
จาก : ผลบอลสด คาราบาวคัพ ระหว่าง คาร์ดิฟฟ์ซิตี 1-3 เชลซี วันนี้ 17/12/68 – บ้านกีฬา
ศึก คาราบาวคัพ รอบ 8 ทีมที่คาร์ดิฟฟ์ ซิตี สเตเดี้ยม กลายเป็นค่ำคืนที่แนวรับเจ้าถิ่นโดนทดสอบหนักตลอด 90 นาที ก่อนที่ เชลซี ของเอ็นโซ มาร์เรสกา จะอาศัยความเฉียบคมและคุณภาพตัวสำรอง บุกชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 3-1 จากผลงานทีเด็ดของ อเลฆันโดร การ์นาโช่ และ เปโดร เนโต้ แฟนบอลที่ตามเช็ก ผลบอลสด กันแบบสดๆ ได้ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ
⚽ ครึ่งแรก คาร์ดิฟฟ์วางบังเกอร์ รับเหนียวหยุดสิงห์อยู่หมัด
ครึ่งแรกเจ้าบ้านจัดระบบ 4-1-4-1 เน้นเกมรับแน่นกลางสนาม มีไรอัน วินเทิล คอยยืนเป็นตัวตัดเกมหน้าแผงแบ็กโฟร์ ปิดช่องระหว่างไลน์ไม่ให้ตัวรุกเชลซีเจาะง่ายๆ ส่วนด้านข้างให้เพอร์รี เอ็นจี กับโจเอล บากันเติมขึ้น–ลงช่วยเกมรุกเป็นระยะ
ฝั่งเชลซีใช้ 4-2-3-1 ดันฟูลแบ็กขึ้นสูง เน้นต่อบอลเท้าสู่เท้าให้แนวรุกสามตัวหลังหอกหมุนเวียนหาพื้นที่ ทั้งมาร์เซล กีอู, ทรีนิตี้ จอร์จ และฟากซุนโด บัวโนโนเต้ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ หลายลูกติดบล็อกแนวรับคาร์ดิฟฟ์ ไม่ก็ไปจบที่เซฟของทร็อตต์
รูปเกมเป็นเชลซีที่ครองบอลมากกว่า ทว่าเจ้าถิ่นยังมีสวนกลับให้ได้เสียว โดยเฉพาะลูกโยนจากด้านข้างมาที่คาเมรอน โรบินสัน ทำให้แฟนบอลเจ้าบ้านยังมีหวัง แม้จบครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0
⚽ ครึ่งหลังเปลี่ยนหน้าเกม การ์นาโช่นำทัพสิงห์บลูส์รัวสามเม็ด
เริ่มครึ่งหลังมาร์เรสกาตัดสินใจแก้เกมทันที ส่งชูเอา เปโดร กับการ์นาโช่ลงมาล่าตาข่ายแทนกีอูและจอร์จ ความเร็วและการเคลื่อนที่ของสองคนนี้ทำให้แนวรับคาร์ดิฟฟ์ต้องถอยลึก กดดันชนิดหายใจไม่ทั่วท้อง
นาที 57 เชลซีปลดล็อกได้สำเร็จ บัวโนโนเต้ไหลให้การ์นาโช่หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนซัดผ่านมือทร็อตต์เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 จุดประกายให้ทีมเยือนเล่นง่ายขึ้น แต่คาร์ดิฟฟ์ไม่ถอดใจ นาที 75 เพอร์รี เอ็นจี เติมสูงทางขวาแล้วเปิดให้เดวิด เทิร์นบูลล์สอดมายิงตีเสมอ 1-1 สนามระเบิดทันที
อย่างไรก็ตามคุณภาพตัวสำรองสิงห์บลูส์ยังคงโหด นาที 82 อันเดรย์ ซานโตสแทงทะลุช่องให้ เปโดร เนโต้ หักเข้าเท้ายิงเสียบเสาอย่างเฉียบคม เชลซีนำ 2-1 ก่อนช่วงทดเจ็บ 90+3 การ์นาโช่ฉีกไปรับบอลสวนกลับแล้วไหลเนียนๆ ให้ชูเอา เปโดรแปจ่อๆ ปิดกล่อง 3-1 ส่งเชลซีทะลุรอบรองฯ แบบสมราคา

