
จาก : ผลบอลสด เดเอฟเบ โพคาล ระหว่าง ดอร์ทมุนท์ 0-1 เลเวอร์คูเซิน วันนี้ 3/12/68 – บ้านกีฬา
ศึกถ้วยเดเอฟเบ โพคาล รอบ 16 ทีมที่ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค กลายเป็นค่ำคืนขมขื่นของแฟนเจ้าถิ่น เมื่อ ดอร์ทมุนด์ ครองบอลบุกใส่แทบทั้งเกม แต่จบไม่คม แพ้ให้กับความเฉียบของ เลเวอร์คูเซิน ที่มาได้ประตูโทนจากดาวรุ่งอย่าง อิบราฮิม มาซา ตั้งแต่นาที 34 ทำให้สกอร์สุดท้ายบนหน้าเว็บ ผลบอลสด และจอ บ้านผลบอล จบลงที่ 0-1 ส่ง “ห้างขายยา” ทะลุรอบก่อนรองฯ ส่วน “เสือเหลือง” ตกรอบแบบสุดเจ็บ
⏱ ครึ่งแรก: มาซา ยิงเงียบทั้งสนาม
ต้นเกม ดอร์ทมุนด์ของ นิโก โควัช จัด 3-4-3 เน้นเพรสสูง ครองบอลต่อเนื่อง บุกจากสองด้านผ่าน คาริม อเดเยมี กับ ดานิเอล สเวนส์สัน เปิดใส่เขตโทษเลเวอร์คูเซิน โอกาสยิงไหลมาเรื่อยๆ แต่ยังขาดความคม จบไม่ได้
เลเวอร์คูเซินของ คาสเปอร์ ยูลมันด์ เลือกตั้งรับในระบบ 3-4-2-1 ปิดช่องกลางสนาม แล้วรอโต้กลับอาศัยความคล่องของ มาซา, อเล็กซ์ การ์เซีย และมาร์ก ตือร์ริเยร์ จังหวะสำคัญมาถึงนาที 34 เมื่อเกมสวนกลับถูกต่อบอลเร็วทะลุกลาง ก่อนที่ อิบราฮิม มาซา จะสอดขึ้นมารับบอลในเขตโทษแล้วกดเสียบตาข่ายให้ทีมเยือนนำ 1-0 ท่ามกลางความช็อกของทั้งสนาม
หลังโดนนำ ดอร์ทมุนด์โหมหนักยิ่งกว่าเดิม ทั้งลูกยิงไกลของ เอ็มเร ชาน และลูกครอสจากด้านข้าง แต่ มาร์ค เฟล็คเคน ยืนตำแหน่งดี เซฟสบายหลายจังหวะ ทำให้จบครึ่งแรก เลเวอร์คูเซินนำ 1-0 ทั้งที่รูปเกมเป็นรองชัดเจน
🔁 ครึ่งหลัง: เสือเหลืองโหมแหลก แต่กำแพงเฟล็คเคนยังอยู่
ครึ่งหลัง บ้านกีฬาเห็นได้ชัดว่า ดอร์ทมุนด์เร่งสปีดเกมเร็วกว่าครึ่งแรก ใช้การเคลื่อนที่ของ จู๊ด เบลลิงแฮม กับ ฟลอเรียน นเมชา เข้ามาช่วยโอเวอร์โหลดตรงกลาง สนามแทบจะปักหลักอยู่หน้ากรอบเขตโทษเลเวอร์คูเซิน ยิงรวมทั้งเกมถึง 20 ครั้ง แต่ยังไม่ผ่านมือ เฟล็คเคน
นาที 61 เลเวอร์คูเซินแก้เกมด้วยการส่ง มาลิก ทิลล์มันน์ และ พาทริก ชิค ลงมาเติมความสด จนมีจังหวะที่ มาร์ติน ตือร์ริเยร์ ส่งบอลตุงตาข่ายไปแล้ว นาที 62 แต่ VAR เช็กแล้วริบคืน ทำให้สกอร์ยัง 0-1
โควัชไม่รอช้า ส่งสามตัวรุกชุดใหญ่ลงมาพร้อมกันทั้ง แซร์ฮู กีราสซี, ยูเลียน บรันด์ท และ มักซิมิเลียน ไบเออร์ ในนาที 67 ตามด้วย ปาสคาล กรอส นาที 74 และ รามี เบนเซไบนี นาที 86 เพื่อยกทีมบุกเต็มตัว ช่วงท้ายเกมบอลแทบไม่ออกจากแดนเลเวอร์คูเซิน แต่สุดท้ายก็เจาะไม่เข้า จบ 90 นาทีบวกทดเวลา เลเวอร์คูเซินแอบยิ้มกลับบ้านด้วยชัยชนะ 1-0

