กระแสกำลังลุกเป็นไฟในแวดวงลูกหนังอังกฤษ เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงซูเปอร์สตาร์ของ ลิเวอร์พูล สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียล ด้วยการ “เปลี่ยนรูป–ลบชื่อทีม” ออกจากทวิตเตอร์ส่วนตัว ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ฟอร์มการเล่นที่กำลังร้อนแรงในหมู่แฟนบอล หลังเหตุการณ์ในเกมบุกถล่ม ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
จุดเริ่มต้นของดราม่า
เรื่องนี้เริ่มปะทุทันทีหลังจบเกมที่แฟนบอลจำนวนมากออกมาตั้งคำถามถึง ฟอร์มการเล่นของซาลาห์ ที่ถูกมองว่าไม่ท็อปเหมือนในอดีต โดยเฉพาะการพลาดโอกาสทองจากจังหวะที่เพื่อนอยู่ในตำแหน่งดีกว่าแต่กลับเลือกยิงเอง ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจบเกม
ก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่อง “ฝืด” ในการทำประตูจากโอเพ่นเพลย์ เพราะไม่สามารถยิงประตูได้ติดต่อกันหลายเกมเข้าไปแล้ว จนแฟนบอลบางส่วนถึงขั้นเรียกร้องให้ทีมดร็อปเขาไปนั่งสำรองในช่วงที่ฟอร์มกำลังแผ่ว
เกมที่จุดชนวนความไม่พอใจ
ในเกมถล่มแฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 ซาลาห์ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองตั้งแต่เริ่มเกม ซึ่งกลายเป็นผลดีต่อทีมเพราะแนวรุกเล่นได้อย่างไหลลื่น จนขึ้นนำขาดลอยถึง 5-1 ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกเปลี่ยนลงสนามในนาทีที่ 74
และแล้ว “จังหวะดราม่า” ก็มาถึง เมื่อซาลาห์ได้โอกาสยิงประตูจากฝั่งขวา ทั้งที่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยืนโล่งอยู่ในตำแหน่งดีกว่า แต่เจ้าตัวกลับเลือกยิงเอง ก่อนบอลพุ่งหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย ส่งผลให้แฟนบอลระเบิดอารมณ์ทันทีบนโซเชียล โดยเฉพาะใน X (ทวิตเตอร์)
แฟนบอลจวกยับในโลกออนไลน์
เสียงวิจารณ์ที่พุ่งตรงใส่ซาลาห์รุนแรงและหลากหลาย หนึ่งในข้อความที่ถูกแชร์ต่อจำนวนมากคือ “นายคือตำนานของทีมนะ ดังนั้นนายควรจะช่วยนักเตะหน้าใหม่ ไม่ใช่อยากทำประตูด้วยตัวเอง ทำไมนายถึงไม่ผ่านบอลให้ เวียร์ตซ์ กัน ? นายไม่จำเป็นต้องยิงให้ได้สักหน่อย นายต้องจ่ายบอลด้วย ถ้าฉันเป็นโค้ชล่ะก็ฉันจะจับนายเป็นตัวสำรองแล้วค่อยเปลี่ยนลงมาไปจนจบฤดูกาลนี้เลย นายไม่ได้ใหญ่กว่า ลิเวอร์พูล หรอกนะ”
ยังมีอีกหลายข้อความตำหนิเรื่องความเป็นผู้นำในสนามและทัศนคติ เช่น “เวลาอยู่หน้าปากประตูเนี่ยช่วยผ่านบอลหน่อยได้ไหม ? นายเป็นรุ่นพี่นะ นายควรจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้, ลดอีโก้ของตัวเอง และทำตัวให้น่าเคารพหน่อย มันดูเหมือนว่าประโยค -อายุเป็นเพียงตัวเลข- จะใช้กับนายไม่ได้นะ (สื่อว่า ซาลาห์ แก่เกินไปแล้ว)” และ “ได้โปรดอยู่บนม้านั่งสำรองไปจนจบฤดูกาลเลยเถอะ” เป็นต้น
การตอบโต้ที่ทำโซเชียลสะเทือน
ท่ามกลางกระแสแรงกดดัน ซาลาห์ตัดสินใจ เปลี่ยนรูปโปรไฟล์และลบชื่อ “ลิเวอร์พูล เอฟซี” ออกจากแอคเคาท์ X ส่วนตัว โดยรูปภาพด้านบนถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเรียบง่ายแทนภาพบรรยากาศตอนฉลองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ใช้มานาน ส่วนรูปโปรไฟล์จากเดิมเป็นภาพถือถ้วยแชมป์ก็ถูกแทนที่ด้วยภาพเขากับลูกๆ
