สถานการณ์ล่าสุด: แนวรับปืนใหญ่ป่วนหนักก่อนโปรแกรมเดือด
อาร์เซน่อลกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ระดับโครงสร้างแนวรับ เมื่อสองตัวหลักอย่าง คาลาฟิออรี่ และ กาเบรียล มากัลเญส ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานระหว่างรับใช้ทีมชาติ ส่งผลให้ มิเกล อาร์เตต้า ต้องรีบปรับหมากใหม่ในสัปดาห์สำคัญที่มีคิวชน ท็อตแน่ม, บาเยิร์น มิวนิค และ เชลซี แบบติด ๆ กัน โดยทั้งหมดคือเกมที่สามารถชี้ชะตาเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ทันที
ด้วยสถานการณ์ที่แนวรับเหลือเพียงไม่กี่ตัวเลือก อาร์เตต้าจึงต้องพิจารณา 4 แผนสำคัญที่มีอยู่ในทีม เพื่อรักษามาตรฐานความแข็งแกร่งและยังคงภาพลักษณ์ทีมลุ้นแชมป์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด
อาการบาดเจ็บที่กระทบทีมแบบจัง ๆ
หลังเกมทีมชาติที่ผ่านมา ทั้ง ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ และ กาเบรียล มากัลเญส ต้องออกจากสนามพร้อมปัญหาบาดเจ็บ โดยรายงานเบื้องต้นระบุว่าทั้งสองกำลังอยู่ในขั้นตอนประเมินอาการอย่างละเอียด ส่งผลให้ทีมงานสตาฟฟ์ของอาร์เตต้าต้องพลิกแผนรับมือทันที
แนวรับของอาร์เซน่อลเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญของฤดูกาลนี้ การเสียแกนหลักพร้อมกันสองคนจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก และทำให้ผู้จัดการทีมจำเป็นต้องเลือกแนวทางที่เสถียรที่สุดสำหรับเกมระดับท็อป 3 นัดติดต่อกัน
4 แผนแนวรับที่อาร์เตต้าอาจใช้แก้วิกฤตครั้งนี้
แผน A: ทิมเบอร์ – ซาลีบา – มอสเกร่า – ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่
ตัวเลือกพื้นฐานที่สุดคือการใช้ทดแทนตัวต่อตัวในตำแหน่งสำคัญ
- คริสเตียน มอสเกร่า คือเซนเตอร์แบ็กอันดับหนึ่งที่พร้อมขึ้นมาแทน กาเบรียล หรือแม้แต่ยืนคู่กับ วิลเลี่ยม ซาลีบา
- ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ คือแบ็กซ้ายเบอร์ 2 แบบตรงตำแหน่งถัดจากคาลาฟิออรี่ ทำให้แผนนี้มีโครงสร้างใกล้เคียงกับแผนตัวจริงที่สุด
จุดเด่นของแผนนี้คือ “เปลี่ยนให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด” ลดความเสี่ยงเรื่องความเข้าใจกันของทีม
แผน B: ทิมเบอร์ – ซาลีบา – ปิเอโร่ อินกาปิเอ้ – ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่
ในกรณีที่ต้องการผู้เล่นถนัดซ้ายอย่างเป็นธรรมชาติ
- ปิเอโร่ อินกาปิเอ้ คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่มีสไตล์ใกล้เคียงกาเบรียลมากที่สุด ทั้งการยืนตำแหน่งและการอ่านเกม
ข้อเสียคือเขาเพิ่งย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และยังต้องเคลียร์ปัญหาความฟิต แต่หากพร้อมลงสนาม เขาจะทำให้โครงสร้างเกมรับดูสมดุลกว่าเดิม
แผน C: ทิมเบอร์ – ซาลีบา – มอสเกร่า – อินกาปิเอ้
ตัวเลือกผสมที่เน้นดึงศักยภาพนักเตะให้มากที่สุด
- หากทั้งมอสเกร่าและอินกาปิเอ้พร้อม อาร์เตต้าสามารถจัดวางทั้งคู่ลงสนามพร้อมกัน โดยโยกอินกาปิเอ้ออกไปเล่นแบ็ก ซึ่งเขาเคยทำได้ดีสมัยอยู่เลเวอร์คูเซ่น
แผนนี้ทำให้ทีมมีพลังเกมรับสูงทั้งสองฝั่ง และเซนเตอร์แบ็กมีการคุมจังหวะที่แข็งแกร่ง
แผน D: เบน ไวท์ – ซาลีบา – อินกาปิเอ้ – ทิมเบอร์
แผนที่เน้น “ประสบการณ์” มากกว่า
- การดึง เบน ไวท์ กลับมาเป็นตัวจริงจะช่วยเพิ่มความนิ่งและความเก๋าในการเจอเกมใหญ่
- ทิมเบอร์สามารถเล่นได้ทั้งฟูลแบ็กและเซนเตอร์ ทำให้แผนนี้ยืดหยุ่นและปรับรูปแบบกลางเกมได้ง่าย
นอกจากนี้ อาร์เตต้ายังสามารถสลับใช้มอสเกร่าในตำแหน่งเซนเตอร์เพื่อพักผู้เล่นบางคนได้ด้วย
โควตคำพูดจากต้นฉบับ (ไม่รีไรท์):
“ทั้งนี้ การเลือกใช้ชุดใดขึ้นอยู่กับ อาร์เตต้า ที่ต้องประเมินทั้งฟอร์มและความเข้ากันของผู้เล่น เพื่อให้ อาร์เซน่อล ยังคงความมั่นคงในเกมรับ ก่อนหมดเบรกทีมชาติพร้อมศึกสำคัญรออยู่ใน “นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้” รับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คืนวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.นี้ ต่อด้วยอีก 2 ศึกใหญ่พบ บาเยิร์น มิวนิค ในเวที UCL และอีกหนึ่งดาร์บี้แมตช์กับ เชลซี”
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจสำหรับแฟนบอลไทย
ช่วงหลังนี้แนวรับถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมระดับลุ้นแชมป์ในพรีเมียร์ลีก เพราะทุกแต้มมีความหมายอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน การปรับแผนเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อฟอร์มของทีมอย่างชัดเจน ทำให้อาร์เซน่อลต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบที่สุดในช่วงคับขันแบบนี้
นอกจากนี้ มิดฟิลด์และกองหน้าเองจะได้รับผลกระทบจากรูปแบบแบ็กไลน์ด้วย เพราะการยืนตำแหน่งของฟูลแบ็กและเซนเตอร์แบ็กมีผลโดยตรงกับจังหวะการขึ้นเกมรุก ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลควรจับตามองในช่วงเกมใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
ช่วงสำคัญที่แฟนปืนใหญ่ต้องลุ้น
โปรแกรมหนักระดับหินของอาร์เซน่อลกำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่วัน และไม่ว่ามิเกล อาร์เตต้าจะเลือกใช้แผนใด การรักษาวินัยเกมรับคือกุญแจสำคัญของทีมในการยืนระยะต่อสู้ทีมใหญ่ต่อเนื่อง แฟนปืนใหญ่อย่างเราคงต้องจับตาว่า ทีมรักจะรับมือดาบสองคมนี้ได้ดีเพียงใด
อัปเดตทุกความเคลื่อนไหวของ อาร์เซน่อล, บทวิเคราะห์เกมเดือด และ ผลบอลสด ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

