🔥 การกลับมาของ อาร์เซน่อล ฤดูกาลนี้ดูจะเป็นเรื่องจริงจังมากกว่าปีไหนๆ เพราะทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ไม่ได้มาเพียงเกมรุกเท่านั้น แต่เกมรับของพวกเขากำลังแข็งแกร่งระดับ “เครื่องจักร” จนหลายคนตั้งคำถามว่า…แค่แนวรับที่เหนียวแน่นนี้เพียงพอไหมในการพาทีมกลับไปคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004
🧱 แนวรับที่แน่นที่สุดในลีกตอนนี้
แม้ซีซั่นก่อน อาร์เซน่อล จะยิงประตูได้น้อยกว่า ลิเวอร์พูล ถึง 17 ลูก แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เกมรับที่แข็งแกร่งคือจุดขายชัดเจน โดยในฤดูกาลนี้ “เดอะ กันเนอร์ส” เสียไปเพียง 3 ประตูจาก 8 นัดในลีก และยังไม่เสียแม้แต่ลูกเดียวใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ คาราบาว คัพ ซึ่งเป็นสถิติที่สะท้อนถึงความแน่นปึ้กของแนวรับชุดนี้อย่างแท้จริง
หากสามารถรักษามาตรฐานระดับนี้ไว้ได้เรื่อยๆ พวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการถล่มประตูคู่แข่งมากมายเหมือนทีมลุ้นแชมป์ในอดีต เพราะชัยชนะ 1-0 ก็เพียงพอที่จะสะสมแต้มจนขึ้นจ่าฝูงได้
⚔️ จุดต่างที่ต้องยกระดับ — เกมรุก
แม้เกมรับของอาร์เซน่อลจะถือว่าอยู่ในระดับแถวหน้า แต่เกมรุกของพวกเขายังไม่ระเบิดเท่ากับทีมลุ้นแชมป์คนอื่นๆ ค่าเฉลี่ยประตูต่อเกมของซีซั่นนี้อยู่ที่ 1.88 ประตู ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกในอดีตที่ทำได้เฉลี่ย 2.2–2.5 ประตูต่อเกม ย้อนกลับไปฤดูกาล 2023/24 พวกเขามีค่าเฉลี่ย 2.4 ประตูต่อเกม แต่ปีนี้ต้องยอมรับว่าแนวรุกยังไม่เปรี้ยงเหมือนเดิม
สาเหตุสำคัญมาจากอาการบาดเจ็บของตัวหลักอย่าง มาร์ติน โอเดอการ์ด, โนนี่ มาดูเอเก้, กาเบรียล เชซุส และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ส่งผลโดยตรงต่อจังหวะเข้าทำของทีม ถึงแม้จะมีกลุ่มผู้เล่นสำรองที่พร้อมทดแทน แต่ความเฉียบคมและความหลากหลายในการโจมตีก็ยังไม่เท่าเมื่อมีแกนหลักครบชุด
🏟 สถิติสุดโหดที่เข้าใกล้ เชลซี ยุคมูรินโญ่
หนึ่งในจุดที่ทำให้แฟนบอลเริ่มฝันไกลคือ สถิติ อัตราการเสียประตูเพียง 0.38 ลูกต่อเกม หากรักษาระดับนี้จนครบ 38 นัด จะเสียประตูรวมแค่ 14 ลูก ซึ่งจะทำลายสถิติ เชลซี ยุค โชเซ่ มูรินโญ่ ฤดูกาล 2004/05 ที่เสียไปเพียง 15 ลูก และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งใหญ่
ในซีซั่นนั้น เชลซีไม่ได้เป็นทีมที่ยิงมากที่สุด แต่ความแข็งแกร่งของแนวรับช่วยให้พวกเขาคว้า 95 คะแนนเต็ม และเก็บคลีนชีตไปถึง 25 นัด นี่คือรูปแบบการเป็นแชมป์ที่ไม่จำเป็นต้องถล่มประตู แต่พึ่งพาระเบียบเกมรับที่เกือบไร้ที่ติ
📊 เปรียบเทียบตัวเลข — ปืนใหญ่กับทีมแชมป์
ถ้ารักษาอัตราการยิงเฉลี่ยที่ 1.88 ประตูต่อเกม ปืนใหญ่จะจบฤดูกาลด้วยจำนวนประตูรวมประมาณ 71 ลูก และเสียเพียง 14 ลูก ซึ่งใกล้เคียงกับเชลซีฤดูกาล 2004/05 ที่ยิงไป 72 ประตูและเสีย 15 ประตู
เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกใน 33 ฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะยิงได้ประมาณ 84 ประตู และเสียประมาณ 32 ประตู นั่นหมายความว่าแม้จะยิงไม่มากเท่า แต่การเสียประตูน้อยอาจช่วยชดเชยและทำให้มีแต้มสะสมเพียงพอสำหรับการลุ้นแชมป์ได้จริง
🏆 ทีมที่เคยคว้าแชมป์ด้วยเกมรับ
มีเพียง 6 ทีมเท่านั้นที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยไม่ได้เป็นทีมที่ยิงประตูมากที่สุดในฤดูกาลนั้น หนึ่งในนั้นคือ ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2019/20 ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ยิงน้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ ถึง 17 ลูก แต่ด้วยเกมรับที่ยอดเยี่ยมและความคงเส้นคงวา พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ
นี่คือแบบแผนเดียวกับที่อาร์เซน่อลกำลังเดินอยู่ และแฟนบอลเริ่มเห็นความคล้ายคลึงระหว่างทีมชุดนี้กับทีมแชมป์ของหงส์แดงเมื่อ 5 ปีก่อน
🚨 คลีนชีตสำคัญต่อเส้นทางลุ้นแชมป์
หากต้องการเทียบเท่าหรือแซงเชลซียุคมูรินโญ่ อาร์เซน่อลต้องเก็บคลีนชีตให้ได้ต่อเนื่องในเกมที่จะเจอกับ คริสตัล พาเลซ, เบิร์นลี่ย์ และ ซันเดอร์แลนด์ เพื่อให้เสียประตูเท่ากับเชลซีในช่วงเวลาเดียวกัน (3 ลูกหลังผ่าน 11 นัด)
ความแข็งแกร่งแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง ฤดูกาล 1997/98 ยุค อาร์แซน เวนเกอร์ ทีมปืนใหญ่ไม่เสียประตูติดต่อกันถึง 8 นัด และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในที่สุด
🧭 เกมรับคือรากฐานของความสำเร็จ
ฟุตบอลยุคใหม่มักยกย่องเกมรุกที่ดุดัน แต่หลายครั้งเกมรับต่างหากที่ตัดสินแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล การเสียประตูน้อยหมายถึงการเก็บแต้มได้ต่อเนื่อง แม้จะชนะเพียง 1-0 ก็ตาม และในลีกที่แข่งขันสูงอย่างพรีเมียร์ลีก ความสม่ำเสมอสำคัญกว่าการระเบิดฟอร์มแค่บางนัด
ถ้าทีมของอาร์เตต้ารักษามาตรฐานนี้ได้ และเมื่อแนวรุกกลับมาฟูลทีมอีกครั้ง โอกาสที่อาร์เซน่อลจะกลับไปผงาดบนบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดหลังรอคอยมายาวนานกว่า 20 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
🏁 เส้นทางยังอีกยาว แต่ศักยภาพมีครบ
แม้เพิ่งอยู่ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ฟอร์มเกมรับของอาร์เซน่อลกำลังส่งเสียงดังไปทั่วเกาะอังกฤษ ทีมของอาร์เตต้ากลายเป็น “ของจริง” ในการลุ้นแชมป์ และถ้าสามารถยกระดับเกมรุกอีกเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็มีศักยภาพที่จะสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ได้อย่างไม่เป็นรอง
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ อาร์เซน่อล และศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

