
จาก : ผลบอลสด ลีกเอิง ฝรั่งเศส ระหว่าง เม็ตซ์ 0-1 แรนส์ วันนี้ 29/11/68 – บ้านกีฬา
ศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส คู่ดึกที่สังเวียนเหย้าเม็ตซ์ จบลงด้วยชัยชนะของทีมเยือนแรนส์ 1-0 จากประตูโทนช่วงต้นเกม นาที 22 ของ บรีล เอ็มโบโล่ ที่ซัดไม่เหลือ จากจังหวะต่อบอลเร็วกับ วาเลนติน รงชิเยร์ แม้รูปเกมโดยรวมเจ้าถิ่นจะลุยใส่แบบไม่กลัวตาย ยิงมากกว่าถึง 21 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ทะลวงแนวรับทีมเยือนไม่ได้ ตามรายงาน ผลบอลสด และภาพรวมจากสถิติหลังเกมที่ บ้านกีฬา เก็บมาถอดให้ฟังแบบละเอียดยิบ
⏱️ ครึ่งแรก: แรนส์คมกริบ ยิงครั้งเดียวจบ
เปิดฉากมา เม็ตซ์ไม่กลัวศักดิ์ศรีทีมเยือน ไล่เพรสสูงตั้งแต่แดนหน้า ใช้ความขยันของ กอธิเยร์ ไฮน์, บูบาการ์ ตราโอเร่ และ ฟอเด้ บัลโล่-ตูเร่ ไล่บีบแผงหลังแรนส์จนต่อบอลกันลำบาก จังหวะลุ้นประตูแรกมาจากการยิงไกลของ ไฮน์ ที่ บรีส ซ็องบ้า ต้องพุ่งปัดทิ้ง
แต่บอลระดับลีกเอิง ใครพลาดก่อนโดนลงโทษก่อน นาที 22 แรนส์ฉวยจังหวะโต้กลับเร็ว บอลไหลจากกลางสนามของ วาเลนติน รงชิเยร์ ทะลุช่องให้ บรีล เอ็มโบโล่ สปีดหนีแนวรับเม็ตซ์เข้าเขตโทษ ก่อนแปเสียบเสาอย่างเยือกเย็น เปลี่ยนสกอร์เป็น 0-1 เงียบกริบทั้งสนาม
หลังเสียประตู เม็ตซ์ยังไม่ถอดใจ เดินหน้ากดดันต่อเนื่อง บอลริมเส้นฝั่งซ้ายของ บัลโล่-ตูเร่ ทำงานหนัก เปิดเข้าไปให้ อิบราฮิม่า ซาเน่ ได้โขกหลายหนแต่ยังไม่ตรงกรอบ ช่วงท้ายครึ่งแรก “บ้าน” ต้องเปลี่ยนตัวเร็ว นาที 19 ซี.ที. ซาบาลี เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ส่ง โจเอล อาซอโร ลงมาแทน เพื่อเติมความสดในแดนหน้า ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำของแรนส์ 0-1
🔁 ครึ่งหลัง: เม็ตซ์ลุยแหลก แต่กำแพงแรนส์หนาแน่นเกิน
กลับมาครึ่งหลัง เม็ตซ์ยิ่งเร่งสปีด เกมรุกดันสูงแทบทั้งทีม บัลโล่-ตูเร่ เติมขึ้นเป็นวิงแบ็กตัวรุกเต็มตัว เปิดชนเสาเปิดชนมือ ซ็องบ้า หลายระลอก กอธิเยร์ ไฮน์ ได้ส่องนอกกรอบแบบเหน่งๆ แต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือประตูทีมเยือน
แรนส์รู้ตัวว่ากำลังโดนบี้ นาที 62 จัดชุดแก้เกมทีเดียวสามคน ส่ง ลูโดวิก บลาส, อ็องโทนี่ รูโอลต์ และ แก็งแต็ง แมร์แล็ง ลงมาเพิ่มสดและเสถียรภาพเกมรับ ช่วยคุมพื้นที่แดนกลางและริมเส้น ทำให้เกมสวนกลับมีพิษมากขึ้น เอ็มโบโล่ ได้หลุดไปลุ้นประตูที่สองแต่ยังยิงหลุดกรอบ
