เรอัล มาดริด ราชันย์ไร้พ่าย แพ้ไม่นาน แล้วกลับฟื้นใหม่ได้รวดเร็ว

สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด Real Madrid Club de Fútbol หรือราชันชุดขาว ตามชื่เรียกของแฟนบอลชาวไทย เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลอาชีพ ที่ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1902 โดยจัดให้เป็นสโมสรบอลสเปนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุโรป  ชื่อว่า Real ได้รับการพระราชทานโดยกษัตริย์อัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปน ในช่วงปี 1920 ซึ่งมีความหมายว่าราชวงศ์ หรือกษัตริย์ มงกุฎที่ปรากฏบนตราสัญลักษณ์ของสโมสร มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อมโยงของราชวงศ์มาสู่ทีมบอล โดยทีมจะลงเล่นนัดเหย้าที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงมาดริด ซึ่งถือเป็นสนามที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 1947 ปัจจุบันสโมสรแห่งนี้ลงแข่งขันในลาลีกา ซึ่งเป็นดิวิชั่นสูงสุดของฟุตบอลสเปน

ประวัติความเป็นมาของสโมสรสุดยิ่งใหญ่ในสเปน เรอัล มาดริด

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

จุดเริ่มต้นของสุดยอดสโมสรที่ยิ่งใหญ่ คือ การครองแชมป์ถ้วยฟุตบอลยุโรปมากที่สุด และยังเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีนักเตะชื่อดังอยากที่จะย้ายเข้ามาร่วมทีมมากมาย เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการค้าแข้ง เริ่มต้นที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน ในปี ค.ศ. 1902 ชื่อเดิม คือ  โซซิเอดัดมาดริด ในช่วงเวลานั้นประเทศสเปน ยังไม่ได้สนใจกีฬาฟุตบอลเท่าไหร่นัก แต่การเข้ามาของนักวิชาการและนักศึกษา Institución Libre de Enseñanza จากทางมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และนี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสโมสรแห่งนี้อย่างเป็นทางการ เส้นทางของฟุตบอลอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่นิยม เพราะเป็นกีฬาที่แข่งขันในวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น

แต่การก่อตั้งสโมสรฟุตบอล ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น หลังจากสโมสรแห่งนี้ก่อตั้งเพียง 3 ปี สามารถที่จะคว้าแชมป์รายการแรกได้ เป็นการแข่งขันสแปนิชคัพ หรือฟุตบอลถ้วยของสเปน สามารถเอาชนะสโมสรอัตเลติกเดบิลบาโอ หรือที่แฟนบอลชาวไทยเรียกกันว่าสโมสรอัตเลติก บิลเบา ในปัจจุบัน ความสำคัญของสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ คือการเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งราชสหพันธ์ฟุตบอลสเปน หรือสมาคมฟุตบอลในประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการแข่งขันให้เทียบเท่าสากล ในปี ค.ศ. 1929 เริ่มต้นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรครั้งแรก เรอัล มาดริด สามารถที่จะครองอันดับ 1 มาโดยตลอดเกือบทั้งฤดูกาล

กล่าวได้ว่าในเวลานั้น คือ สุดยอดสโมสรที่ดีที่สุดในประเทศสเปน แต่ทุกอย่างกลับเปล่าประโยชน์ เมื่อนัดสุดท้ายพลาดท่าแพ้ ทำให้ฤดูกาลนั้นสโมสรคู่ปรับอย่างบาร์เซโลน่า ทำคะแนนและคว้าแชมป์ไปครองได้ หลังจากนั้น 2 ปี สโมสรเรอัล มาดริด กลับมาและขึ้นไปคว้าแชมป์ได้สำเร็จ รวมไปถึงฤดูกาลต่อมาก็สามารถป้องกันแชมป์ได้อีกด้วย และเป็นประวัติศาสตร์ของฟุตบอลประเทศสเปน จากการเป็นสโมสรแรกที่สามารถครองแชมป์ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองภายในประเทศสเปน ช่วงปี ค.ศ. 1931 มีการเปลี่ยนจากระบอบกษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์ ให้กลายมาเป็นสาธารณรัฐ

สโมสรแห่งนี้จึงพ้นจากตำแหน่งสโมสรหลวง และกลับมาใช้ชื่อสโมสรมาดริดดังเดิม ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในประเทศแห่งนี้ยังคงมีการแข่งขันตามเดิม และในปี ค.ศ. 1943 สโมสรสามารถเอาชนะอริตลอดกาลอย่างบาร์เซโลน่ามาได้ 11 ประตู ต่อ 1 ซึ่งถือว่าเป็นการชนะที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จากรายการแข่งขันโกปาเดลเรย์ แต่ในเวลานั้นมีข่าวมาว่ามีการข่มขู่นักเตะของสโมสรบาร์เซโลน่าโดยตำรวจ ทำให้นักเตะไม่สามารถที่จะลงแข่งขันได้อย่างเต็มที่ และยังมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจ คือ ประธานสโมสรบาร์เซโลน่า ถูกแฟนบอลเรอัล มาดริด ทำร้ายอีกด้วย

หลังจากยิ่งใหญ่ภายในประเทศมาเป็นเวลานาน ก็ถึงเวลาที่จะก้าวขึ้นไปยิ่งใหญ่ในระดับยุโรป ช่วงปี ค.ศ. 1945 ได้มีการเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากการเข้ามาของซานเตียโก เบร์นาเบว เยสเต ประธานสโมสรคนใหม่ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมากมาย มีการลงทุนกับสมานเหย้า รวมไปถึงสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบาย มีการซื้อตัวนักเตะชื่อดังเข้าสู่สโมสรจำนวนมาก ช่วยยกระดับมาตรฐานให้กับสโมสรได้มากขึ้น ในยุคดังกล่าวมีการเกิดสงครามกลางเมืองพอดี ทำให้มีการทำลายสนามฟุตบอลในวงกว้าง ทางเรอัลมาดริดก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ก็ใช้เวลาไม่นานปรับปรุงและสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1955 พร้อมมีแนวคิดที่จะเพิ่มการแข่งขันฟุตบอลในระดับยุโรปต่อไป

ความคิดเหล่านี้มาจากนักข่าวด้านกีฬาที่สามารถผลักดันการแข่งขันยูโรเปียนคัพขึ้นมาได้สำเร็จ โดยเงื่อนไขการแข่งขันจะมีการคัดเลือกสุดยอดสโมสรที่ได้อันดับสูง จากหลากหลายประเทศในยุโรป เพื่อที่จะเข้ามาหาผู้ชนะ และกลายเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ในระดับยุโรป ในปัจจุบันการแข่งขันรายการนี้ มีชื่อเรียกว่ายูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนั่นเอง และถ้าพูดถึงสโมสรที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุด ก็คือเรอัล มาดริด ทำให้แฟนบอลทั่วโลกต่างยกให้เป็นเจ้าแห่งยุโรป เมื่อมีการก่อตั้งฟุตบอลถ้วยขึ้นมา ทางสโมสรแห่งนี้ก็สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ 5 สมัยติดต่อกัน ในปี ค.ศ. 1960-1970 ซึ่งในเวลานั้นความยิ่งใหญ่ถือเป็นสิ่งที่ทุกสโมสรต้องการ

มีการมอบรางวัลพิเศษที่ได้รับสิทธิ์ในการสวมตราเกียรติยศของยูฟ่า สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้ทีมเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น บนเส้นทางของลีกภายในประเทศ มีการคว้าแชมป์มาครองถึง 12 สมัย จากการลงแข่งขัน 16 สมัย กล่าวได้ว่าเวลานั้นคือสุดยอดสโมสรอย่างแท้จริง หลังจากเข้าสู่ปี ค.ศ. 1970 ยังไม่หยุดความยิ่งใหญ่ เดินหน้าและคว้าแชมป์ต่าง ๆ มามากมาย ไม่ว่าจะแชมป์ลีก 6 สมัย แชมป์สแปนิชคัพ 3 สมัย และทำให้ปี ค.ศ. 1971 สโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ แต่ก็พลาดท่าให้กับสโมสรจากประเทศอังกฤษอย่างเชลซี และในเวลาเดียวกัน ประฐานสโมสรซานเตียโก เบร์นาเบว ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ถือหนึ่งในบุคคลที่มีความสำคัญกับสโมสรแห่งนี้มาก มีการบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด ยกย่อง รวมไปถึงมีการแข่งขันเพื่อรำลึก และทางฟีฟ่ามีออกกำหนดการไว้ทุกข์ 3 วัน เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปในครั้งนี้

