
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง เบรนท์ฟอร์ด 3-1 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด วันนี้ 9/11/68 – บ้านกีฬา
ศึกลีกสูงสุดอังกฤษ พรีเมียร์ลีก ที่จีเท็ค คอมมูนิตี้ สเตเดียม แฟนบอล “ผึ้งมหากาฬ” ได้เฮลั่น เมื่อ เบรนท์ฟอร์ด เปิดบ้านรัวแซงชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-1 ในเกมที่ทีมเยือนเหลือผู้เล่น 10 คนช่วงครึ่งหลัง แถมพระเอกของเรื่องคือ อิกอร์ ติอาโก ที่กดสองประตูในครึ่งหลัง พลิกเกมจากตามหลังกลับมาคว้า 3 แต้มสำคัญต่อหน้ากองเชียร์แน่นสนาม ส่วนแฟนที่ตามลุ้นผ่านจอเช็ก ผลบอลสด กันมันส์ตั้งแต่นาทีแรกยันทดเจ็บ
⏱️ ครึ่งแรก: สาลิกาบุกน้อยแต่คม บาร์นส์ซัดนำ
เปิดเกมมา นิวคาสเซิ่ลของ เอ็ดดี้ ฮาว วางหมากรัดกุม เล่น 4-3-3 เน้นเซ็ตบอลจากหลังขึ้นมาช้า ๆ ใช้สามกลางอย่าง วอลท์เทอมาดे, โตนาลี และ บรูโน่ กิมาไรส์ คอยคุมจังหวะ ส่วนสามแนวรุกเป็น มาร์ฟี่ – โจลินตอน – ฮาร์วีย์ บาร์นส์
ด้านเจ้าบ้านของ คีธ แอนดรูว์ส ยืน 4-2-3-1 ให้ เควิน เซด ยืนริมเส้นขวา ดาริโอ อูอัตตาร่า ฝั่งซ้าย มี มิคเคล ดัมส์การ์ด ปั้นเกมหลังหัวหอกอย่าง อิกอร์ ติอาโก โดยมีคู่กลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ยาร์โมลยุก คอยคุมเกม
รูปเกมครึ่งแรก เบรนท์ฟอร์ดพยายามบี้สูง ไล่เพรสตั้งแต่แดนหน้า ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ต่อบอลไม่ไหลลื่นเท่าไร แต่ทีมเยือนใช้ความนิ่งและความคมเล่นงาน นาที 24 โจลินตอนเจ็บต้องออก แล้วส่ง จาค็อบ แรมซีย์ ลงมาประเดิมสนามเร็ว
จากนั้นนาที 27 สกอร์แรกของเกมก็มา จากจังหวะสวนกลับทางซ้าย บาร์นส์ รับบอลทะลุช่องก่อนหาจังหวะยิงในเขตโทษ บอลพุ่งเสียบเสาแบบไม่ให้เคลเลเฮอร์ได้ลุ้น กลายเป็นประตูให้ “สาลิกาดง” บุกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ แม้ “ผึ้งน้อย” จะมีโอกาสยิงมากกว่า แต่ยังเจาะ นิค โป๊ป ไม่เข้า
🔁 ครึ่งหลัง: ผึ้งมหากาฬปล่อยพิษแสบ แดน เบิร์น โดนไล่ออก เกมพลิกทั้งแมตช์
กลับมาครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ดเร่งสปีดเกมทันที นาที 49 แดน เบิร์น เริ่มออกอาการเละ โดนใบเหลืองจากจังหวะตัดฟาวล์ ก่อนที่เจ้าบ้านจะหาโอกาสตีเสมอได้ในนาที 56 เมื่อ เควิน เซด วิ่งสอดเข้ากลางรับบอลแล้วซัดผ่านมือโป๊ปอย่างเฉียบขาด สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1
เจ้าถิ่นได้ใจบุกต่อเนื่อง นาที 61 ดาริโอ อูอัตตาร่า ไปพุ่งล้มเอาจุดโทษแต่ไม่รอดสายตาผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอตต์เวลล์ โดนใบเหลืองข้อหา “ซิมูเลชัน” ทำให้เกมยิ่งเดือด
