ็นโดไม่ได้รับบทบาทสำคัญเหมือนเดิม อีกทั้งการมาของนักเตะใหม่หลายคนที่มีพลังและความเร็วมากกว่า ทำให้เขาต้องแข่งขันหนักขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ การเล่นให้ทีมชาติที่มีตัวเลือกหลากหลายก็ทำให้โอกาสของเขาถูกแบ่งไปตามธรรมชาติของการเปลี่ยนถ่ายรุ่นในทัพซามูไรบลู
แฟนบอลญี่ปุ่นหลายคนยังเชื่อว่า เอ็นโดมีประสบการณ์และวินัยเกมรับที่ทีมยังต้องการ เพียงแต่จังหวะและแท็กติกที่เปลี่ยนไปทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองมากขึ้นในทุกนัดที่ได้ลงสนาม
บทเรียนสำหรับผู้เล่นรุ่นใหญ่ในยุคฟุตบอลสปีดสูง
สถานการณ์ของเอ็นโดคือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน นักเตะที่อายุเกิน 30 ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองทุกวินาที ไม่ว่าจะด้วยการปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ ฟื้นฟูความฟิต หรือสร้างอิมแพกต์ให้มากที่สุดในเวลาจำกัด แม้บทบาทจะลดลง แต่ประสบการณ์ของผู้เล่นแบบเขายังนับว่ามีความหมาย ทั้งในห้องแต่งตัวและในช่วงเวลาที่ทีมต้องการความนิ่ง
ในระยะยาว เอ็นโดอาจกลับเข้ามามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง หากเขาโชว์มาตรฐานเดิมที่แฟนบอลคุ้นเคย โดยเฉพาะเกมดุดัน วิ่งไม่มีหมด และการอ่านจังหวะเกมที่แม่นยำ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังเป็นอาวุธที่ลิเวอร์พูลและญี่ปุ่นสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เสมอ
สุดท้ายแล้ว บทสัมภาษณ์ครั้งนี้คือสัญญาณชัดเจนว่า เอ็นโดยังมีไฟ และพร้อมจะกลับมากู้ชื่อแบบเต็มสูบ ขอให้แฟนบอลรอติดตามการคืนฟอร์มของเขาได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