ในด้านของแฟนบอล ทำให้เกิดปัญหาและต้องการหาคนที่มีความพร้อม ขึ้นมาบริการสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีหลากหลายสโมสรที่เปลี่ยนแปลงแล้ว มีทั้งที่ดีขึ้นและแย่ลง ส่งผลให้แฟนบอลมากมายเกิดความไม่มั่นใจว่าการเข้ารับตำแหน่งของประธานสโมสรคนใหม่ จะพาความยิ่งใหญ่กลับมาได้หรือไม่ ในตลอดเวลา 35 ปี ที่เข้ามาบริการสโมสร คือ ประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ หลังจากนั้นปี ค.ศ. 1980 สโมสรแห่งนี้ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีกเลย จนกระทั่งมีการเข้ามาของนักเตะคนดัง ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยนักเตะเหล่านั้นก็คือเอมีลีโอ บูตรากูเอโน , มานูเอล ซานชิส , มาร์ติน บัซเกซ , มีเชล และมีกูเอล พาร์เดซา

ทั้งหมดนี้มีความสำคัญอย่างสูง แต่การพัฒนาสโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริดไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังคงมุ่งมั่นและมองหานักเตะสายเลือดใหม่ตลอดเวลา เพื่อให้มาทดแทนกับนักเตะที่มีอายุที่มากขึ้น จนถึงช่วงปลายปี ค.ศ. 1980 ได้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เริ่มต้นเส้นทางคว้าแชมป์ทั้งในประเทศและระดับยุโรป ยุค 2000 เป็นอีกช่วงเวลานี้น่าจดจำ แฟนบอลทั่วโลกรู้จักและเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ได้ การคว้าแชมป์มากมายไม่ว่าจะระดับประเทศหรือว่ายุโรป และมีการแต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่ โฟลเรนตีโน เปเรซ เรียกได้ว่าคนนี้จะเข้ามาล้างหนี้สินของสโมสรทั้งหมด และยังพัฒนาสนามฝึกซ้อมแห่งใหม่ และซื้อตัวนักเตะที่กล่าวได้ว่าเป็นตำนานของสโมสรอีกด้วย เช่น ซีดาน , โรนัลโด้ R9 , เบคแฮม และคันนาวาโร

กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และก้าวขึ้นไปจุดสูงสุดของสโมสรระดับโลกอีกครั้ง หลังจากนั้นมีการซื้อตัวนักเตะอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกาก้า , โรนัลโด้ R7 สำหรับนักเตะสโมสรแห่งนี้ คือจุดหมายปลายทาง การได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งความยิ่งใหญ่ สร้างชื่อและประวัติที่โด่งดังได้จริง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2015 การนักเตะระดับตำนาน กลายมาเป็นผู้จัดการทีมอย่างซีดาน ได้สร้างประวัติที่น่าสนใจ โดยการขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกและระดับยุโรปมากมาย ซึ่งการเข้ามาในครั้งนี้ ราฟาเอล เบนิเตซ ไม่สามารถที่จะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้ซีดานที่ทำหน้านี้คุมทีมสำรองแล้วเลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