นาที 70 คีธ แอนดรูว์สแก้เกมส่ง ริโก้ เฮนรี่ ลงแทน ฮิคกี้ เสริมความสดริมเส้นซ้าย ด้านนิวคาสเซิ่ลสถานการณ์แย่ลงอีกเมื่อนาที 73 แดน เบิร์น เสียเหลี่ยมแล้วไปฟาวล์หนักอีกครั้ง กรรมการชูใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทิ้งให้ทีมเยือนต้องเล่น 10 คนเกือบ 20 นาทีท้าย
เอ็ดดี้ ฮาว พยายามพลิกเกม ส่งแรมส์เดล, ลูอิส ฮอลล์, แอนโธนี่ อีลังก้า และ โจ วิลล็อค ลงมายกเครื่องเกมรับ-รุกทีเดียว 4 ตัวในนาที 77 แต่ยังไม่ทันตั้งตัว นาที 78 อิกอร์ ติอาโก ฉวยโอกาสซัดประตูแซง 2-1 ให้เบรนท์ฟอร์ดขึ้นนำท่ามกลางเสียงเฮสนั่น
ช่วงท้ายเกม เบรนท์ฟอร์ดเปลี่ยนคู่กลาง ส่ง ยาเนลท์ กับ มาธิอัส เยนเซน ลงมาช่วยล็อกแดนกลาง พร้อมกับใบเหลืองของ ไมเคิล คาโยเด้ นาที 87 แต่ก็ไม่ทำให้เกมหลุดมือ ก่อนที่ช่วงทดเจ็บ 90+5 ติอาโก จะมาซัดเม็ดสองของตัวเองจากลูกจุดโทษ ปิดเกม 3-1 อย่างสวยงาม แม้ท้ายเกมจะมีการสลับเอา รีส เนลสัน ลงมา และฝั่งนิวคาสเซิ่ลส่ง ลูอิส มาเลย์ แทน บรูโน่ กิมาไรส์ รวมถึงใบเหลืองของ คีแรน ทริปเปียร์ นาที 90+7 แต่รูปเกมก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🐝 เบรนท์ฟอร์ด (4-2-3-1) – ผู้จัดการทีม: คีธ แอนดรูว์ส
ผู้รักษาประตู
- คออิมิน เคลเลเฮอร์ (คะแนน 6.1)
กองหลัง
- แบ็กขวา แอนดี้ ฮิคกี้ (6.4) – ถูกเปลี่ยนออกน.70
- เซนเตอร์แบ็ก เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก (6.7)
- เซนเตอร์แบ็ก นาธาน คอลลินส์ กัปตันทีม (6.8)
- แบ็กซ้าย ไมเคิล คาโยเด้ (7.6, มีใบเหลือง น.87)
กองกลางตัวรับ
- จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (6.6)
- เยห์เวน ยาร์โมลยุก (6.9) – ออก น.84
ตัวรุกสามคนหลังหน้าเป้า
- ปีกขวา เควิน เซด (8.0) – ยิงประตูตีเสมอ 1-1 น.56
- เพลย์เมกเกอร์ มิคเคล ดัมส์การ์ด (6.7) – ออก น.84
- ปีกซ้าย ดาริโอ อูอัตตาร่า (6.6, ใบเหลือง น.61) – ออก น.90+2
กองหน้า
- อิกอร์ ติอาโก (9.1) – เหมาสองประตู น.78 และ 90+5
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- ริโก้ เฮนรี่ (6.8) ลง น.70 แทน ฮิคกี้
- มาธิอัส เยนเซน (6.6) ลง น.84 แทน ดัมส์การ์ด
- วิตาลี่ ยาเนลท์ (6.7) ลง น.84 แทน ยาร์โมลยุก
- รีส เนลสัน (6.8) ลง น.90+2 แทน อูอัตตาร่า
ตัวสำรองไม่ได้ใช้
ฮาคอน รัฟน์ วัลดิมาร์สสัน (GK), อีธาน พินน็อค, คีน ลูอิส-พ็อตเตอร์, แฟร้งค์ โอนเยก้า, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่
บวกกับรายชื่อบาดเจ็บอย่าง อันโตนิ มิลัมโบ (out) และ โจชัว ดาซิลวา (doubtful) ที่ไม่มีชื่อในเกมนี้
⚫ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (4-3-3) – ผู้จัดการทีม: เอ็ดดี้ ฮาว
ผู้รักษาประตู
- นิค โป๊ป (6.5) – ออก น.77
กองหลัง
- แบ็กขวา คีแรน ทริปเปียร์ (6.3, ใบเหลือง น.90+7)
- เซนเตอร์แบ็ก สเวน บ็อตมัน (6.1)