ช่วง 15 นาทีท้าย สเตฟาน เลอ มินย็อง เปลี่ยนทีเด็ดหมดหน้าตัก ส่ง อัลฟา ตูเร่, มาลิก เอ็มบาย, มอร์แกน โบเกเล มปูตู และ จอร์จี้ อาบัวชวิลี่ ลงมากดดันต่อเนื่อง แต่ “กำแพงสีแดง-ดำ” ของแรนส์ยังยืนกันแน่น เคลียร์ทุกลูกกลางอากาศ จนเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น สกอร์ยังคงเดิม 0-1 ทีมเยือนได้เฮ ส่วนเจ้าบ้านต้องกลืนความผิดหวังต่อไป

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🟥 เม็ตซ์ (3-4-2-1) – เรตติ้งเฉลี่ย 6.84
ผู้รักษาประตู
- 1 โจนาธาน ฟิสเชอร์ – 7.1
กองหลังสามคน
- 2 มาติเยอ โคลิน – 7.0
- 7 จอร์จี้ ซิไตส์ชวิลี – 6.7
- 15 ที. เยกเบ้ – 6.7
มิดฟิลด์ / วิงแบ็ก
- 5 ฌอง-ฟิลิปป์ ก์บาแม็ง – 6.8
- 20 ฌอง ดีมินเกต์ – 6.8
- 8 บูบาการ์ ตราโอเร่ – 6.8
- 97 ฟอเด้ บัลโล่-ตูเร่ – 7.8
- 14 ซี.ที. ซาบาลี – 6.4
แนวรุก
- 10 (กัปตัน) กอธิเยร์ ไฮน์ – 7.4
- 23 อิบราฮิม่า ซาเน่ – 6.5
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- 99 โจเอล อาซอโร – 6.6 (น.19 แทน ซาบาลี)
- 12 อัลฟา ตูเร่ – 6.9 (น.75 แทน ดีมินเกต์)
- 11 มาลิก เอ็มบาย – 6.5 (น.76 แทน บัลโล่-ตูเร่)
- 19 มอร์แกน โบเกเล มปูตู – 6.6 (น.76 แทน ซาเน่)
- 9 จอร์จี้ อาบัวชวิลี่ – 6.6 (น.88 แทน ตราโอเร่)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง
- 40 อุสมาน บา
- 39 คอฟฟี่ กูอาโอ
- 38 ซาดีบู ซาเน่
- 21 เบนฌาแม็ง สตัมบูลี
🟦 แรนส์ (3-5-2) – เรตติ้งเฉลี่ย 6.86
ผู้รักษาประตู
- 30 บรีส ซ็องบ้า – 7.2
กองหลังสามคน
- 3 โลอิก บราสซิเอร์ – 6.9
- 6 ดีโยกู ซีสเซ่ – 6.8
- 97 เฌเรมี ฌักเกต์ – 7.4
วิงแบ็ก
- 95 เพอร์เซมีสลาฟ ฟรังคอฟสกี้ – 6.7
- 11 มุสซ่า ทามารี – 6.4
กองกลางตัวรับและเชื่อมเกม
- 45 มูฮัมเหม็ด คามาร่า – 6.7
- 21 (กัปตัน) วาเลนติน รงชิเยร์ – 7.6
- 48 อับเดลฮามิด เอต์ บูดลาล – 7.3
กองหน้า
- 9 เอ็ดวาร์ เลโปล – 6.0
- 7 บรีล เอ็มโบโล่ – 7.0
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- 24 อ็องโทนี่ รูโอลต์ – 6.7 (น.62 แทน ซีสเซ่)
- 26 แก็งแต็ง แมร์แล็ง – 6.9 (น.62 แทน ฟรังคอฟสกี้)
- 10 ลูโดวิก บลาส – 6.9 (น.62 แทน บราสซิเอร์)
- 39 โมฮาเหม็ด คาเดอร์ เมอเต – 6.4 (น.76 แทน เลโปล)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง
- 50 มาตีส์ ซิลิสทรี
- 36 อาลิดู ไซดู
- 18 มาฮามาดู นากีดา
- 4 เกล็น คามาร่า
- 75 เอลียาส เลอฌ็องดร์ กีโญเนซ
ผู้เล่นบาดเจ็บ/ไม่พร้อมลงสนาม
- เม็ตซ์ : โจเซฟ มังกอนโด, ยูรี-มิเชล ม์บูล่า (เช็กฟิต), ปาป ซาย, ฮาบิบ ดิยัลโล่
- แรนส์ : เซโก้ โฟฟาน่า (เช็กฟิต)
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
รูปเกมวันนี้ชัดเจนว่า เม็ตซ์เลือกเล่นด้วยระบบ 3-4-2-1 เน้นการบีบสูงและใช้วิงแบ็กอย่าง บัลโล่-ตูเร่ กับ ซาบาลี เป็นอาวุธหลักริมเส้น การขึ้นบอลเริ่มจากสามเซ็นเตอร์แบ็กโยนออกด้านข้างให้วิงแบ็กแล้วต่อเข้ากลางให้คู่มิดฟิลด์ ก์บาแม็ง–ดีมินเกต์ ช่วยเชื่อมจังหวะ ก่อนปล่อย ไฮน์ กับ ตราโอเร่ วิ่งสอดเข้าไปเล่นระหว่างไลน์กับ ซาเน่ จุดเด่นคือการหมุนบอลจากซ้ายไปขวาเร็ว ทำให้แรนส์ต้องถอยยกแผง ทว่าปัญหาคือจังหวะสุดท้ายยังขาดความคม ยิง 21 ครั้งแต่เข้ากรอบเพียง 5 ลูก แถมหลายช็อตยิงไปชนตัวบล็อก
ฝั่งแรนส์ของฮาบิบ เบเย เลือกระบบ 3-5-2 ที่เน้นสมดุลทั้งรุกและรับ แดนกลางใช้สามประสาน คามาร่า–รงชิเยร์–บูดลาล คอยสลับกันขึ้นลง รงชิเยร์เป็นหัวใจของทีม ทั้งเชื่อมเกมและสอดขึ้นไปทำทางให้คู่หน้า เลโปล–เอ็มโบโล่ รูปแบบการบุกคือรับลึกดึงเม็ตซ์ให้ดันสูง จากนั้นออกบอลยาวเร็วไปพื้นที่ว่างด้านหลังวิงแบ็กเจ้าถิ่น จังหวะประตูนำ 1-0 ก็มาจากการเล่นแบบนี้เป๊ะๆ เมื่อ รงชิเยร์ เหวี่ยงบอลทะลุช่องให้ เอ็มโบโล่ หลุดเข้าไปยิง
เกมรับแรนส์จัดว่าเหนียวแน่น เซ็นเตอร์ทั้งสามโดยเฉพาะ ฌักเกต์ อ่านเกมได้ยอดเยี่ยม ดักโหม่งเคลียร์บอลยาวของเม็ตซ์ได้เกือบทุกลูก ส่วน ซ็องบ้า ยืนตำแหน่งดีมาก เซฟสำคัญหลายจังหวะในช่วงท้ายเกม ขณะที่เม็ตซ์แม้ระบบเพรสดี แต่จังหวะถอยลงไปตั้งรับในกรอบเขตโทษยังมีช่องว่างให้คู่แข่งเล่นสวนกลับได้เสมอ ซึ่งเป็นจุดที่ทีมต้องรีบปรับหากจะหนีตกชั้นให้ได้
โดยภาพรวม หากมองในมุม วิเคราะห์บอล บ้านกีฬาให้เครดิตแรนส์เต็มๆ ที่เล่นตามแท็กติกได้ตรงเป้า คมกว่า เฉียบกว่า แม้โอกาสยิงน้อยกว่า แต่ใช้จังหวะทองได้คุ้มค่าสุดๆ

📈 สถิติการแข่งขัน
เมื่อมองจากตัวเลขหลังเกม เม็ตซ์เป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่านิดๆ 52% ต่อ 48% และสร้างโอกาสยิงได้มากถึง 21 ครั้ง ขณะที่แรนส์ยิงเพียง 11 หน ทว่าทีมเยือนมีลูกยิงเข้ากรอบแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอจะคว้าประตูชัย ส่วนเจ้าบ้านยิงเข้ากรอบ 5 ครั้งแต่ไม่ผ่านมือ บรีส ซ็องบ้า เลย การผ่านบอลถือว่าสูสี เม็ตซ์จ่ายทั้งหมด 432 ครั้ง ความแม่นยำ 91% ส่วนแรนส์จ่าย 437 ครั้ง ความแม่นยำ 88% เท่ากับว่าทั้งสองทีมเล่นบอลบนพื้นได้ดีทั้งคู่ เกมค่อนข้างแฟร์ ไม่มีจังหวะบู๊เดือดเกินเหตุ เพราะไม่มีทั้งใบเหลืองและใบแดง ฟาวล์เท่ากันฝั่งละ 8 ครั้ง ล้ำหน้าอย่างละ 1 ครั้ง แต่ลูกเตะมุม เม็ตซ์ได้มากกว่า 6 ต่อ 3 สะท้อนว่าเจ้าบ้านบุกกดดันจนแรนส์ต้องเคลียร์บอลออกหลังหลายครั้ง
