หนึ่งในประเด็นร้อนของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ในช่วงก่อนศึก แดงเดือด สุดสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้นคำถามสำคัญว่า ใครจะได้จับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ระหว่าง โจ โกเมซ กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ หลังความไม่แน่นอนทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บและอนาคตของโกนาเต้เปิดช่องให้โกเมซกลับมาเป็นตัวเลือกหลักอีกครั้ง
โกนาเต้ส่อพลาดศึกแดงเดือด
อิบราฮิมา โกนาเต้ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่สมบูรณ์นัก โดยเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา จนไม่สามารถลงช่วยทีมชาติฝรั่งเศสในช่วงฟีฟ่าเดย์ และยังไม่แน่ว่าจะฟิตทันเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้หรือไม่ ซึ่งหากพลาดจริง จะเป็นการเปิดประตูให้ โจ โกเมซ ก้าวขึ้นมารับภาระสำคัญอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน การขาดหายของ โจวานนี่ เลโอนี่ ที่เอ็นไขว้หน้าฉีกและต้องพักยาวตลอดฤดูกาล ยิ่งทำให้ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือของหงส์แดง ไม่มีทางเลือกมากนักในแนวรับ และการหันกลับมาใช้โกเมซยืนคู่กับฟาน ไดค์จึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้สูงมาก
ฟอร์มตก-สัญญาไม่ชัด เสียงแฟนหงส์เริ่มเทใจให้โกเมซ
แม้โกนาเต้จะเคยเป็นตัวหลัก แต่ช่วงหลังฟอร์มของเขาถือว่ามีสะดุดบ้าง ประกอบกับความไม่แน่นอนเรื่องสัญญา ทำให้กระแสแฟนบอลบางส่วนมองว่า ถึงเวลาที่ โกเมซ ควรได้รับโอกาสอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวได้พักเต็มที่ในช่วงเบรกทีมชาติและมีสภาพความฟิตที่พร้อมกว่า
คำถามที่ถูกหยิบยกขึ้นมาทั่วโซเชียลในหมู่เดอะค็อปจึงชัดเจนว่า ใครกันแน่ที่เหมาะจะเป็น “คู่หูตัวจริง” ของฟาน ไดค์ ในเกมใหญ่เช่นนี้
สถิติเทียบกันตรงๆ โกเมซสูสีโกนาเต้
เมื่อลองวัดกันด้วยตัวเลขจากการเล่นในตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก เคียงข้าง ฟาน ไดค์ (โดยไม่รวมเกมที่โกเมซเล่นเป็นแบ็กขวา แบ็กซ้าย หรือมิดฟิลด์ตัวรับ) จะเห็นได้ว่าผลงานของทั้งคู่แทบไม่หนีกันมากนัก
โจ โกเมซ
- อัตราเฉลี่ยชนะ: 69.7%
- ลงเล่น: 66 เกม
- ชนะ: 46 เกม
- เสมอ: 6 เกม
- แพ้: 14 เกม (21.2%)
- คะแนนเฉลี่ยต่อเกม (PPG): 2.18
อิบราฮิมา โกนาเต้
- อัตราเฉลี่ยชนะ: 68.8%
- ลงเล่น: 106 เกม
- ชนะ: 73 เกม
- เสมอ: 16 เกม
- แพ้: 17 เกม (16%)
- คะแนนเฉลี่ยต่อเกม (PPG): 2.22
แม้โกนาเต้จะมีจำนวนเกมที่จับคู่กับฟาน ไดค์ มากกว่าเกือบ 40 นัด แต่ เปอร์เซ็นต์ชนะ ของโกเมซก็สูงกว่าเล็กน้อย ขณะที่ ค่าเฉลี่ยแต้มต่อเกม ของทั้งคู่ถือว่าใกล้เคียงกันมาก เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สามารถชี้ขาดได้ทันทีว่าใครเหนือกว่าใคร
7 นัดไร้พ่ายเมื่อโกเมซจับคู่กับฟาน ไดค์
อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจคือ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 ที่ ลิเวอร์พูล พ่าย เรอัล มาดริด 2-5 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก โกเมซยังไม่เคยแพ้เลยใน 7 นัดที่ยืนเซ็นเตอร์แบ็กร่วมกับฟาน ไดค์
หนึ่งในเกมที่แฟนบอลยังจำได้ดีคือชัยชนะ 2-0 เหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ ซึ่งโกเมซลงเล่นแทนโกนาเต้ที่บาดเจ็บ และโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งระดับ “ล็อกเออร์ลิง ฮาแลนด์” ทั้งเกม
แม้โกเมซดี แต่โกนาเต้ยังเป็นเบอร์หนึ่งในใจโค้ช
แม้โกเมซจะมีสถิติที่น่าสนใจ แต่เหตุผลที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ และในเวลานี้ อาร์เน่อ สล็อต ยังคงให้โกนาเต้เป็นตัวจริง ก็เพราะความสม่ำเสมอ ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และความเข้าใจในระบบการเล่นของทีมที่ลงตัวกับฟาน ไดค์ มานาน
โกนาเต้ยังมีความสามารถในการป้องกันลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยม และการเข้าปะทะที่แน่นอนกว่าโกเมซในหลายจังหวะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในเกมที่ต้องรับมือแนวรุกระดับโลก
เทียบกับตำนานคู่หูมาติป
แม้โกเมซและโกนาเต้จะทำผลงานได้ดี แต่ทั้งคู่ก็ยังเทียบไม่ได้กับสถิติของ โจเอล มาติป อดีตคู่หูตัวเก่งของฟาน ไดค์ ที่เคยสร้างผลงานระดับตำนานในแผงหลังลิเวอร์พูล
- อัตราเฉลี่ยชนะ: 70.6%
- ค่าเฉลี่ยแต้มต่อเกม: 2.29
- อัตราการแพ้เพียง 12%
นี่คือมาตรฐานที่ทั้งโกเมซและโกนาเต้ต้องพยายามไล่ให้ทัน หากต้องการก้าวขึ้นมาเป็นคู่ขาตัวจริงแบบไร้ข้อกังขาในสายตาแฟนบอล
ความได้เปรียบของลิเวอร์พูลในระยะยาว
ข้อดีที่แฟนบอลหงส์แดงควรมองในสถานการณ์นี้คือ ลิเวอร์พูลมีตัวเลือกแนวรับที่หลากหลายและคุณภาพไม่ต่างกันมากนัก แม้โกนาเต้จะมีอาการบาดเจ็บ แต่ทีมยังมีโกเมซที่สามารถทดแทนได้ทันทีโดยไม่ทำให้โครงสร้างเกมรับสั่นคลอน
สิ่งนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของทีมในยุคใหม่ ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักเตะคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว และสามารถปรับตัวเพื่อรักษามาตรฐานผลงานได้แม้ขาดตัวหลัก
ศึกแดงเดือดคือบทพิสูจน์
เกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่ศึกแห่งศักดิ์ศรี แต่ยังเป็นเวทีพิสูจน์ว่าระหว่างโกเมซกับโกนาเต้ ใครจะเป็นคู่หูที่เหมาะสมที่สุดของฟาน ไดค์ ในระยะยาว หากโกเมซคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ได้สำเร็จ บางทีเราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในแผงหลังของหงส์แดงเร็วๆ นี้
แฟนบอลชาวไทยสามารถติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ ลิเวอร์พูล และบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก รวมถึงข้อมูลลึกแบบจัดเต็ม ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬาที่เดียวจบ ครบทุกประเด็นลูกหนัง