- เซนเตอร์แบ็ก มาลิค เทียว (6.8)
- แบ็กซ้าย แดน เบิร์น (5.6, ใบเหลือง น.49 และใบแดง น.73)
กองกลาง
- บรูโน่ กิมาไรส์ กัปตันทีม (7.2) – ออกช่วงทดเจ็บ น.90+6
- ซานโดร โตนาลี (6.4) – ออก น.77
- นิค วอลท์เทอมาดε (6.2)
แนวรุกสามตัว
- ปีกขวา เจค็อบ มาร์ฟี่ (6.6) – ออก น.77
- หน้าเป้า โจลินตอน (6.5) – ออกเร็ว น.24
- ปีกซ้าย ฮาร์วีย์ บาร์นส์ (7.4) – ทำประตูนำ 0-1 น.27, ออก น.77
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- จาค็อบ แรมซีย์ (6.6) ลง น.24 แทน โจลินตอน
- แอรอน แรมส์เดล (6.5) ลง น.77 แทน โป๊ป
- ลูอิส ฮอลล์ (6.2) ลง น.77 แทน บาร์นส์
- แอนโธนี่ อีลังก้า (6.3) ลง น.77 แทน มาร์ฟี่
- โจ วิลล็อค (6.4) ลง น.77 แทน โตนาลี
- ลูอิส มาเลย์ (ประมาณ 6.8) ลงช่วงทดเจ็บ น.90+6 แทน บรูโน่
ตัวสำรองไม่ได้ใช้
ฟาเบียน แชร์, จามาล ลาสเซลส์, เอมิล คราฟธ์
ขณะที่แข้งเดี้ยงสำคัญ ๆ ได้แก่ แฮร์ริสัน แอชบี้, โยแอน วิสซ่า, วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้, แอนโธนี่ กอร์ดอน และ วิลเลียม โอซูล่า ซึ่งล้วนหายไปจากตัวเลือกของ ฮาว ในเกมนี้
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับของทั้งสองทีม
หากมองในมุม วิเคราะห์บอล เชิงแท็กติก เกมนี้เบรนท์ฟอร์ดชนะเพราะ “กล้าเสี่ยงและวิ่งไม่หมด” แม้รูปแบบ 4-2-3-1 ดูธรรมดา แต่การเคลื่อนที่ของสามตัวรุกหลังหน้าเป้าทำให้แนวรับนิวคาสเซิ่ลเสียสมดุลบ่อยครั้ง เซด กับ อูอัตตาร่า หุบเข้าในเปิดทางให้ฟูลแบ็กเติมสูง สร้างสถานการณ์ 2 ต่อ 1 ด้านข้างอยู่เรื่อย ๆ ประตูตีเสมอของ เซด ก็มาจากการเคลื่อนที่สอดจากข้างเข้าในแบบนี้
จุดสำคัญคือการใช้ ติอาโก ยืนค้ำชนเซนเตอร์คู่บ็อตมัน–เทียว เขาไม่ใช่แค่ตัวจบสกอร์ แต่คอยพักบอลให้เพื่อนวิ่งสอด การดวลกลางอากาศกับกองหลังสาลิกาชนะบ่อยครั้ง ทำให้บอลสองตกอยู่กับแดนกลาง “ผึ้งมหากาฬ” มากกว่า ผลงานสองประตูของเขาเป็นบทสรุปชัดเจนว่ากองหน้าตัวเป้าทำงานได้สมบูรณ์ทั้งในเกมรับและรุก
ฝั่งนิวคาสเซิ่ล แม้จะต่อบอลกันสวย ใช้สามกลางคุมจังหวะได้ดีในครึ่งแรก แต่จุดอ่อนคือการป้องกันริมเส้น โดยเฉพาะฝั่งซ้ายของ แดน เบิร์น ที่เจอเซดกับคาโยเด้ขยี้ตลอดทั้งเกม จนสุดท้ายต้องจบลงด้วยการโดนใบแดง ทำให้โครงสร้างหลัง 4 คนพัง เลยต้องถอย วอลท์เทอมาดε ลงมาช่วยเกมรับและเสียความดุดันในแดนกลางไป
หลังเหลือ 10 คน แท็กติกของ ฮาว เปลี่ยนเป็น 4-4-1 ถอยบาร์นส์มายืนต่ำก่อนถูกเปลี่ยนออก แต่การบีบเกมหน้าเขตโทษทำได้ไม่เนียน เปิดพื้นที่ให้ติอาโกหาพื้นที่ยิงได้เรื่อย ๆ ขณะที่การเติมเกมบุกแทบไม่มี เพราะต้องถอยทั้งวิงเกอร์และฟูลแบ็กลงต่ำ ปล่อยให้เบรนท์ฟอร์ดคอนโทรลจังหวะจนปิดเกมได้อย่างเฉียบขาด