🧾 รายชื่อตัวจริง คะแนน และการเปลี่ยนตัว
🔵 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี
ระบบ 4-1-4-1
- ผู้รักษาประตู
- 13 เนธาน ทร็อตต์ – 7.3 เซฟสวยๆ หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เขาสกอร์อาจไหลกว่านี้
- กองหลัง
- 38 เพอร์รี เอ็นจี – 7.0 เล่นเกมรับแน่น แถมทำแอสซิสต์ลูกตีเสมอ
- 48 ดารา ลอว์เลอร์ – 6.5 คุมพื้นที่กลางอากาศพอใช้ แต่มีหลุดจังหวะประกบท้ายเกม
- 12 คาลัม แชมเบอร์ส (กัปตัน) – 6.7 อ่านเกมดีแต่เสียเหลืองเร็ว ทำให้เล่นลำบาก
- 3 โจเอล บากัน – 7.4 เติมเกมรุกต่อเนื่อง หนึ่งในคนที่อันตรายสุดของเจ้าถิ่น
- กองกลาง
- 6 ไรอัน วินเทิล – 6.4 ยืนตัดเกมหน้าแผงหลัง พยายามบีบจังหวะคู่แข่ง
- 39 ไอแซค เดวีส์ – 6.1 ทำงานหนักริมเส้นแต่เจอฟูลแบ็กเชลซีกดไว้
- 14 เดวิด เทิร์นบูลล์ – 7.4 ยิงประตูตีเสมอสุดคม เป็นตัวปั้นเกมหลัก
- 27 โจเอล โคลวิลล์ – 6.3 เชื่อมเกมกลางสนาม พอเริ่มล้าเลยถูกถอดออก
- 45 คัลลัม แอชฟอร์ด – 6.0 พยายามหาพื้นที่เล่นด้านซ้าย แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบ
- กองหน้า
- 47 คอลลัม โรบินสัน – 6.3 ยืนเป็นหอกเดี่ยว วิ่งปั่นป่วนแต่ไม่ได้โอกาสเหน่งๆ มากนัก
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
- 16 คริส วิลล็อก – 6.3 ลงมาสร้างความสดริมเส้น
- 22 ยูเซฟ ซาเลห์ – 6.5 เพิ่มมิติในกรอบเขตโทษ ไล่กดดันแนวรับเชลซี
- 18 อเล็กซ์ โรเบิร์ตสัน – 6.2 ช่วยขึงกลางสนามช่วงท้ายเกม
- 2 วิลเลียม ฟิช – ลงมาช่วงทดเวลาเพื่อเสริมความสดแนวรับ
ตัวสำรองไม่ได้ใช้: แมทธิว เทอร์เนอร์, ลูอี กิลส์, ดาคาราย มาฟิโก, ทานัทส์วา นยากูห์วา, อักเซล ดอนซ์เซว์
🔵 เชลซี
ระบบ 4-2-3-1
- ผู้รักษาประตู
- 12 ลูคัส ยอร์เกนเซน – 7.3 เซฟสำคัญหลายครั้ง คุมพื้นที่ในกรอบดี
- กองหลัง
- 21 ยาเรล ฮาโต – 6.6 เติมเกมสูงแต่มีจังหวะหลุดตำแหน่งบ้าง
- 5 เบอนัวต์ บาเดียชิล – 6.7 คุมหลังบ้านได้แข็งแกร่ง เคลียร์ลูกกลางอากาศเพียบ
- 4 โตซิน อดาราบิโอยอ – 6.3 เกมรับโดยรวมใช้ได้ แม้จะตามตัวรุกเจ้าถิ่นหลุดบ้าง
- 34 เจย์ อาเชออมพง – 6.9 เติมเกมซ้ายลึกๆ หลายครั้ง ก่อนถูกถอดให้เช็กฟิต
- กองกลาง
- 25 มอยเซส ไคเซโด (กัปตัน) – 7.7 หัวใจห้องเครื่อง แย่งบอล เก็บจังหวะสอง ทำงานไม่มีหมด