👥 รายชื่อ 11 ตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🟡 ดอร์ทมุนด์ (3-4-3)
ผู้รักษาประตู
- เกรกอร์ โคเบล (1) – เรตติ้ง 6.8
กองหลัง
- นิโค ชล็อตเทอร์เบ็ค (4) – 6.9
- วัลเดมาร์ อันตอน (3) – 7.4
- ยูเลียน ไรเยอร์ซอน (26) – 6.8
กองกลาง
- เอ็มเร ชาน (23, กัปตัน) – 8.2
- ฟลอเรียน นเมชา (8) – 6.6
- จู๊ด เบลลิงแฮม (7) – 6.6
- ดานิเอล สเวนส์สัน (24) – 6.0
- คาริม อเดเยมี (27) – 6.9
แนวรุก
- ฟาบิโอ ซิลวา (21) – 6.6
- คาร์นีย์ ชุคเวเมกา (17) – 6.6
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- ยูเลียน บรันด์ท (10) – แทน ฟาบิโอ ซิลวา นาที 67, เรต 6.8
- แซร์ฮู กีราสซี (9) – แทน ยูเลียน ไรเยอร์ซอน นาที 67, เรต 6.5
- มักซิมิเลียน ไบเออร์ (14) – แทน คาร์นีย์ ชุคเวเมกา นาที 67, เรต 6.6
- ปาสคาล กรอส (13) – แทน ฟลอเรียน นเมชา นาที 74, เรต 6.8
- รามี เบนเซไบนี (5) – แทน ดานิเอล สเวนส์สัน นาที 86, เรต 6.8
ตัวสำรองไม่ได้ใช้: อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ (GK), อารอน อันเซลมีโน, ยาน คูโต้, มาร์เซล ซาบิตเซอร์
🔴 เลเวอร์คูเซิน (3-4-2-1)
ผู้รักษาประตู
- มาร์ค เฟล็คเคน (1) – 7.9
กองหลัง
- จาร์เรลล์ ควอนซาห์ (4) – 7.1
- โรเบิร์ต อันดริช (8, กัปตัน) – 7.5
- เอ็ดม็องด์ ทัพโซบา (12) – 7.5
วิงแบ็กและกองกลาง
- อเล็กซ์ กรีมัลดो (20) – 7.0
- โยนาส ฮอฟมันน์ (7) – 7.3
- อเล็กซ์ การ์เซีย (24) – 7.9
- คริสโตเฟอร์ โกฟาเน (35) – 6.6
- อิบราฮิม มาซา (30) – 8.1 ผู้ยิงประตูชัย
แนวรุก
- มาร์ติน ตือร์ริเยร์ (11) – 6.8
- เอ็มมานูเอล โพคู (19) – 6.5
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- มาลิก ทิลล์มันน์ (10) – แทน มาร์ติน ตือร์ริเยร์ นาที 61, เรต 6.6
- พาทริก ชิค (14) – แทน คริสโตเฟอร์ โกฟาเน นาที 61, เรต 6.5
- เนธาน เทลลา (23) – แทน เอ็มมานูเอล โพคู นาที 83, เรต 6.4
- โลอิก บาดे (5) – แทน โยนาส ฮอฟมันน์ นาที 90+3
ตัวสำรองไม่ได้ใช้: นิคลาส ลอมบ์ (GK), ฌ็องเนล เบโลเซียน, เคลาดิโอ เอเชเวร์รี, เอลีแอสส์ เบน เซฆีร์, อาเลโฆ ซาร์โก
