
บรูโน่ กีมาไรส์ กองกลางจอมทัพและกัปตันทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สร้างโมเมนต์สุดประทับใจ หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ 2025 ด้วยการปราบ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ลงได้อย่างสุดมันส์ 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ณ สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวไม่รอช้าประกาศยกถ้วยแชมป์ใบนี้ให้กับบรรดาแฟนบอล “ทูน อาร์มี่” ที่เฝ้ารอความสำเร็จมากว่า 70 ปี พร้อมย้ำว่านี่คือหนึ่งในค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเขา
เกมนี้ นิวคาสเซิ่ล เปิดฉากเล่นอย่างดุดันและสามารถขึ้นนำได้ก่อนจากการทำประตูของ แดน เบิร์น กองหลังร่างยักษ์ที่เติมขึ้นมาโขกพังตาข่าย จากนั้นเป็น อเล็กซานเดอร์ อิซัก ศูนย์หน้าตัวเก่งที่ซัดเพิ่มให้ทีมหนีห่าง 2-0 สร้างความได้เปรียบให้ทัพ “สาลิกาดง” อย่างมาก แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะพยายามตอบโต้จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวสำรองของ หงส์แดง จะยิงตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะหยุดความฝันของแฟนบอล “ทูน อาร์มี่” ที่ได้ฉลองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่
หลังจบเกม บรูโน่ กีมาไรส์ เปิดใจถึงความรู้สึกสุดพิเศษที่ได้ชูถ้วยแชมป์ร่วมกับแฟนบอลที่รักทีมนี้สุดหัวใจ
“มันเป็นของแฟนบอลทั้งหมด พวกเขาสมควรได้รับทุกอย่าง ตอนที่ผมย้ายมาที่นี่ ผมมีความฝันที่จะสร้างชื่อให้ตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร และตอนนี้เราทำได้แล้ว เราคือแชมป์อีกครั้ง!”
“นี่เป็นหนึ่งในวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร สำหรับแฟนบอลของเรา นี่เหมือนแชมป์โลกเลย พวกเขาเติบโตขึ้นมาโดยไม่เคยเห็นนิวคาสเซิ่ลคว้าแชมป์เลย และวันนี้พวกเขาได้สัมผัสมัน ผมภูมิใจเหลือเกินที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้”
นอกจากนี้ กัปตันชาวบราซิลยังเผยถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นที่เขามีต่อสโมสร และหวังว่าวันหนึ่งแฟนบอลจะจดจำชื่อของเขาเช่นเดียวกับตำนานของทีม
“นี่คือบ้านหลังที่สองของผม เราสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน และเมื่อถึงวันที่ผมต้องจากไป ผมหวังว่าแฟน ๆ จะยังร้องเพลงเรียกชื่อของผม เหมือนที่พวกเขาเคยทำให้กับ อลัน เชียเรอร์ เขาเป็นไอดอลของที่นี่ และการได้รับข้อความจากเขาหลังจบเกม มันทำให้ค่ำคืนนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก”
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการปลดล็อกโทรฟี่แรกในรอบ 70 ปีของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เท่านั้น แต่มันยังเป็นสัญญาณว่า “สาลิกาดง” ได้กลับมายืนอยู่บนเส้นทางของความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แฟนบอลทั้งสนามเวมบลีย์ต่างเปล่งเสียงเฉลิมฉลอง และนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่แฟนบอล “ทูน อาร์มี่” เฝ้ารอคอยมาตลอด
ติดตามข่าวสารฟุตบอลที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา