รูนี่ย์ชี้ชัด แอนฟิลด์จะเป็นเวทีเดือดที่เจ้าบ้านต้องแบกแรงกดดัน
ศึก แดงเดือด กำลังจะกลับมาปะทุอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เมื่อ ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหนึ่งในตำนานของฝั่ง “ผีแดง” อย่าง เวย์น รูนี่ย์ ออกมาฟันธงแบบไม่ลังเลว่า ความกดดันทั้งหมดในเกมนี้ “อยู่ที่เจ้าบ้าน” อย่างชัดเจน หลังเพิ่งแพ้มา 3 นัดติดต่อกัน
นี่คือเกมที่แฟนบอลทั่วโลกต่างตั้งตารอ เพราะไม่ใช่แค่ศึกใหญ่ประจำเกาะอังกฤษ แต่ยังเป็นเกมที่มักเต็มไปด้วยความเข้มข้น ดุดัน และเต็มไปด้วยความหมายเชิงศักดิ์ศรีมากกว่า 3 แต้มเสมอ
หงส์แดงแพ้ 3 นัดติด ความกดดันพุ่งทะลุเพดาน
สถานการณ์ของลิเวอร์พูลตอนนี้ไม่สู้ดีนัก หลังฟอร์มหลุดแพ้รวด 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ทำให้แรงกดดันถาโถมใส่ทั้งนักเตะและทีมงานสตาฟฟ์แบบไม่หยุด โดยเฉพาะเมื่อเกมนี้ต้องเจอกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ในบ้านตัวเอง ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญ
รูนี่ย์ กล่าวผ่านรายการ The Wayne Rooney Show ว่า “ลิเวอร์พูล แพ้มาสามเกมติด ซึ่งผมคิดว่า ศักดิ์ศรีของพวกเขาจะต้องถูกปลุกขึ้นมาแน่ๆ ในเกมนี้ แฟนบอลของพวกเขารู้ดี พวกเขาไม่ใช่คนโง่ เกมนี้พวกเขาจะหนุนหลังทีมเต็มที่แน่นอน ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ถ้าพวกเขาสามารถเก็บหนึ่งแต้มกลับออกมาจาก แอนฟิลด์ ได้ ผมว่ามันก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว”
ผีแดงไร้แรงกดดัน ลิเวอร์พูลต้องเล่นเพื่อศักดิ์ศรี
รูนี่ย์ยังมองว่าความกดดันทั้งหมดอยู่ที่ฝั่งลิเวอร์พูล ไม่ใช่แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะ “ปีศาจแดง” ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งเอาชนะในเกมนี้ ซึ่งต่างจากเจ้าบ้านที่ถูกความคาดหวังจากแฟนบอลถาโถมใส่อย่างหนัก
“ความกดดันในเกมนี้จะอยู่ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล มากกว่า เพราะแฟนบอล ยูไนเต็ด ไม่ได้คาดหวังที่จะได้สามแต้มอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากเกมอื่นๆ ที่พวกเขามักจะคาดหวังถึงชัยชนะ ผมคิดว่าพวกเขาคงจะพอใจกับผลเสมอ ส่วน ลิเวอร์พูล ถ้าแพ้อีกเกม มันก็จะกลายเป็นแพ้สี่นัดติด แถมแพ้คาบ้านต่อ ยูไนเต็ด ด้วย แรงกดดันคงถาโถมใส่พวกเขาอย่างหนักแน่นอน”
สำหรับลิเวอร์พูล การแพ้ในเกมนี้ไม่ใช่แค่เรื่องคะแนน แต่มันจะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทั้งทีม โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคำวิจารณ์จากสื่อและแฟนบอลทั่วประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตารางคะแนนบ่งบอกทุกอย่าง ความต่างที่บีบให้หงส์ต้องชนะ
ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล รั้งอันดับ 2 ของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก มี 15 คะแนนจาก 7 นัด ตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูงเพียง 1 แต้ม ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 10 เก็บได้ 10 คะแนนจาก 7 นัด หากหงส์แดงพลาดท่าในเกมนี้ มีโอกาสสูงที่จะถูกทีมอื่นแซงขึ้นไปและเสียความมั่นใจอย่างรุนแรง
ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด หากสามารถ “บุกไปแบ่งแต้ม” ได้สำเร็จ จะกลายเป็นผลการแข่งขันที่เพิ่มขวัญกำลังใจให้กับทีมอย่างมาก เพราะในทางจิตวิทยา การไม่แพ้ในเกมใหญ่เช่นนี้สามารถสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกให้กับทั้งซีซั่นได้
ศึกแดงเดือด…ไม่ใช่แค่เรื่องของ 3 แต้ม
แม้เกมนี้จะเป็นเพียงหนึ่งในแมตช์ของพรีเมียร์ลีก แต่ความหมายของ แดงเดือด นั้นลึกซึ้งกว่านั้น มันคือการปะทะกันของสองสโมสรที่ประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกันมายาวนาน ทั้งเรื่องศักดิ์ศรี ความสำเร็จ และความเป็นอริในสนาม แฟนบอลทั้งสองฝั่งจึงมองว่า “เกมนี้ต้องไม่แพ้” มากกว่าจะเป็นเพียงการแข่งขันธรรมดา
อีกทั้ง แอนฟิลด์ ยังเป็นสนามที่แมนฯ ยูไนเต็ด มักเจองานยากเสมอ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับเจ้าถิ่นที่ต้อง “เอาชนะให้ได้” เพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมาและสกัดความมั่นใจของคู่แข่ง
ความสำคัญของเกมแดงเดือดต่อภาพรวมซีซั่น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ศึกแดงเดือดมักเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีซั่น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม การคว้าชัยในเกมนี้สามารถส่งผลต่อโมเมนตัม ความมั่นใจ และบรรยากาศในห้องแต่งตัวได้อย่างมหาศาล หลายครั้งเราเคยเห็นทีมที่เริ่มซีซั่นแบบฝืดๆ กลับมาแรงหลังชนะเกมแดงเดือดได้
ในทางกลับกัน ถ้าทีมใดพ่ายแพ้โดยเฉพาะแบบคาบ้าน ก็อาจทำให้สถานการณ์ในทีมสั่นคลอนทันที ความกดดันจากแฟนบอลและสื่อจะยิ่งทวีคูณ นั่นทำให้เกมนี้เป็นมากกว่าแค่การแข่งขันธรรมดา
ศึกศักดิ์ศรีที่โลกต้องจับตา
นอกจากความตื่นเต้นในสนามแล้ว เกมนี้ยังเป็นเวทีที่นักเตะหลายคนจะได้พิสูจน์ตัวเอง ทั้งดาวรุ่งและสตาร์ดัง โดยเฉพาะฝั่งลิเวอร์พูลที่กำลังถูกตั้งคำถามถึงความมั่นคงของฟอร์มการเล่น การเจอกับคู่ปรับตัวฉกาจอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด คือบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ ว่าพวกเขาจะตอบสนองต่อแรงกดดันอย่างไร
และแน่นอนว่าทั้งโลกฟุตบอลจะจับตาที่แอนฟิลด์อย่างไม่กะพริบตา
ความเดือดกำลังจะเริ่ม
แดงเดือดครั้งนี้ไม่ได้มีแค่แรงปะทะในสนาม แต่ยังมีแรงกดดันจากตารางคะแนนและศักดิ์ศรีสโมสรเข้ามาผสมเต็มๆ ลิเวอร์พูลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้อง “เล่นเพื่อชนะ” ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมเล่นอย่างรัดกุมและใช้แรงกดดันของเจ้าบ้านเป็นจุดได้เปรียบ
ศึกครั้งนี้อาจไม่ใช่ตัวตัดสินแชมป์ แต่สามารถเปลี่ยนทิศทางของฤดูกาลได้ทันที
แฟนบอลไทยเตรียมระเบิดอารมณ์ไปพร้อมกัน เพราะนี่คือเกมที่ทุกวินาทีจะเร้าใจ และผลลัพธ์จะกลายเป็นเรื่องเล่าตลอดทั้งซีซั่น ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของศึกแดงเดือดได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