🧠 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับของทั้งสองทีม
ถ้ามองในมุม วิเคราะห์บอล แท็กติก ดอร์ทมุนด์เลือกยืน 3-4-3 ที่โฟกัสการครองบอลและเคลื่อนที่แบบไดนามิก แผงหลังสามคนดันสูงคอยบีบไลน์ครึ่งสนาม เอ็มเร ชาน ยืนเป็นตัวรับ-จ่าย เชื่อมเกมกับคู่กลางอย่าง นเมชา และ เบลลิงแฮม จากนั้นปล่อยให้ อเดเยมี กับ สเวนส์สันคอยดันขึ้นเติมด้านข้างเพื่อเปิดบอลเข้าเขตโทษ การสร้างเกมถือว่าทำได้ดี มีทั้งการต่อบอลสั้นและการโยนตัดหลังแนวรับ ทว่า “จุดตาย” คือจังหวะสุดท้ายในกรอบเขตโทษที่ขาดทั้งความเฉียบและไอเดียในการหาพื้นที่ว่าง
ฝั่งเลเวอร์คูเซินใช้ 3-4-2-1 แบบยืดหยุ่น เวลาไม่มีบอลจะยุบลงเป็น 5-4-1 อัดแน่นหน้ากรอบเขตโทษ ตัดช่องจ่าย และบีบให้ดอร์ทมุนด์ต้องยิงไกล การ์เซียกับอันดริชช่วยกันสกรีนหน้าแผงหลังได้ยอดเยี่ยม ขณะที่ควอนซาห์กับทัพโซบาคุมโซนโหม่งสกัดแทบไม่พลาด เมื่อได้บอลจึงออกบอลจากหลังสู่แดนบนภายในสองจังหวะ โดยใช้ มาซา เป็นตัวเชื่อมเกมระหว่างกลางกับหน้า คอยพักบอล พลิกจ่ายออกปีกหรือแทงทะลุให้ ตือร์ริเยร์ และโพคู สปีดหนีแนวรับเจ้าถิ่น
จุดต่างที่ชัดคือ เลเวอร์คูเซินใช้โอกาสน้อยครั้งแต่มีคุณภาพสูง ยิงตรงกรอบไม่มากแต่ทุกทีมีลุ้นประตู ส่วนดอร์ทมุนด์แม้จะพุ่งเข้ากรอบหลายหน แต่เจอเฟล็คเคนอ่านเกมขาด เซฟทั้งลูกโหม่งและลูกยิงไกลได้หมด แถมเกมรับห้างยายังอ่านทางการครอสของเสือเหลืองขาด ทำให้เจ้าบ้านแทบไม่เคยได้จบแบบโล่งๆ เลย

📊 สถิติการแข่งขันแบบเจาะลึก
ตลอด 90 นาที ดอร์ทมุนด์ครองบอลราว 58% ต่อ 42% แสดงชัดว่าพวกเขาคุมจังหวะเกมอยู่หมัด ยิงทั้งหมด 20 ครั้ง มากกว่าเลเวอร์คูเซินที่ยิงเพียง 6 ครั้ง แต่จำนวน “โอกาสทอง” กลับใกล้เคียงกันที่ 3 ต่อ 1 และฝ่ายที่เฉียบคมกว่าก็คือทีมเยือน
ลูกเตะมุม ดอร์ทมุนด์ได้ถึง 11 ครั้ง ขณะที่เลเวอร์คูเซินไม่มีเลย แสดงให้เห็นว่าเสือเหลืองบุกกดดันต่อเนื่อง แต่ปัญหาคือการเปลี่ยนจากคอร์เนอร์เป็นประตูทำไม่ได้เลย ฝั่งเลเวอร์คูเซินต้องทำงานหนักในเกมรับจนตัวเลขแท็กเกิลขึ้นไปถึง 25 ครั้ง มากกว่าดอร์ทมุนด์ที่ 15 ครั้ง และ เฟล็คเคน ต้องออกแรงเซฟถึง 4 หน เทียบกับโคเบลที่มีจังหวะเซฟแบบจริงจังเพียงครั้งเดียว
