แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจต้องทำใจล่วงหน้า หลัง รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” ออกมายอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ทีมอาจต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในปลายปีนี้ เพราะสองแนวรุกคนสำคัญอย่าง ไบรอัน เอ็มเบอโม่ และ อาหมัด ดิยัลโล่ จะต้องเดินทางไปรับใช้ทีมชาติในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ (AFCON) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฟอร์มของทีมในพรีเมียร์ลีกอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผีแดงเริ่มเข้าฝัก แต่ปัญหาใหญ่กำลังมา
ช่วงเวลานี้ แมนยู ภายใต้การคุมทีมของ อโมริม กำลังอยู่ในช่วงที่เรียกความมั่นใจกลับมาได้สำเร็จ หลังเก็บชัยในลีกสามนัดรวด ฟอร์มโดยรวมเริ่มเข้าที่ โดยเฉพาะการเข้ามาของ เอ็มเบอโม่ ที่กลายเป็นตัวความหวังในแนวรุกทันที ยิงไปแล้ว 5 ประตูรวมทุกรายการ นับตั้งแต่ย้ายจาก เบรนท์ฟอร์ด ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ความเฉียบคมของดาวยิงทีมชาติแคเมอรูนทำให้แฟนบอลเริ่มเชื่อว่า แมนยู กำลังกลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นพื้นที่ยุโรปอีกครั้ง ขณะที่ อาหมัด ดิยัลโล่ ปีกจอมพลิ้วทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ก็เป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเพิ่มมิติการโจมตีให้เกมรุกของผีแดงมีสีสันมากขึ้น
ภารกิจชาติอาจพรากสองแนวรุกสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาคือ การที่ทั้งสองจะต้องเดินทางไปรับใช้ชาติในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม ถึง 18 มกราคม หากทีมชาติของพวกเขาทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ แมนยู อาจต้องลงสนามโดยไร้เงาสองแนวรุกตัวหลักยาวถึง 6 นัดเต็ม ๆ
สถานการณ์นี้สร้างความกังวลให้กับแฟนบอลอย่างมาก เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของซีซั่น ทั้งโปรแกรมลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรปาลีกที่รออยู่
อโมริมยอมรับต้อง “กระเสือกกระสน” แต่เห็นเป็นโอกาส
ต่อประเด็นดังกล่าว กุนซือชาวโปรตุกีสกล่าวอย่างไม่ปิดบังว่า ทีมต้องเจอกับสถานการณ์ที่ท้าทายแน่นอน แต่ก็เชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่นักเตะคนอื่นจะได้พิสูจน์ตัวเอง
“เราจะเจอกับช่วงเวลาที่ต้องกระเสือกกระสน เราจะกระเสือกกระสนกันนิดหน่อย แต่เรารู้ว่ามันจะเป็นโอกาส” อโมริม ให้สัมภาษณ์เมื่อ 30 ตุลาคม
เขายังเสริมต่อว่า
“ตอนที่ผมดูทีมซ้อม มีนักเตะหลายรายที่สมควรได้เล่น แต่เป็นเรื่องยากที่ต้องเขี่ยใครคนหนึ่งออกจากทีมเพราะพวกเขาทำได้ดี ดังนั้นนักเตะคนอื่นๆ จะมีโอกาสช่วยเรา”
อโมริมยังเน้นย้ำถึงแนวทางการทำทีมที่ยึดระบบและรูปแบบการเล่นเป็นหลัก
“พวกเขาเข้าใจแนวทางที่เราต้องการเล่น ดังนั้นหากเราต้องเปลี่ยนนักเตะ มันจะไม่เปลี่ยนไอเดียของทีม”
สำรองพร้อมรอโอกาส สปิริตทีมกำลังเข้มข้น
กุนซือวัย 39 ปียังคงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในขุมกำลังของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เมสัน เมานท์, ฟากุนโด้ เปยิสตรี หรือแม้แต่เจ้าหนู โคบี้ เมย์นู ที่ต่างแสดงพัฒนาการขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา
อโมริมมองว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญในการสร้างความลึกให้กับทีม และกระตุ้นนักเตะให้พร้อมสำหรับทุกบททดสอบ เพราะการไม่มีตัวหลักอย่าง เอ็มเบอโม่ หรือ ดิยัลโล่ จะกลายเป็น “บทพิสูจน์ความแข็งแกร่ง” ของแมนยูในยุคใหม่ภายใต้การนำของเขา
แมนยู กับบทเรียนเรื่อง “ความต่อเนื่อง”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แฟนผีเคยเห็นภาพทีมที่ฟอร์มแรงช่วงหนึ่ง ก่อนจะสะดุดเพราะการขาดตัวหลัก ไม่ว่าจะเป็นยุคของ โซลชาร์ หรือ เทน ฮาก ดังนั้น การวางระบบทีมให้เล่นได้ทุกคนจึงเป็นสิ่งที่อโมริมพยายามปลูกฝังให้เกิดขึ้น เพื่อป้องกันปัญหา “ขาดใครทีมก็เป๋” แบบในอดีต
เขาเชื่อว่า หากทีมยังคงรักษาความต่อเนื่องและจิตวิญญาณนักสู้ไว้ได้เหมือนในช่วงที่ผ่านมา “การไร้สองแนวรุกหลัก” อาจไม่ใช่จุดจบ แต่อาจกลายเป็นแรงผลักให้ผีแดงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เส้นทางที่ยังยาว แต่ความหวังยังไม่ดับ
แม้จะมีโปรแกรมหินรออยู่ในช่วงปลายปี แต่แฟนบอลแมนยูยังมีเหตุผลให้มองในแง่ดี เพราะขุมกำลังของทีมชุดนี้เริ่มมีสมดุลมากขึ้น การเข้ามาของอโมริมได้เปลี่ยนบรรยากาศในห้องแต่งตัวให้กลับมามีชีวิตชีวา นักเตะหลายคนเริ่มกลับมาเล่นด้วยความมั่นใจ และแฟนผีก็เริ่มกลับมาเชื่ออีกครั้งว่า “ปีศาจแดงกำลังฟื้นคืนชีพ”
ใครที่อยากติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของแมนยู ทั้งข่าวในสนามและนอกสนาม รวมถึงบทวิเคราะห์สุดเข้มข้นจากโลกฟุตบอล ห้ามพลาด ติดตามได้ทุกวันกับ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา สื่อกีฬาที่อัปเดตเร็วที่สุดเพื่อแฟนบอลตัวจริง