📝 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ นาที 22 : แรนส์ได้ประตูขึ้นนำ 0-1 บรีล เอ็มโบโล่ สปีดหนีแนวรับเม็ตซ์ รับบอลแทงช่องจาก วาเลนติน รงชิเยร์ ก่อนแปเสียบเสาอย่างเฉียบขาด
- 🔁 นาที 19 : เม็ตซ์ต้องเปลี่ยนตัวเร็ว ซี.ที. ซาบาลี เจ็บเล่นต่อไม่ไหว ส่ง โจเอล อาซอโร ลงมาเพิ่มความเร็วในแดนหน้า
- 🔁 นาที 62 : แรนส์ปรับแท็กติก ส่ง ลูโดวิก บลาส ลงแทน โลอิก บราสซิเอร์ เพื่อเติมมิติเกมรุกจากแผงกลาง
- 🔁 นาที 62 : ดีโยกู ซีสเซ่ ถูกถอดออก ส่ง อ็องโทนี่ รูโอลต์ ลงมาช่วยปิดช่องในแนวรับ
- 🔁 นาที 62 : เพอร์เซมีสลาฟ ฟรังคอฟสกี้ พักข้างสนาม เปิดโอกาสให้ แก็งแต็ง แมร์แล็ง ลงมาทำหน้าที่วิงแบ็ก
- 🔁 นาที 75 : เม็ตซ์เติมกลางรุก ส่ง อัลฟา ตูเร่ ลงแทน ฌอง ดีมินเกต์ เปลี่ยนรูปเกมให้ดุดันขึ้น
- 🔁 นาที 76 : เม็ตซ์ปรับสองตำแหน่งรวด ถอด ฟอเด้ บัลโล่-ตูเร่ และ อิบราฮิม่า ซาเน่ ออก แล้วส่ง มาลิก เอ็มบาย กับ มอร์แกน โบเกเล มปูตู ลงมาล่าตีเสมอ
- 🔁 นาที 76 : แรนส์ส่ง โมฮาเหม็ด คาเดอร์ เมอเต ลงแทน เอ็ดวาร์ เลโปล เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในแดนหน้าและการพักบอล
- 🔁 นาที 88 : เจ้าถิ่นเล่นไพ่ใบสุดท้าย เปลี่ยน จอร์จี้ อาบัวชวิลี่ ลงมาแทน บูบาการ์ ตราโอเร่ หวังยิงไกลปาฏิหาริย์ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ
⭐ Player of the Match : ฟอเด้ บัลโล่-ตูเร่ (เม็ตซ์)
แม้ทีมจะแพ้คาบ้าน แต่รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ตกเป็นของ ฟอเด้ บัลโล่-ตูเร่ แบ็กซ้ายพลังม้าของเม็ตซ์ ที่ได้คะแนนสูงถึง 7.8 จากบทบาทการขึ้นลงไม่มีหมด ตลอดเกมเขาเป็นคนสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับแรนส์มากที่สุด ทั้งการลากเลื้อยจี้ตัวต่อตัว เปิดบอลจากริมเส้น และสอดเข้าไปยิงเอง หลายจังหวะบีบให้ ซ็องบ้า ต้องออกแรงเซฟแบบสุดตัว
ในเกมรับ บัลโล่-ตูเร่ ยังช่วยถอยลงมาปิดพื้นที่ฝั่งซ้าย ตัดบอลและบล็อกครอสได้หลายครั้ง ถ้าทีมมีจังหวะจบสกอร์ที่คมกว่านี้ ฟอร์มระดับนี้ของเขาน่าจะเพียงพอพาเม็ตซ์แบ่งแต้มได้อย่างน้อยหนึ่งคะแนน ถือเป็นฟูลแบ็กที่เล่นด้วยหัวใจเต็มร้อยสมกับคำชมจากแฟนบอลในโซเชียลหลังเกม