- 17 อันเดรย์ ซานโตส – 7.2 ต่อบอลนิ่งๆ และทำแอสซิสต์ให้เนโต้ยิง 2-1
- ตัวรุกสามคนหลังหน้าเป้า
- 11 เจย์เดน กิตเทนส์ – 6.3 มีจังหวะเลี้ยงลุ้นแต่จบไม่คม ถูกถอดครึ่งหลัง
- 40 ฟากซุนโด บัวโนโนเต้ – 6.9 เชื่อมเกมระหว่างเส้นได้ดี เป็นคนจ่ายบอลให้การ์นาโช่ยิงนำ
- 32 ทรีนิตี้ จอร์จ – 6.3 เคลื่อนที่หาช่องแต่ยังไม่เปรี้ยง โดนเปลี่ยนออกพักครึ่ง
- กองหน้า
- 38 มาร์เซล กีอู – 6.7 ขยับหาพื้นที่ดี แต่ยังหาจังหวะจบเฉียบๆ ไม่ได้
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
- 20 ชูเอา เปโดร – 6.3 ลงมาสร้างภัยคุกคามต่อเนื่อง และยิงประตูปิดกล่อง 3-1
- 49 อเลฆันโดร การ์นาโช่ – 9.3 เปลี่ยนเกม ยิง 1 จ่าย 1 สร้างปัญหาให้แนวรับเจ้าถิ่นตลอดครึ่งหลัง
- 27 มาโล กุสโต – 6.1 ลงมาช่วยอุดริมเส้นขวา
- 7 เปโดร เนโต้ – 8.0 ตัวทีเด็ดริมเส้น ซัดประตูสุดสวยให้ทีมขึ้นนำ 2-1
- 23 ทรีโวห์ ชาโลบาห์ – 6.6 เสริมความแน่นในช่วงปิดเกม
ตัวสำรองไม่ได้ใช้: โรเบิร์ต ซานเชซ, เวสลีย์ โฟฟานา, รีซ เจมส์, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ถ้ามองมุม วิเคราะห์บอล เชิงแท็กติก เกมนี้คาร์ดิฟฟ์เริ่มต้นได้ดีจากการจัดโครงสร้าง 4-1-4-1 ให้วินเทิลยืนต่ำคอยปิดพื้นที่ระหว่างเซนเตอร์กับมิดฟิลด์ แถมใช้ปีกสองฝั่งช่วยไล่บีบจนเชลซีต้องออกบอลไปด้านข้างตลอด ทำให้ครึ่งแรกสิงห์บลูส์แม้จะครองบอลมากกว่า แต่ทะลุเข้าไปยิงในเขตโทษแบบจะแจ้งไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนอยู่ที่การอ่านเกมของมาร์เรสกา เขาเลือกเพิ่มความเร็วแนวรุกด้วยการ์นาโช่และชูเอา เปโดร ทำให้เชลซีมีการวิ่งทำทางหลังแนวรับเจ้าบ้านมากขึ้น ช่องว่างระหว่างฟูลแบ็กกับเซนเตอร์เริ่มเปิด และนั่นคือพื้นที่ที่ลูกแรกเกิดขึ้น รวมถึงจังหวะสวนกลับทดเจ็บที่ฝั่งเจ้าบ้านดันสูงเกินไปแล้วโดนลงโทษ
เกมรับของเชลซีแม้จะเสียประตูจากลูกเปิดของเอ็นจี แต่โดยรวมไคเซโดช่วยซ้อนเซนเตอร์ได้ยอดเยี่ยม ตัดบอลกลางสนามหลายครั้ง บีบให้คาร์ดิฟฟ์ต้องลองยิงไกลมากกว่าจะเจาะกรอบเขตโทษ ขณะที่แผงหลังคาร์ดิฟฟ์เมื่อต้องเจอการเคลื่อนที่ผสมสปีดของการ์นาโช่และเนโต้ก็เริ่มยืนกันไม่ไหว จนท้ายที่สุดโดนรัวสองลูกในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกมอย่างไร