มีแฟนบอลของสโมสรมากมายออกมาสนับสนุนการคุมในครั้งนี้ มีความเชื่อกันว่าจากตำนานสโมสรมีความพร้อมและพาความยิ่งใหญ่มาได้ และก็เป็นความจริง แฟนบอลต่างก็มีช่วงเวลาที่มีความสุข แต่ช่วงเวลาเหล่านี้ก็สั้นเหลือเกิน เพียงแค่ 3 ปี ซีดานก็ประกาศอำลาสโมสร พร้อมกับสุดยอดนักเตะอย่าง โรนัลโด้ R7 กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้แฟนบอลมากมายเกิดความสับสนและความกังวลใจ การจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมที่ดี และการซื้อตัวนักเตะที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า  ช่วยให้สโมสรไม่ตกต่ำลงจากเบอร์ 1 ของยุโรป  และทุกอย่างเป็นไปอย่างที่กังวลใจ สโมสรกลายเป็นแค่รองแชมป์เท่านั้น  ใช้เวลามากกว่า 9 ฤดูกาล ถึงจะเปลี่ยนแปลงและกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง 

ผลงานการแข่งขันและการคว้าแชมป์ในอดีต ของสโมสรเรอัล มาดริด

ประวัติและการคว้าแชมป์ ข้อมูลเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มเติม ความน่าสนใจให้กับแฟนบอลรุ่นใหม่ เนื่องจากว่าฐานแฟนบอลจากทั่วโลก มักจะตามหาสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และสโมสรแห่งนี้คือตัวเลือกที่พร้อมมากที่สุด เพราะสามารถครองแชมป์ บอลลาลิกา สเปนได้ถึง 36 สมัย นับตั้งแต่ก่อตั้งมา โกปาเดลเรย์ ครองแชปม์ 20 สมัย ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา ครองแชมป์ 13 สมัย โกปาเอบาดัวร์เต 1 สมัย โกปาเดลาลิกา 1 สมัย และนี่ถือว่าเป็นแค่แชมป์ในระดับประเทศเท่านั้น มาต่อที่ความยิ่งใหญ่ในระดับยุโรป  ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

สามารถที่จะครองแชมป์ได้ 15 สมัย ยูฟ่ายูโรปาลีก 2 สมัย ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 5 สมัย มาถึงข้อมูลสุดท้ายการคว้าแชมป์สโมสรระดับโลก อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 3 สมัย และฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 5 สมัย ซึ่งมีหลากหลายรายการที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์มาครองได้มากที่สุด ถือว่าทุกความสำเร็จกลายเป็นตัวชี้วัดความน่าสนใจ แฟนบอลที่เพิ่งจะเริ่มต้นสนใจสโมสรชั้นนำในต่างประเทศ เรอัล มาดริดคือหนึ่งในทางเลือกที่พร้อมมากที่สุด

สรุปสถานการณ์โดยรวมของสโมสรเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2023-2024

ปีล่าสุดถือว่าเริ่มต้นออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ และเจอกับสโมสรคิโร่นา ที่ถือว่าเป็นสโมสรม้ามืดแห่งปี ทำให้ต้องใช้เวลาถึงปลายฤดูกาล ซึ่งยังคงมาตรฐานเดิมได้อย่างเต็มที่ ทำให้ช่วงท้ายกลับขึ้นมาทำคะแนนนำ และก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยผลงานรวมทั้ง 38 นัด สามารถที่จะชนะได้ถึง 28 นัด เสมอ 8 และแพ้ไปเพียงแค่ 1 นัด มีผลต่างประตูได้เสีย 61 ประตู ถึงจะมีการซื้อตัวนักเตะสายเลือดใหม่เข้ามา และเป็นการเปลี่ยนผ่านของนักเตะที่มีอายุมาก ช่วยให้ทุกอย่างมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมไปถึงการแข่งขันในระดับยุโรป ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ทางสโมสรแห่งนี้ก็สามารถคว้าแชมป์มาครองได้อีกครั้ง และเป็นสโมสรแรกที่สามารถครองแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุด เท่ากับว่าเป็นอีกปีที่ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ส่วนในฤดูกาลต่อไปมั่นใจว่าถ้ายังคงมาตรฐานนี้ไว้ได้ และมีนักเตะรุ่นใหม่ที่มากความสามารถ  จะยังคงคว้าแชมป์อีกแน่นอน