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนลีกเอิง
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ แรนส์ ขยับยึดอันดับ 4 ของตารางลีกเอิง หลังลงเตะไป 14 นัด เก็บได้ 24 คะแนน จากผลงาน ชนะ 6 เสมอ 6 แพ้เพียง 2 เกม ยิงได้ 24 ประตู เสีย 18 ประตู ประตูได้เสีย +6 แนวโน้มกำลังร้อนแรง มีลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปเต็มตัว หากรักษาฟอร์มแบบนี้ต่อเนื่อง โอกาสจบฤดูกาลในท็อปโฟร์มีสูงมาก
ตรงกันข้าม เม็ตซ์ยังจมโซนท้ายตารางในอันดับ 17 แข่ง 14 นัด เก็บได้แค่ 11 แต้ม จากสถิติ ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ถึง 9 ประตูได้ 14 เสีย 31 ลูก ประตูได้เสีย -17 ตัวเลขเหล่านี้บอกชัดว่าเกมรับคือจุดที่ต้องรีบปรับโดยด่วน เพราะทุกแต้มต่อจากนี้สำคัญต่อการหนีตกชั้นแบบหายใจรดต้นคอ เมื่อมองแผนการเล่นและทรงบอลแล้ว เม็ตซ์ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ต้องเพิ่มความนิ่งยามนำหรือยามโดนบีบ เพราะแต่ละความผิดพลาดในลีกเอิงมักถูกลงโทษทันที
📅 ตารางบอลลีกเอิง นัดถัดไป
ในมุมมอง ตารางบอล และโปรแกรมข้างหน้า เม็ตซ์ไม่มีเวลานั่งเสียใจนาน เพราะต้องออกไปเยือน โอแซร์ วันที่ 7 ธันวาคม ก่อนกลับมาเปิดบ้านรับมือยักษ์ใหญ่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง วันที่ 14 ธันวาคม เกมต่อเนื่องแบบนี้หมายความว่าหากเก็บแต้มไม่ได้เลย สถานการณ์หนีตกชั้นจะยิ่งกดดันแบบสุดขีด
ส่วนแรนส์ก็โปรแกรมโหดไม่แพ้กัน นัดถัดไปต้องบุกเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง วันที่ 7 ธันวาคม เช่นกัน ก่อนกลับมาลงเล่นในถิ่นตัวเองพบ แบรสต์ วันที่ 13 ธันวาคม ถ้าพวกเขายังรักษาความเหนียวแน่นในเกมรับได้เหมือนนัดนี้ มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์เก็บแต้มจากเกมใหญ่ และยึดพื้นที่หัวตารางต่อไป เมื่อมองจาก โปรแกรมบอล ที่แน่นขนัด ช่วงเดือนธันวาคมจะเป็นบททดสอบสำคัญของทั้งสองสโมสรอย่างแท้จริง
📣 ติดตามบ้านผลบอลกับบ้านกีฬา
แฟนลูกหนังที่อยากไม่พลาดทุกสกอร์เดือดจากลีกเอิงและลีกใหญ่ทั่วยุโรป แวะเช็ก บ้านผลบอล และสรุป ผลบอลสด แบบละเอียดยิบได้ทุกวันกับ บ้านกีฬา เรารวบรวมทั้งผลบอลแบบเรียลไทม์ ตารางคะแนน รายงานหน้าเกม–หลังเกม และมุมมองเชิงลึกสไตล์นักข่าวบอลตัวจริง เอาไว้ให้แฟนบอลไทยได้อัปเดตกันตลอดฤดูกาล