ตัวเลขหลังเกมบอกชัดว่าฝั่งเยือนคุมเกมได้อยู่หมัด เชลซีมีโอกาสยิงถึง 19 ครั้ง เข้ากรอบ 6 หน ขณะที่คาร์ดิฟฟ์ยิง 10 เข้ากรอบ 5 การครองบอลสิงห์บลูส์เหนือกว่าเล็กน้อยที่ 54% ต่อ 46% และบุกกดดันหนักจนได้ลูกเตะมุมถึง 8 ครั้ง มากกว่าเจ้าถิ่นที่มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
ด้านเกมรับ เชลซีต้องทำฟาวล์ถึง 9 ครั้งเพื่อหยุดจังหวะสวนกลับของเจ้าบ้าน ขณะที่คาร์ดิฟฟ์ทำฟาวล์ 5 ครั้ง ใบเหลืองออกฝั่งเจ้าถิ่น 2 ใบให้ไอแซค เดวีส์กับคาลัม แชมเบอร์ส ส่วนเชลซีโดนไคเซโด 1 ใบจากการโวยผู้ตัดสิน เกมนี้ไม่มีใบแดง แต่จังหวะปะทะกลางสนามมีให้เห็นตลอด ทำให้จังหวะของเกมสูงและดุดันสมศักดิ์ศรีบอลถ้วยอังกฤษ
🕒 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- 🟨 นาที 16 ไอแซค เดวีส์ รับใบเหลืองจากจังหวะทำฟาวล์ตัดเกมริมเส้น
- 🟨 นาที 27 คาลัม แชมเบอร์ส เข้าบอลแรงกลางสนาม โดนใบเหลืองใบที่สองของเกม
- 🟨 นาที 45 มอยเซส ไคเซโด โดนใบเหลืองจากการโวยคำตัดสินของผู้ตัดสินโทนี แฮร์ริงตัน
- 🔁 นาที 46 เชลซีแก้เกม ส่งชูเอา เปโดร ลงแทนมาร์เซล กีอู
- 🔁 นาที 46 เชลซีส่งอเลฆันโดร การ์นาโช่ ลงแทนทรีนิตี้ จอร์จ เพิ่มสปีดเกมรุกฝั่งซ้าย
- 🔁 นาที 56 คาร์ดิฟฟ์เปลี่ยนตัวรุกริมเส้น ส่งคริส วิลล็อก ลงแทนไอแซค เดวีส์
- 🔁 นาที 56 คาร์ดิฟฟ์ส่งยูเซฟ ซาเลห์ ลงแทนคอลลัม โรบินสัน เพื่อเพิ่มความสดแดนหน้า
- ⚽ นาที 57 เชลซีขึ้นนำ 0-1 จากจังหวะทำชิ่งระหว่างบัวโนโนเต้กับการ์นาโช่ ก่อนปีกอาร์เจนไตน์ซัดผ่านมือทร็อตต์เข้าไป
- 🔁 นาที 66 เชลซีถอดบัวโนโนเต้ออก ส่งมาโล กุสโต ลงมาเน้นเกมรับริมเส้นขวา
- 🔁 นาที 66 เชลซีส่งเปโดร เนโต้ ลงแทนเจย์เดน กิตเทนส์ เพิ่มทีเด็ดด้านข้าง
- ⚽ นาที 75 คาร์ดิฟฟ์ตีเสมอ 1-1 เมื่อเพอร์รี เอ็นจี เติมสูงเปิดเข้ากลางให้เดวิด เทิร์นบูลล์ยิงตุงตาข่าย
- 🔁 นาที 80 เจ้าบ้านส่งอเล็กซ์ โรเบิร์ตสัน ลงแทนโจเอล โคลวิลล์ เพื่อยกระดับแดนกลาง
- ⚽ นาที 82 เชลซีขึ้นนำ 1-2 เมื่ออันเดรย์ ซานโตสแทงทะลุช่องให้เปโดร เนโต้ ยิงโค้งเสียบเสาสุดคม
- 🔁 นาที 84 เชลซีถอดเจย์ อาเชออมพง ส่งทรีโวห์ ชาโลบาห์ลงมาเสริมกำแพงเกมรับ
- 🔁 นาที 90 คาร์ดิฟฟ์เปลี่ยนแบ็กขวา ส่งวิลเลียม ฟิช ลงมาแทนเพอร์รี เอ็นจี
- ⚽ นาที 90+3 เชลซีสวนกลับเร็ว การ์นาโช่ลากเดี่ยวขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายให้ชูเอา เปโดรยิงจ่อๆ เป็นประตู 1-3 ปิดบัญชี