📈 สถิติการแข่งขันที่บอกเรื่องราวเกม
แม้รูปเกมในสายตาคนดูจะรู้สึกว่าเบรนท์ฟอร์ดบุกหนักกว่านิวคาสเซิ่ล แต่ตัวเลขยืนยันชัดเจนว่าพวกเขา “เฉียบคมกว่า” อย่างแท้จริง เจ้าถิ่นกดไป 14 ครั้ง เข้ากรอบถึง 8 ขณะที่ทีมเยือนยิงได้แค่ 4 และตรงกรอบเพียงลูกเดียว แต่ครองบอลใกล้เคียงกัน เบรนท์ฟอร์ด 49% นิวคาสเซิ่ล 51% แถมฝั่งสาลิกายังออกบอลมากกว่าที่ 414 ครั้ง และมีความแม่นยำในการจ่ายถึง 88% ขณะที่เจ้าบ้านจ่าย 368 ครั้ง แม่นยำ 80%
เรื่องเกมรับ เบรนท์ฟอร์ดทำฟาวล์ 10 ครั้ง ใบเหลือง 2 ใบ ไม่มีใบแดง ส่วนทีมเยือนทำฟาวล์ถึง 13 ครั้ง ได้เหลือง 2 ใบ แต่สุดท้ายโดนใบแดงจากเบิร์น ทำให้ช่วงท้ายเกมต้องถอยทั้งแผงหลังไปยืนเกือบหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ความได้เปรียบด้านจำนวนผู้เล่น บวกกับลูกเตะมุม 6 ต่อ 2 ช่วยให้ผึ้งมหากาฬกดดันได้ต่อเนื่องจนสกอร์ไหลเป็น 3-1
⏱️ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 24’ นิวคาสเซิ่ลเปลี่ยนตัวคนแรก โจลินตอนเจ็บ ถูกเปลี่ยนออก ส่ง จาค็อบ แรมซีย์ ลงมาแทน
- ⚽ 27’ ประตู 0-1 ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ยิงให้สาลิกาบุกนำในครึ่งแรก
- 🟨 49’ แดน เบิร์น โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์ตัดเกม
- ⚽ 56’ เควิน เซด ซัดตีเสมอ 1-1 ให้เบรนท์ฟอร์ด กลับมาเกมได้
- 🟨 61’ ดาริโอ อูอัตตาร่า โดนใบเหลืองข้อหา “พุ่งล้มเรียกจุดโทษ”
- 🔁 70’ ริโก้ เฮนรี่ ลงสนามแทน แอนดี้ ฮิคกี้ เสริมความสดทางซ้ายให้เจ้าบ้าน
- 🟥 73’ แดน เบิร์น ทำฟาวล์อีกครั้ง กรรมการแจกเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง นิวคาสเซิ่ลเหลือ 10 คน
- 🔁 77’ นิวคาสเซิ่ลเปลี่ยนรวด 4 คน ส่ง แรมส์เดล, ลูอิส ฮอลล์, อีลังก้า และ วิลล็อค ลงแทน โป๊ป, บาร์นส์, มาร์ฟี่ และ โตนาลี
- ⚽ 78’ อิกอร์ ติอาโก ยิงให้เบรนท์ฟอร์ดแซงนำ 2-1 สร้างแรงกระเพื่อมทั้งสนาม
- 🔁 84’ เบรนท์ฟอร์ดเสริมกลาง ส่ง มาธิอัส เยนเซน กับ วิตาลี่ ยาเนลท์ ลงมา
- 🟨 87’ ไมเคิล คาโยเด้ รับใบเหลืองจากจังหวะตัดเกมโต้กลับ
- 🔁 90+2’ รีส เนลสัน ลงสนามแทน อูอัตตาร่า
- 🔁 90+6’ ลูอิส มาเลย์ ลงแทน บรูโน่ กิมาไรส์ เพื่อยกระดับความสดแดนกลางนิวคาสเซิ่ล
- ⚽ 90+5’ อิกอร์ ติอาโก ยิงจุดโทษปิดกล่อง 3-1 ให้เบรนท์ฟอร์ด
- 🟨 90+7’ คีแรน ทริปเปียร์ โดนใบเหลืองในช่วงท้ายเกม
🌟 Player of the Match – อิกอร์ ติอาโก หัวหอกตัวเปลี่ยนเกม
รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของเกมนี้ไม่ต้องถกเถียงให้เสียเวลา ชื่อของ อิกอร์ ติอาโก โผล่ขึ้นมาแบบไร้ข้อโต้แย้ง ด้วยคะแนนสูงถึง 9.1 จากการเหมาสองประตูในครึ่งหลัง ทั้งลูกยิงแซง 2-1 และจุดโทษปิดเกมช่วงทดเจ็บ นอกจากการจบสกอร์แล้ว เขายังเป็นจุดพักบอลสำคัญ คอยเก็บบอลยาวและดวลกลางอากาศจนแนวรับสาลิกาเจียนอยู่เจียนไปหลายรอบ
