ราโย่ บาเยกาโน่ สโมสรท้ายตารางที่ยังคงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

ราโย่ บาเยกาโน่ เด มาดริด Rayo Vallecano de Madrid หรือเรียกสั้น ๆ ว่าราโย่ เป็นสโมสรฟุตบอลที่ตั้งอยู่ในสเปน ตั้งอยู่ในย่านบาเยกัส ของมาดริด  สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1924 และปัจจุบันแข่งขันในลีกระดับสูงสุด หลังจากเลื่อนชั้นมาจากเซกุนด้า ดิวิชั่นในฤดูกาล 2020-2021 ลงเล่นเกมเหย้าที่สนามกัมโป เด ฟุตบอล เด บาเยกัส โดยราโย่เคยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยุโรปมาแล้ว สามารถเข้าถึงถ้วยยูฟ่าคัพในฤดูกาล 2000-2001 ก่อนที่จะถูกตกรอบก่อนรองชนะเลิศโดยเดปอร์ติโบ อลาเบส ด้วยสกอร์รวม 4-2

ประวัติความเป็นมาของสโมสรราโย่ บาเยกาโน่

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา

ราโย่ บาเยกาโน่ ก่อตั้งสโมสรในปี ค.ศ. 1924 และยังเป็นบ้านเกิดของ Prudencia Priego ภรรยาของประธานสโมสร Julián Huerta โดยมีข้อมูลกล่าวไว้ว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากสโมสร River Plate ในประเทศอาร์เจนติน่า ต่อมาในปี ค.ศ. 1949 มีการทำข้อตกลงใหม่กับสโมสรแอตเลธิโก มาดริด ในเรื่องของการทำสีชุดของสโมสร ภาพรวมตั้งแต่การก่อตั้งและตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้องบอกแบบนี้ว่ามีการขึ้นและลงลีกการแข่งขัน ไม่สามารถที่จะรักษามาตรฐานหรือว่าคงอยู่ในลีกสูงที่สุดได้นาน อาจจะมีเหตุผลมาจาก สโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง เรอัลมาดริด

จนกระทั่งในช่วงยุค 80-90 สโมสรแห่งนี้สลับขึ้นลงลาลีก้ากับลีกรองตลอดเวลา และเป็นอีกช่วงเวลาที่แฟนบอลมากมาย ไม่อยากที่จะจดจำเท่าไหร่กับผลงาน ยังเคยตกลงไปแข่งขันถึง ลีกดิวิชัน บี ซึ่งถือว่าเป็นลีกอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน ในปี ค.ศ. 1989 เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้า Laurie Cunningham นักเตะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต นักเตะรายใหม่ที่เพิ่งจะซื้อเข้ามา ผลงานก่อนหน้านี้สามารถพาสโมสรเข้าชิง FA CUP ของประเทศอังกฤษ แต่ทว่าการย้ายสโมสรครั้งนี้กลับเป็นครั้งสุดท้ายของนักเตะ กลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นทุกอย่างเหมือนจะดีแต่กลับแย่ลงไปมาก

เข้าสู่ยุค 2000 ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ทำผลงานได้อย่างดี กลับกลายเป็นอีกช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกครั้ง เป็นการตกชั้น 2 ปี ติดต่อกันเริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2003-2004 และต่อด้วย 2004-2005 ถึงแม้ว่าในเวลานั้นจะจ้างผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างมิเชล ซึ่งมีประวัติเป็นหนึ่งในนักเตะชื่อดังของสโมสรเรอัล มาดริด จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2006-2007 สามารถที่จะจบอันดับที่ 2 ในลีกเซกุนด้า และชนะรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นขึ้นมาแข่งขันลีกสูง การกลับมาสู่ลีกดิวิชัน 2 กลายเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 2014 มีการเข้ามาสนับสนุนมากขึ้น จากบริษัท Huawei จากประเทศจีน

ช่วยให้การเงินของสโมสรดีขึ้น ในเวลานั้นมีทุนต่างประเทศมากมาย ที่พยายามเข้ามาทำการตลาด ช่วยให้สโมสรที่ไม่มีชื่อเสียง ได้รับโอกาสและพร้อมที่จะพัฒนาสโมสรได้มากมาย แต่ทว่าก็ยังไม่สามารถทำผลงานได้อย่างประทับใจ ยังคงมีการขึ้นลงอันดับลีกตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่จะต้องลงแข่งขันในลีกรองเป็นหลัก และขึ้นมาลีกสูงสุดไม่นาน

ผลงานการแข่งขันที่ผ่านมาของสโมสรราโย่ บาเยกาโน่

การก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์รายการที่ลงแข่งขัน ซึ่งในแต่ละสโมสรจะมีบันทึกเอาไว้ เพื่อให้แฟนบอลรุ่นใหม่ที่สนใจสามารถที่จะศึกษาข้อมูลสโมสร แต่สำหรับสโมสรฟุตบอลราโย่ บาเยกาโน่ กลับไม่มีช่วงเวลาสุดพิเศษเหล่านั้นเลย มีการคว้าแชมป์ลีกรองถึง 5 สมัย แบ่งออกเป็นดิวิชัน 2 ในปี ค.ศ. 2017-2019 1 สมัย และเป็นดิวิชัน บี 4 สมัย ในปี ค.ศ. 1955-1956 , 1964-1965 , 1984-1985 และ 2007-2008 รวมไปถึงไม่มีการบันทึกแชมป์ใหญ่แม้แต่รายการเดียว แต่มีการบันทึกข้อมูลเอาไว้ว่าลงแข่งขันในลีกไหนระยะเวลาเท่าไหร่

ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลที่เข้ามาทดแทนได้เช่นเดียวกัน เริ่มจากลงแข่งขันลาลีก้า 22 ฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นสโมสรที่น่าสนใจไม่น้อย ลีกเซกุนด้า หรือว่าลีกรองภายในประเทศสเปน 38 ฤดูกาล ดิวิชัน บี 5 ฤดูกาล ดิวิชัน 3 11 ฤดูกาล ซึ่งลีกอันดับที่ 3 นี้ จะอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1977-1978 อาจจะไม่เคยขึ้นไปสูงที่สุด ไม่มีประวัติของการลงแข่งขันในฟุตบอลถ้วยของยุโรป ทำให้ยังต้องตามหาแชมป์แรกในระดับสูงหรือว่ายุโรปของสโมสร รับรองว่าในอนาคตอาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ 

สรุปสถานการณ์โดยรวมของราโย่ บาเยกาโน่ ในฤดูกาล 2023-2024

เกือบหลับแต่กลับมาได้! กับสโมสรราโย่ บาเยกาโน่ ที่บอกแบบนี้เนื่องจากว่า ผลงานในลาลีกาไม่ดีเท่าไหร่ ห่างจากโซนตกชั้นเพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น เรียกได้ว่าพลาดไป 2 นัด โอกาสที่จะตกชั้นได้ตลอดเวลา อาจจะเป็นมาจากสถานการณ์โดยรวม ไม่ว่าจะนักเตะที่ไม่มีทักษะมาพอ การพัฒนาทีมเยาวชน รวมไปถึงเงินทุนที่จะต้องใช้ซื้อตัวเข้ามาใหม่ ทั้งหมดนี้ทำให้มาตรฐานของสโมสรไม่สามารถที่จะต้านทานได้เลย ลงแข่งขัน 38 นัด ชนะได้เพียงแค่ 8 นัด และมีการเสมอ 14 รวมไปถึงแพ้ถึง 16 นัด จากสถิติที่ตารางบอกเอาไว้ อยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการทางออกโดยเร็วที่สุด มีผลต่างประตูได้เสียติดลบถึง 19 ประตู กองหน้าไม่ทำประตู กองกลางคุมเกมส่งบอลไม่ได้ กองหลังก็ป้องกันประตูไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้าพูดในฐานะของแฟนบอลแล้วละก็ อาจจะหมดหวังและต้องใช้เวลาในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเจ้าของใหม่ เพื่อที่จะลงทุนกับสโมสรให้มากขึ้น หรือว่าการพัฒนานักเตะดาวรุ่งมาทดแทน ทั้งหมดนี้ยังมีโอกาสในฤดูกาลต่อไป