⭐ Player of the Match – อเลฆันโดร การ์นาโช่
เกมนี้ไม่มีใครเด่นไปกว่า อเลฆันโดร การ์นาโช่ ปีกหนุ่มเลือดร้อนที่ลงมาครึ่งหลังแล้วเปลี่ยนภาพรวมของเกมทันที ด้วยสปีด การเลี้ยงกินตัว และความมั่นใจในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง เขายิงประตูเบิกร่อง 1-0 ให้ทีมขึ้นนำ ก่อนมาทำแอสซิสต์ถวายพานให้ชูเอา เปโดรปิดกล่องช่วงทดเวลา
เรตติ้ง 9.3 สะท้อนทุกอย่าง การ์นาโช่ไม่ใช่แค่ตัวรุกริมเส้นธรรมดา แต่คือคนที่เปิดสวิตช์โหมดบุกเต็มกำลังของเชลซีในคืนนี้ สร้างทั้งโอกาสยิงให้เพื่อน, ดึงตัวประกบสองคนตลอด และทำให้แนวรับคาร์ดิฟฟ์แทบหายใจไม่ทัน
📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนคาราบาวคัพและลีก
ชัยชนะนัดนี้ส่งเชลซีทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกคาราบาวคัพ เพิ่มโอกาสลุ้นแชมป์บอลถ้วยในซีซันนี้ และที่สำคัญคือช่วยอัปเกรดความมั่นใจก่อนกลับไปลุยพรีเมียร์ลีก ซึ่งพวกเขายังต้องเร่งเก็บแต้มเพื่อลุ้นพื้นที่ยุโรป
ด้านคาร์ดิฟฟ์ แม้ต้องหยุดเส้นทางในบอลถ้วยที่รอบ 8 ทีม แต่ฟอร์มที่สู้กับทีมใหญ่ได้ไม่ขี้เหร่ก็ถือเป็นสัญญาณบวก ก่อนหันไปโฟกัสกับภารกิจในลีก วัน ที่ต้องเก็บแต้มให้ต่อเนื่อง หากอยากยืนระยะในโซนบนของตารางคะแนนต่อไป
📅 ตารางบอลนัดถัดไป และโปรแกรมบอลที่น่าจับตา
จาก ตารางบอล และ โปรแกรมบอล ถัดไป ฝั่งคาร์ดิฟฟ์ต้องกลับไปสู้ศึกลีก วัน ต่อเนื่อง สองเกมสำคัญรออยู่ ทั้งการบุกเยือนลินคอล์น ซิตี วันที่ 20 ธันวาคม และเปิดบ้านรับการมาเยือนของเอ็กเซเตอร์ ซิตี ในวันที่ 26 ธันวาคม ซึ่งจะชี้ชัดว่าทีมจะยืนอยู่ตรงไหนของเส้นทางลุ้นเลื่อนชั้น
ส่วนเชลซีต้องหันไปโฟกัสศึกพรีเมียร์ลีกเต็มตัว เริ่มจากเกมเยือนนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในวันที่ 20 ธันวาคม ก่อนจะกลับสแตมฟอร์ดบริดจ์เปิดศึกหนักกับแอสตัน วิลลา วันที่ 28 ธันวาคม หากเก็บชัยต่อเนื่องได้ โมเมนตัมจากชัยชนะเกมนี้จะยิ่งผลักให้ทีมทะยานขึ้นหัวตารางได้เร็วขึ้น
📺 ติดตามบ้านผลบอลและข่าวบอลมันส์ๆ ได้ที่บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะเดือดของสิงห์บลูส์ รวมถึงทุกคู่สำคัญจากลีกใหญ่–เล็ก ทั่วโลก อย่าลืมเช็ก บ้านผลบอล อัปเดตสกอร์สด ตารางคะแนน และไฮไลต์มันส์ๆ ได้กับ บ้านกีฬา ที่จะยิงข้อมูลครบทั้งสถิติ เบื้องหลังเกม และมุมมองจัดจ้านสไตล์แฟนบอลตัวจริง

