เรอัล โซเซียดาด Real Sociedad de Fútbol หรือที่รู้จักในชื่อลาเรอัล White and Blues เป็นสโมสรฟุตบอลที่ตั้งอยู่ในเมืองซานเซบาสเตียน ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในเขต Gipuzkoa ภูมิภาคแคว้นบาสก์ตอนเหนือของสเปน ก่อตั้งขึ้นในปี 1909 โดยมีนโยบายที่เข้มงวดเช่นเดียวกับทีมคู่แข่งในภูมิภาคอย่างแอธเลติก บิลเบา ซึ่งก็คือการเซ็นสัญญากับผู้เล่นที่มีเชื้อสายบาสก์เท่านั้น นโยบายนี้ยังคงใช้มาจนกระทั่งกำแพงของทีมเริ่มถูกทำลาย ในเดือนกันยายน 1989 เมื่อเรอัล โซเซียดาดเซ็นสัญญากับจอห์น อัลดริดจ์ กองหน้าทีมชาติไอร์แลนด์จากทีมดังลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ ปัจจุบันยังมีผู้เล่นทั้งชาวบาสก์ สเปน และทีมชาติผสมผสานกัน แต่สำหรับทีมเยาวชนของสโมสร ยังคงยึดนโยบายเฉพาะชาวบาสก์เท่านั้น ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาผู้เล่นให้ก้าวขึ้นสู่ระดับทีมชาติได้อย่างน่าสนใจ
ประวัติความเป็นก่อนจะเป็นสโมสรดังอย่างเรอัล โซเซียดาด
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
เรอัล โซเซียดาด คือ หนึ่งในสโมสรที่มีประวัติที่ยาวนานของประเทศสเปน ก่อตั้งครั้งแรกปี ค.ศ. 1909 และยังเป็นหนึ่งในสโมสรที่ก่อตั้งการแข่งขันฟุตบอลลีกสเปน กลายเป็นความสำคัญจนมาถึงปัจจุบันนี้ หลังที่มีการก่อตั้งสโมสรไม่นาน ก็ได้ลงแข่งขันรายการโคปาเดลเลย์ ในปีดังกล่าวนั้นเกิดความขัดแย้งมากมายภายในสโมสร และมีการแยกนักเตะไม่ให้ลงแข่งขันพร้อมกัน รวมไปถึงมีสร้างสโมสรใหม่ฟุตบอลซานเซบาสเตียน เรียกได้ว่าเกิดเรื่องราวมากมายกับสโมสรแห่งนี้ หนึ่งในเอกลักษณ์ของสโมสร มีการเลือกนโยบายเซ็นสัญญากับนักเตะชาวบาสก์ แต่ในปี ค.ศ. 1989 ก็ได้มีการยกเลิกเรื่องเหล่านี้ออกไป
ผลงานที่ผ่านในศตวรรษที่ 21 ของสโมสรเรอัล โซเซียดาด
โดยส่วนมากแล้วสโมสรฟุตบอล มักจะมีการบันทึกข้อมูลในแต่ละช่วงไว้มากมาย เก็บเรื่องราวเพื่อให้แฟนบอลได้เข้าใจ สำหรับสโมสรเรอัล โซเซียดาด ก็มีข้อมูลมากมายให้ได้ศึกษาเช่นเดียวกัน และหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจ คือ ช่วงเวลาของยุคใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็จัดว่าเป็นช่วงเวลาพิเศษจากสโมสรกลางตารางที่จบในอันดับ 8-13 เท่านั้น แต่ในปี ค.ศ. 2002-2003 สโมสรแห่งนี้ กลับสามารถที่จะไปจบในอันดับรองแชมป์บอลลาลีก้าได้ เรียกว่าเหมือนกันในปี ค.ศ. 1988 และมีแต้มถึง 76 น้อยกว่าสโมสรเรอัล มาดริดแค่ 2 แต้ม ถือว่าเป็นผลงานในยุคใหม่ที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
ซึ่งผลงานมาจากการคุมทีม Raynald Denoueix ช่วยให้สโมสรกลางตารางกล้าที่จะพัฒนาและยกมาตรฐานได้สูงขึ้น และยังมีกองหน้าที่คอยทำประตู นิฮัต คาห์เวซีกับดาร์โก โควาเชวิช โดยทั้ง 2 คนนี้ กลายเป็นหัวใจสำคัญของความยิ่งใหญ่ ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 หนึ่งในฝันร้ายของแฟนบอลมากมาย การที่สโมสรที่ยิ่งใหญ่กลับกลายต้องตกชั้นจากลีกสูงที่สุด เรียกได้ว่าไม่มีใครที่จะคาดคิดได้นั่นเอง การจบอันดับ 19 ในลาลีกา หยุดสถิติ 40 ที่ลงแข่งขันในลีกชั้นนำ โดยหลังจากตกชั้นไปแล้ว มีการปลดผู้จัดการทีมในทันที และทำการแต่งตั้ง คริส โคลแมน เพื่อเข้ามีรับงานแทนและก็ใช้เวลาไม่นาน สามารถที่จะกลับขึ้นมาลีกลาลีกาได้อีกครั้ง อาจจะมีการปรับเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อย แต่ภาพรวมก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความสุขและความเศร้า
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับสโมสรเรอัล โซเซียดาด
ความยิ่งใหญ่ของสโมสรมาในยุค 1980 เรียกได้ว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความทรงจำ และเป็นจุดสูงสุดของสโมสรแห่งนี้เลยก็ว่าได้ แม้ประวัติความเป็นมาจะยาวนาน แต่การที่จะขึ้นไปประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่เชื่อว่าทุกสโมสรมักจะมีช่วงเวลาที่น่าจดจำแน่นอน ซึ่งสโมสรแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่สามารถจบอันดับที่ 1 ในลีกลาลีกาได้สำเร็จ กล่าวว่าก่อนหน้านี้ถึงจะเป็นหนึ่งในสโมสรก่อตั้งการแข่งขันลีกสเปน แต่กลับต้องใช้เวลานานกว่าที่จะขึ้นไปได้นั่นเอง
หลังจากนั้น 1 ปี ก็สามารถที่จะคว้าแชมป์รายการแข่งขันพรีเมียร์ดิวิซิออน และในการคว้าแชมป์ครั้งนี้เป็นการหยุดสถิติของสโมสรเรอัล มาดริดอีกด้วย เรียกได้ว่าเพิ่มเติมความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรแห่งนี้ได้ทันที โดยรายละเอียดเป็นการเอาชนะด้วยระบบ H2H ยิ่งไปกว่านั้นปีต่อมา สามารถที่จะป้องกันแชมป์ลีกได้อีกสมัย เป็นสถิติที่แฟนบอลของทางสโมสรมีความสุขถึงที่สุด ต้องยอมรับว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จขึ้นมาได้ มาจากนักเตะอย่าง Jesús María Satrústegui กองหน้าที่ทำประตูได้มากมาย และขึ้นไปเป็นผู้ทำประตูสูงที่สุดในสโมสรแห่งนี้อีกด้วย และอีกเหตุการณ์ที่น่าสนใจ การเอาชนะสุดยอดสโมสรอย่างเรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศรายการแข่งขัน ซูเปอร์โกปาเดเอสปาญา โดยเป็นสกอร์ 4 ประตูต่อ 1 กลายเป็นสร้างความยิ่งใหญ่ได้อย่างเหลือเชื่อ
สรุปสถานการณ์โดยรวมของสโมสรเรอัล โซเซียดาด ในฤดูกาล 2023-2024
จากอดีตมาถึงปัจจุบัน สโมสรฟุตบอลเรอัล โซเซียดาด คือหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุด แม้อาจจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงอีกแล้ว กลายมาเป็นสโมสรกลางตาราง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องหนีการตกชั้นเหมือนกับสโมสรอื่น ๆ ในฤดูกาลล่าสุดนี้ลงแข่งขัน 38 นัด สามารถที่จะเก็บชัยชนะได้ 16 นัดด้วยกัน ผลเสมอถึง 12 และแพ้ถึง 10 นัด จากข้อมูลในส่วนนี้ บอกได้ว่าทุกอย่างไม่ได้โดดเด่นและมีคะแนนอยู่ในอันดับที่ 6 ห่างจากอันดับที่ 5 ถึง 8 คะแนนด้วยกัน แต่ถ้าจะกลับมาอยู่ในพื้นที่ของระดับที่ดีกว่านี้ อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงในตัวของนักเตะดาวรุ่ง จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาสโมสร หรือว่าการมีผู้จัดการทีมที่แตกต่าง ในส่วนของแฟนบอลเชื่อว่า ภาพรวมอาจจะไม่แย่เท่าไหร่ ยังสามารถติดตามผลและคอยเชียร์ได้