แม้เลเวอร์คูเซินจะเสียฟาวล์มากกว่า (8 ต่อ 5) และโดนใบเหลือง 2 ใบ เทียบกับดอร์ทมุนด์ 3 ใบ แต่การตัดฟาวล์ของห้างยาถือว่ามีประสิทธิภาพ ตัดจังหวะโต้กลับและทำลายโมเมนตัมเจ้าบ้านได้พอดี ไม่ปล่อยให้เกมเปิดหน้าแลกจนเสี่ยงเสียประตู
📌 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ นาที 34: อิบราฮิม มาซา แปในเขตโทษให้เลเวอร์คูเซินนำ 1-0
- 🔁 นาที 61: เลเวอร์คูเซินเปลี่ยนสองตัวรวด ส่ง มาลิก ทิลล์มันน์ แทน มาร์ติน ตือร์ริเยร์ และ พาทริก ชิค แทน คริสโตเฟอร์ โกฟาเน
- ❌ นาที 62: มาร์ติน ตือร์ริเยร์ ยิงตุงตาข่าย แต่ VAR เช็กแล้วริบประตูคืนจากจังหวะล้ำหน้า
- 🔁 นาที 67: ดอร์ทมุนด์แก้เกม ส่ง แซร์ฮู กีราสซี, มักซิมิเลียน ไบเออร์ และ ยูเลียน บรันด์ท ลงมาแทน ไรเยอร์ซอน, ชุคเวเมกา และ ฟาบิโอ ซิลวา
- 🟨 นาที 68: วัลเดมาร์ อันตอน โดนใบเหลืองจากจังหวะเสียฟาวล์
- 🟨 นาที 71: จู๊ด เบลลิงแฮม รับใบเหลืองจากการตัดเกมกลางสนาม
- 🔁 นาที 74: ปาสคาล กรอส ลงแทน ฟลอเรียน นเมชา เพิ่มมิติการจ่ายบอลให้ดอร์ทมุนด์
- 🟨 นาที 75: โรเบิร์ต อันดริช ได้ใบเหลืองในจังหวะเสียฟาวล์กลางสนาม
- 🔁 นาที 83: เลเวอร์คูเซินส่ง เนธาน เทลลา แทน เอ็มมานูเอล โพคู เติมความเร็วโต้กลับ
- 🔁 นาที 86: ดอร์ทมุนด์ส่ง รามี เบนเซไบนี แทน ดานิเอล สเวนส์สัน เติมความสูงในลูกกลางอากาศ
- 🟨 นาที 90: เอ็มเร ชาน โดนใบเหลืองจากการเข้าสกัดหนัก
- 🔁 นาที 90+3: เลเวอร์คูเซินส่ง โลอิก บาด้ ลงแทน โยนาส ฮอฟมันน์ เพื่อปิดเกมและแพ็กเกมรับช่วงทดเวลา
🌟 Player of the Match – เอ็มเร ชาน
แม้ทีมจะแพ้ แต่รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของเกมตกเป็นของ เอ็มเร ชาน กัปตันดอร์ทมุนด์ ด้วยเรตติ้งสูงถึง 8.2 จาก Sofascore บ้านกีฬามองชัดว่าเขาคือหัวใจในแดนกลาง คอยไล่บี้ตัดบอลหน้าแผงหลัง อ่านจังหวะเพรสซิ่งได้ดี ทำให้เลเวอร์คูเซินเจาะตรงกลางได้ยากมาก
ชานยังมีบทบาทกับเกมรุกอย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวเป็นคนออกบอลแรกจากแดนหลังขึ้นสู่แนวรุกหลายครั้ง เปลี่ยนแกนจากซ้ายไปขวาได้เนียนกริบ และมีจังหวะลองส่องไกลสร้างอันตรายให้เฟล็คเคนต้องออกแรงเซฟ หากไม่มีชานคุมเกม ดอร์ทมุนด์อาจโดนสวนหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ
ฝั่งเลเวอร์คูเซิน อิบราฮิม มาซา ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ทั้งยิงประตูชัยและเชื่อมเกมในแดนบน แต่เมื่อเทียบตลอด 90 นาทีแล้ว ความครบเครื่องทั้งเกมรับและเกมรุกทำให้เอ็มเร ชานคู่ควรกับรางวัลนี้อย่างแท้จริง
🏆 สถานการณ์ในเส้นทางเดเอฟเบ โพคาล
ผลพ่ายคาบ้าน 0-1 ทำให้ดอร์ทมุนด์หยุดเส้นทางใน เดเอฟเบ โพคาล เพียงรอบ 16 ทีม พลาดโอกาสลุ้นแชมป์ถ้วยใบนี้ต่อไป ทั้งที่ฤดูกาลนี้มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องมีโทรฟีติดมืออย่างน้อยหนึ่งรายการ แรงกดดันจึงถูกโยนไปยังเวทีบุนเดสลีกาและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกแทน
ด้านเลเวอร์คูเซิน การบุกมาคว้าชัยที่ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ไม่ใช่แค่การเข้ารอบก่อนรองฯ เท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณชัดว่า “ห้างขายยา” พร้อมจะเป็นตัวเต็งลุ้นแชมป์ทุกรายการที่ลงเล่น ความมั่นใจพุ่งสูงทั้งทีม และผลลัพธ์ในคืนนี้อาจกลายเป็นโมเมนตัมสำคัญต่อช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
📅 ตารางบอลและโปรแกรมบอลนัดถัดไปของทั้งสองทีม
จากภาพ ตารางบอล และ โปรแกรมบอล หลังเกม ดอร์ทมุนด์ยังต้องลุยต่อทั้งในยุโรปและลีกภายในประเทศ นัดสำคัญที่รออยู่คือเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่จะเปิดบ้านรับมือ โบโด/กลิมต์ ตามด้วยเกมบุนเดสลีกาเจอ ฮอฟเฟนไฮม์ ซึ่งทั้งสองนัดนี้เสือเหลืองจำเป็นต้องเรียกฟอร์มกลับมาให้ได้ หลังตกรอบบอลถ้วยแบบเจ็บๆ
ส่วนเลเวอร์คูเซินมีโปรแกรมหนักไม่แพ้กัน เริ่มจากเกมยุโรปที่จะดวลเดือดกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนออกไปเยือน เอาก์สบวร์ก ในบุนเดสลีกา หากเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้ทั้งสองนัด ความมั่นใจจากชัยชนะในเดเอฟเบ โพคาลคืนนี้จะต่อยอดให้พวกเขายืนระยะบนหัวตารางลีกและเดินหน้าลุ้นลึกในถ้วยยุโรปได้แบบเต็มตัว
📣 ติดตามบ้านผลบอลได้ที่บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากเช็กทุกสกอร์แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นผลเดเอฟเบ โพคาล บุนเดสลีกา หรือถ้วยยุโรป อย่าลืมติดตาม บ้านผลบอล และอัปเดต ผลบอลสด คู่สำคัญได้ทุกคืนที่ บ้านกีฬา บ้านของคนรักเกมลูกหนัง ที่นี่เราพร้อมเสิร์ฟสถิติ จังหวะสำคัญ และมุมมองเข้มข้นสไตล์นักข่าวกีฬาให้คุณไม่พลาดทุกช็อตเดือดบนสนาม