การเคลื่อนที่ลงมาล้วงบอล เปิดพื้นที่ให้ เซด กับ อูอัตตาร่า ได้วิ่งเล่นด้านข้าง คืออีกหนึ่งรายละเอียดที่ทำให้เกมรุกเบรนท์ฟอร์ดดูอันตรายตลอด 90 นาที บ้านกีฬา ขอชมว่าเกมนี้ติอาโกเล่นแบบ “ครบเครื่อง” ทั้งบู๊ทั้งบุ๋นสมกับตำแหน่งพี่ใหญ่แนวรุก

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
หลังจบเกมนี้ เบรนท์ฟอร์ดเก็บเพิ่มเป็น 16 คะแนนจาก 11 นัด (ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 5 ได้ 17 เสีย 17 ผลต่าง 0) ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 12 ของตาราง ทิ้งระยะห่างโซนตกชั้นพอให้หายใจได้โล่งขึ้น และมีโมเมนตัมที่ดีสำหรับโปรแกรมช่วงปลายเดือน
ส่วน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยังสะดุดต่อเนื่อง มี 12 คะแนนจาก 11 นัด (ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 5 ได้ 11 เสีย 14 ผลต่าง -3) ร่วงไปอยู่อันดับ 14 และความกดดันเริ่มถาโถมใส่ เอ็ดดี้ ฮาว อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องเกมเยือนที่ยังไม่ลงล็อกและปัญหาใบแดงอย่างในนัดนี้ที่ทำให้ทีมต้องไล่ตามฟอร์มเก่ายากขึ้นไปอีก
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีกนัดถัดไปของทั้งสองทีม
มองไปข้างหน้าใน ตารางบอล เกมต่อไป เบรนท์ฟอร์ดต้องออกไปเยือนไบรท์ตันในวันที่ 22 พฤศจิกายน ก่อนจะกลับมาเล่นในบ้านอีกครั้งพบเบิร์นลีย์วันที่ 29 พฤศจิกายน ถือเป็นสองแมตช์ที่ “ผึ้งมหากาฬ” มีโอกาสโกยแต้มต่อเนื่อง หากรักษาความเฉียบคมในแดนหน้าแบบเกมนี้ไว้ได้
ด้านนิวคาสเซิ่ลเจองานชุกทั้งลีกและยุโรป เริ่มจากเปิดบ้านรับมือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 23 พฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นบททดสอบหนักสุด ๆ ของแนวรับที่เพิ่งเสีย เบิร์น จากใบแดง ก่อนจะต้องออกไปเยือนมาร์กเซยในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก วันที่ 26 พฤศจิกายน โปรแกรมถี่ยิบขนาดนี้ ฮาวต้องโรเตชันอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นอาจเห็นฟอร์มแกว่งยาวได้ง่าย ๆ
📢 ติดตามบ้านผลบอล และเรื่องบอลมันส์ ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา
ใครที่ตามเชียร์คู่ เบรนท์ฟอร์ด – นิวคาสเซิ่ล แล้วมันส์กับรูปเกมเดือด ใบแดง จุดโทษ และลูกยิงสุดคม บ้านกีฬา ฝากไว้เลยว่าถ้าอยากเช็กสรุปสกอร์ สถิติยิง เข้ากรอบ ใบเหลืองใบแดง หรืออัปเดต บ้านผลบอล คู่ใหญ่ลีกดังทุกคืน เข้ามาเช็กกับเราได้ตลอด เราจะเก็บทุกรายละเอียดแบบนักข่าวข้างสนาม เล่าให้ฟังเหมือนนั่งคุยกันหน้าจอ พร้อมพาอัปเดตข่าวบอลรอบโลกแบบจัดเต็ม

