เดือดกลางเวที! รูเบียเลสโดน “อาแท้ๆ” ปาไข่ใส่ต่อหน้าสื่อ – งานเปิดตัวหนังสือวุ่นสนั่น

เหตุการณ์สุดช็อกกลางงานเปิดตัวหนังสือ

งานเปิดตัวหนังสือที่ควรจะเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจของ หลุยส์ รูเบียเลส กลับกลายเป็นฉากวุ่นวายที่ทำเอาผู้ร่วมงานถึงกับอึ้งไปทั้งฮอลล์ เมื่อชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาปาไข่ใส่อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนต่อหน้ากล้องและแขกเหรื่อจำนวนมาก ก่อนจะถูกคุมตัวออกไปในไม่กี่วินาที
จังหวะกระชากอารมณ์นี้เกิดขึ้นในงานเปิดตัวหนังสืออัตชีวประวัติ “Matar a Rubiales” เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งรูเบียเลสเตรียมเล่าเรื่องราวชีวิตและประเด็นฉาวที่เขาต้องเผชิญมาตลอดปีที่ผ่านมา แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด

จากประเด็นฉาวจูบไม่ยินยอม สู่คดีล่วงละเมิดทางเพศ

ชื่อของรูเบียเลสเคยถูกพูดถึงไปทั่วโลกในฐานะหนึ่งในบุคคลดราม่าที่สุดของปี 2023 เหตุการณ์เริ่มต้นจากจังหวะที่เขาจูบ เฆนนิเฟร์ เอร์โมโซ่ ดาวยิงหญิงทีมชาติสเปน ในพิธีฉลองแชมป์ ฟุตบอลโลกหญิง 2023 จังหวะที่ควรเป็นภาพแห่งความสุขกลับกลายเป็นจุดชนวนของเสียงวิจารณ์ทั่วโลก เนื่องจากเอร์โมโซ่ไม่ได้ยินยอมให้เกิดเหตุการณ์นั้น
กรณีดังกล่าวส่งผลให้รูเบียเลสถูกตั้งข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ แม้เจ้าตัวจะยืนกรานว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย พร้อมยืนยันว่า “อารมณ์ดีใจ” ทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น และเขาอ้างว่าได้ถามเอร์โมโซ่แล้วว่าโอเคหรือไม่ แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เป็นความจริง
ในที่สุด รูเบียเลสถูกแรงกดดันจากสังคมและฟีฟ่าบีบให้ลาออก ก่อนที่ศาลในกรุงมาดริดจะตัดสินว่าเขามีความผิดจริงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้อนาคตของเขาในวงการลูกหนังแทบถูกปิดตาย

เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ แต่เจอดราม่าหนักกว่าเดิม

หลังจากเก็บตัวเงียบพักใหญ่ รูเบียเลสกลับมาอีกครั้งด้วยหนังสือ “Matar a Rubiales” ที่เล่ามุมมอง ความรู้สึก และเส้นทางชีวิตของเขาในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทันที่งานจะเริ่มต้นอย่างสงบ ก็เกิดเหตุการณ์ปาไข่ซัดเข้าตัวเขาเต็มๆ
ผู้ร่วมงานต่างตะลึงกับเหตุการณ์ และหลายคนเชื่อว่าเป็นการประท้วงหรือการไม่พอใจจากบุคคลภายนอก แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนช็อกหนักกว่าเดิมคือ—ชายที่ปาไข่ใส่เขาคือ หลุยส์ รูเบน อาแท้ๆ ของเขาเอง

คำชี้แจงจากรูเบียเลสแบบไม่ตัดต่อคำพูด (ตามต้นฉบับ)

รูเบียเลส เผยว่า
“ผมเพิ่งมารู้ว่าคนที่ทำแบบนั้นคืออาแท้ๆ ของผมเอง เขาชื่อ หลุยส์ รูเบน เขามีอายุไล่เลี่ยกับผม ที่เขาปาไข่ใส่ผมคงเพราะเขามีอาการป่วยทางจิต ผมไม่สามารถหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลได้เลยว่าเขาจะทำแบบนั้นไปทำไม”

“เราจะเอาผิดเขาแน่ เพราะตอนแรกผมคิดว่าเขาพกอาวุธมาอาละวาด ที่ผมวิ่งไปจะเอาเรื่องเขาในตอนแรกก็เพราะผมคิดว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับครอบครัวของผม โชคดีที่พวกเขารั้งตัวผมเอาไว้ได้ก่อนที่ผมจะลงไม้ลงมือไป ผมไม่รู้หรอกว่าเขามีอาวุธมาด้วยรึเปล่า มันก็แค่ผมเห็นหญิงที่ตั้งท้องกับเด็กตัวเล็กๆ อีก 2 คน และผมก็เป็นห่วงเด็กๆ ถ้าผมคว้าตัวเขาเอาไว้ได้แล้วล่ะสถานการณ์มันก็คงจะต่างกับในตอนนี้ไปแล้ว (หมายถึงคงจะอัดอีกฝ่ายหากคว้าตัวเอาไว้ได้)”

ภาพรวมสถานการณ์ที่สะท้อนด้านมืดในวงการกีฬา

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ดราม่าเฉพาะตัวของรูเบียเลสเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันในวงการลูกหนังระดับชาติ ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ ความขัดแย้งในครอบครัว และความตึงเครียดจากสังคม
การที่บุคคลสาธารณะอย่างเขาต้องเผชิญทั้งคดีความ ดราม่าทางสังคม รวมถึงความขัดแย้งภายในครอบครัว เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชีวิตในแสงสปอร์ตไลท์ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย

มุมมองสำหรับแฟนบอลและผู้อ่านไทย

เรื่องนี้กลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับผู้ติดตามข่าวกีฬาในไทย เพราะสะท้อนถึงความสำคัญของพฤติกรรมผู้นำองค์กรกีฬา ความรับผิดชอบต่อสังคม และผลกระทบที่อาจขยายวงไปเกินกว่าที่คาดคิด
ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับรูเบียเลส แต่เหตุการณ์ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าในยุคที่โซเชียลมีเดียครองโลก ความผิดพลาดหนึ่งครั้งสามารถลากยาวไปอีกหลายปี และอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวบุคคลแม้ในวันที่คิดว่าทุกอย่างจบไปแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ ยังเป็นบทเรียนเกี่ยวกับการจัดการวิกฤต การยอมรับความผิดพลาด และวิธีรักษาภาพลักษณ์ในฐานะบุคคลสาธารณะ ที่ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้สนใจวงการกีฬาและสื่อควรติดตามต่อเนื่อง

ติดตามทุกประเด็นร้อนโลกลูกหนังได้กับ บ้านกีฬา

ดราม่าของหลุยส์ รูเบียเลสคงไม่จบง่าย ๆ และอาจมีประเด็นใหม่โผล่ขึ้นมาอีกในอนาคต แฟนบอลสามารถติดตามสรุปข่าวเข้มข้น วิเคราะห์ดุดัน และอัปเดตทุกประเด็นสำคัญได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา