ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2024 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 เชลซี วันนี้ 26/1/68

ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2024 ระหว่าง ทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs เชลซี วันนี้ 26/1/68 ดูบอลย้อนหลัง คลิปไฮไลท์ ดูบอลพรีเมียร์ลีก 2024

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่อัด เชลซี 3-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก 2024 “เรือใบสีฟ้า” ฟอร์มเก่ง!

บ้านกีฬา พาแฟนบอลเข้าสู่ศึกพรีเมียร์ลีก 2024 ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เชลซี ในเกมที่เต็มไปด้วยจังหวะสำคัญและการบุกที่ดุดัน ผลฟุตบอลสดจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน 3-1 โดย “เรือใบสีฟ้า” แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่เหนือชั้นและเด็ดขาดทุกจังหวะ มาเจาะลึกเหตุการณ์สำคัญในแมตช์นี้กันเลย!


ครึ่งแรก: 

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา

นาทีที่ 1: เริ่มเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ครองบอลและเริ่มจ่ายบอลในแดนหลังเพื่อสร้างจังหวะเกมรุก แต่ถูกจับล้ำหน้าเมื่อโอมาร์ มาร์มูชพยายามวิ่งหลุดแนวรับ
นาทีที่ 3 (GOAL!): เชลซีขึ้นนำ 1-0 จากลูกยิงเท้าซ้ายของโนนี่ มาดูเอเก้ บอลพุ่งเสียบกลางประตูอย่างเฉียบขาดหลังจากการครอสจากนิโคลัส แจ็คสัน
นาทีที่ 4: อับดูโคดอร์ คูซานอฟ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ได้รับใบเหลืองหลังเข้าสกัดโคล พาลเมอร์อย่างรุนแรง
นาทีที่ 7: แมนเชสเตอร์ ซิตี้เริ่มเร่งจังหวะเกม ฟิล โฟเดนลากบอลจากริมเส้นฝั่งซ้าย แต่ถูกตัดบอลโดยรีซ เจมส์
นาทีที่ 10: ฟิล โฟเดนได้จังหวะยิงไกลด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งแรงชนเสาอย่างจัง ทำให้เชลซียังรักษาสกอร์นำไว้ได้
นาทีที่ 14: มาเธอุส นูเนสจ่ายบอลทะลุแนวรับให้เออร์ลิง ฮาแลนด์หลุดเดี่ยว แต่บอลถูกโรเบิร์ต ซานเชซเซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นาทีที่ 17: เชลซีได้ฟรีคิกในแดนกลาง หลังจากเอ็นโซ เฟร์นานเดซโดนฟาวล์จากโรดรี้
นาทีที่ 22: โอมาร์ มาร์มูช (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ได้ฟรีคิกใกล้กรอบเขตโทษ แต่ลูกยิงของมาเตโอ โควาซิชหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 25: โยสโก้ กวาร์ดิโอลได้โอกาสยิงจากลูกเตะมุม แต่บอลพุ่งหลุดเสาออกไป
นาทีที่ 35: โนนี่ มาดูเอเก้พยายามจ่ายบอลทะลุช่องให้นิโคลัส แจ็คสัน แต่แนวรับของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังตัดบอลได้ทัน
นาทีที่ 42 (GOAL!): แมนเชสเตอร์ ซิตี้ตีเสมอ 1-1 โยสโก้ กวาร์ดิโอลโหม่งประตูจากลูกเปิดของมาเธอุส นูเนส บอลพุ่งเสียบมุมล่างซ้าย
นาทีที่ 47: ผู้ตัดสินทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที แต่ไม่มีจังหวะสำคัญเพิ่มขึ้น
นาทีที่ 50: กรรมการเป่านกหวีดจบครึ่งแรก สกอร์เสมอ 1-1


ครึ่งหลัง: 

นาทีที่ 46: เริ่มครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้เปลี่ยนตัว ส่งนาธาน อาเก้ลงสนามแทนโยสโก้ กวาร์ดิโอล
นาทีที่ 51: เออร์ลิง ฮาแลนด์ได้จังหวะยิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลถูกโรเบิร์ต ซานเชซเซฟไว้ได้
นาทีที่ 55: เชลซีบุกกลับ โนนี่ มาดูเอเก้ยิงจากมุมกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเฉียดคานออกไป
นาทีที่ 58: นิโคลัส แจ็คสันได้จังหวะยิงจากการเปิดของรีซ เจมส์ แต่บอลไปตรงตัวเอแดร์สัน
นาทีที่ 63: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ฟรีคิกใกล้เขตโทษ แต่ลูกยิงของโรดรี้หลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 68 (GOAL!): เออร์ลิง ฮาแลนด์ยิงประตูให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้นำ 2-1 ด้วยลูกยิงไกลเสียบมุมล่างขวา จากจังหวะจ่ายบอลยาวของเอแดร์สัน
นาทีที่ 72: เชลซีเปลี่ยนตัว ส่งเบน ชิลเวลล์และคาร์นีย์ ชุควูเมก้าลงสนามเพื่อเติมความสดในแดนกลาง
นาทีที่ 77: โธมัส ปาร์เตย์ลองยิงไกลจากระยะ 30 หลา แต่บอลพุ่งหลุดกรอบไป
นาทีที่ 83 (GOAL!): ฟิล โฟเดนยิงประตูที่สามให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยลูกยิงเท้าซ้ายพุ่งเสียบมุมล่างซ้าย จากการแอสซิสต์ของเออร์ลิง ฮาแลนด์
นาทีที่ 89: เชลซีพยายามบุกหนัก รีซ เจมส์ครอสบอลเข้าเขตโทษ แต่ลูกโหม่งของเบน ชิลเวลล์หลุดกรอบไป
นาทีที่ 94: นาธาน อาเก้เคลียร์บอลจากจังหวะบุกสุดท้ายของเชลซีได้อย่างยอดเยี่ยม
นาทีที่ 96: กรรมการเป่านกหวีดจบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้เอาชนะเชลซี 3-1 ในเกมที่เต็มไปด้วยจังหวะลุ้นระทึก


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นและการเล่นที่เต็มไปด้วยพลัง เกมนี้ไม่เพียงแต่การบุกที่ดุดัน แต่ยังมีความเด็ดขาดในจังหวะสำคัญ ฟิล โฟเดน และ เออร์ลิง ฮาลันด์ เป็นตัวเด่นที่สร้างความแตกต่าง ขณะที่เชลซีต้องปรับปรุงการป้องกันและการเล่นที่แม่นยำในจังหวะสุดท้าย


อย่าพลาดการอัปเดตข่าวสารฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและผลบอลสดที่ครบถ้วนที่สุด พร้อมบทวิเคราะห์ที่เจาะลึกทุกแมตช์ได้ที่ บ้านกีฬา แหล่งข้อมูลฟุตบอลที่แฟนบอลตัวจริงไว้ใจ!