ยอดเงินอัดฉีดนักกีฬาโอลิมปิกไทยทะลุ 74 ล้านบาท ทัพไทยคว้ารางวัลอื้อจากผลงานสุดยอดใน “ปารีส 2024”

ความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยใน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีสไม่เพียงแค่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศ แต่ยังนำมาซึ่งยอดเงินอัดฉีดที่ทะลุเกินกว่า 74.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการสนับสนุนอย่างแข็งขันที่ได้รับจากทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยผลงานยอดเยี่ยมที่สามารถคว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง กลับบ้านอย่างสง่างาม

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ในบรรดานักกีฬาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สาวนักเทควันโดไทยรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ที่คว้าเหรียญทองมาได้อย่างยิ่งใหญ่ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการกีฬาไทย โดยเธอได้รับยอดเงินอัดฉีดถึง 18.88 ล้านบาท รองลงมาเป็นนักกีฬาที่คว้าเหรียญเงิน ได้แก่ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ในประเภทแบดมินตันชายเดี่ยว, “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาลัย ในประเภทยกน้ำหนักรุ่น 61 กิโลกรัมชาย และ “เวฟ” วีรพล วิชุมา ในประเภทยกน้ำหนักรุ่น 73 กิโลกรัมชาย ทั้งสามคนได้รับเงินรางวัลจากผลงานอันยอดเยี่ยมไปคนละ 13.1 ล้านบาท ส่วนเหรียญทองแดงตกเป็นของ “ออย” สุรจนา คำเบ้า ในประเภทยกน้ำหนักรุ่น 49 กิโลกรัมชาย ได้รับไป 9.02 ล้านบาท และ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักมวยสากลหญิงในรุ่น 66 กิโลกรัม ได้รับเงินรางวัล 7.02 ล้านบาท

ผลงานของนักกีฬาไทยในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงถึงความทุ่มเทและศักยภาพของพวกเขา แต่ยังสะท้อนถึงการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนที่พร้อมยื่นมือช่วยเหลือและให้กำลังใจอย่างเต็มที่ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นผู้มอบเงินรางวัลหลักตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองจะได้รับ 12 ล้านบาท เหรียญเงิน 7.2 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 4.8 ล้านบาท ในรูปแบบการแบ่งจ่ายเป็นก้อนและรายเดือน ส่วนรูปแบบที่ 2 เป็นการจ่ายเงินก้อนทั้งหมดในครั้งเดียว โดยเหรียญทองได้รับ 10 ล้านบาท เหรียญเงิน 6 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 4 ล้านบาท ซึ่งนักกีฬามีสิทธิ์เลือกว่าจะรับในรูปแบบใด

นอกจากนั้น คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ยังมอบเงินเดือนให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญโอลิมปิก โดยเหรียญทองได้รับเงินเดือน 12,000 บาทต่อเดือน รวมเป็นเงิน 2.88 ล้านบาท ในระยะเวลา 20 ปี เหรียญเงิน 10,000 บาทต่อเดือน รวมเป็นเงิน 2.4 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 8,000 บาทต่อเดือน รวมเป็นเงิน 1.92 ล้านบาท โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนถัดไปหลังจากการแข่งขัน

นอกจากนี้ บรรดาบริษัทเอกชนและหน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้ร่วมกันมอบเงินรางวัลเพื่ออัดฉีดความสำเร็จของนักกีฬาไทย บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) มอบเงินรางวัล 1 ล้านบาท สำหรับเหรียญทอง 500,000 บาท สำหรับเหรียญเงิน และ 300,000 บาท สำหรับเหรียญทองแดง ส่วน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มอบรางวัลให้เฉพาะนักกีฬายกน้ำหนัก โดยเหรียญทองได้รับ 5 ล้านบาท เหรียญเงิน 3 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 2 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) และรองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก ได้มอบเงินส่วนตัวให้กับ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ที่คว้าเหรียญเงินแบดมินตันชายเดี่ยวเป็นจำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อยกย่องความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในกีฬาโอลิมปิก รวมถึง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มอบเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท ให้กับเขาเช่นเดียวกัน

การสนับสนุนที่ครอบคลุมนี้ยังรวมถึงการอัดฉีดเงินรางวัลจาก นายสิริชัย วงศ์พัฒนกิจ พ่อของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่มอบเงินส่วนตัว 3 ล้านบาท เพื่อให้กำลังใจลูกสาว ซึ่งเป็นแชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ทั้งยังจัดเลี้ยงวันเกิดให้กับเธอที่สนามแข่งขันในกรุงปารีสอีกด้วย

ด้วยการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการให้กำลังใจจากคนใกล้ชิด ทำให้ยอดรวมเงินรางวัลอัดฉีดของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้าเหรียญทองเทควันโดใน โอลิมปิก ปารีส 2024 พุ่งสูงถึง 18.88 ล้านบาท และตามมาติด ๆ กับ 3 เหรียญเงิน ของไทยที่นักกีฬาแต่ละคนได้รับไปคนละ 13.1 ล้านบาท และ 2 เหรียญทองแดง ที่ได้ถึง 9.02 ล้านบาท และ 7.02 ล้านบาท ตามลำดับ

ติดตามข่าวสารโอลิมปิก 2024 ได้ที่ : โอลิมปิกบ้านกีฬา