การลบคำว่า “นักฟุตบอลของ ลิเวอร์พูล เอฟซี” ออกจากโปรไฟล์ส่วนตัว ถูกมองว่าเป็น “สัญญาณบางอย่าง” ที่เจ้าตัวอาจส่งออกไปถึงเสียงวิจารณ์ที่รุมเร้า บางฝ่ายมองว่านี่คือการ “ตอบโต้แบบเงียบๆ” ของซูเปอร์สตาร์ชาวอียิปต์ที่ไม่ต้องการพูดอะไรออกมาตรงๆ ขณะที่บางส่วนเชื่อว่าอาจเป็นการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขากับทีม
ฟอร์มตก+กระแสวิจารณ์ = ความกดดันทวีคูณ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซาลาห์ตกเป็นเป้าวิจารณ์ในช่วงที่ฟอร์มดร็อป แต่ครั้งนี้สถานการณ์ดูรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะเกิดในช่วงที่ทีมกำลังลุ้นแชมป์หลายรายการ ขณะที่นักเตะคนอื่นในแนวรุกกำลังฟอร์มเปรี้ยง ทำให้บทบาทของซาลาห์ยิ่งถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก
สำหรับซาลาห์ วัย 32 ปี เขาคือหนึ่งในตำนานที่มีสถิติสุดโหดในถิ่นแอนฟิลด์ ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ไปแล้วมากกว่า 300 นัด ซัดไปกว่า 200 ประตู คว้าทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และถ้วยอื่นอีกเพียบ แต่ฟุตบอลคือเกมที่ไม่หยุดนิ่ง แม้เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกก็ไม่อาจรอดพ้นเสียงวิจารณ์ได้ หากฟอร์มไม่อยู่ในจุดที่แฟนบอลคาดหวัง
ลิเวอร์พูล กับโจทย์ใหญ่ในอนาคต
ในมุมของทีม ลิเวอร์พูล เหตุการณ์นี้อาจกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญ หากไม่สามารถเคลียร์สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เพราะซาลาห์ไม่ได้เป็นเพียงแค่แข้งดัง แต่คือสัญลักษณ์สำคัญของยุคสมัยแห่งความสำเร็จ หากความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะกับแฟนบอลสั่นคลอน สโมสรอาจต้องรับมือกับแรงกดดันรอบด้าน
ในขณะเดียวกัน ตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้าอาจเปิดทางให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพราะเจ้าตัวยังมีทีมจากซาอุดิอาระเบียและยุโรปหลายสโมสรเฝ้าจับตา ซึ่งนั่นอาจทำให้ดราม่าครั้งนี้ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น
ตำนานที่ยังเขียนไม่จบ
ไม่ว่าจะอย่างไร โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ยังเป็นหนึ่งในนักเตะสำคัญที่สุดของลิเวอร์พูลยุคปัจจุบัน เขาเป็นคนพาทีมคว้าแชมป์มาแล้วทุกรายการใหญ่ และยังมีสัญญาอยู่กับทีม ดังนั้น การรับมือกับสถานการณ์ครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของทั้งนักเตะและสโมสร
แฟนบอลทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ดราม่าครั้งนี้จะจบลงอย่างไร จะเป็นเพียงแค่การตอบโต้เล็กๆ บนโซเชียล หรือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องใหญ่ในอนาคต
แฟนบอลสามารถติดตามทุกความเคลื่อนไหวของซาลาห์และสถานการณ์ในถิ่นแอนฟิลด์แบบเข้มข้นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

