คาร์โล อันเชลอตติ คว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมฟีฟ่า 2024 สมัยแรก พร้อมนำเรอัล มาดริดผงาดเจ้ายุโรป

คาร์โล อันเชลอตติ ยอดกุนซือจอมเก๋าของ เรอัล มาดริด สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล “เดอะ เบสต์ ฟีฟ่า เมนส์ โค้ช อวอร์ด” หรือรางวัลโค้ชชายยอดเยี่ยมฟีฟ่า ประจำปี 2024 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังพา ราชันชุดขาว ทะยานคว้าแชมป์ทั้ง ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2023/24 อย่างยิ่งใหญ่ตอกย้ำความเป็นสุดยอดทีมระดับโลก

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา

พิธีประกาศรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา และชื่อของ อันเชลอตติ ได้รับการขานขึ้นบนเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง กุนซือวัย 65 ปีจากแดนมักกะโรนี ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้จัดการทีมที่มากด้วยประสบการณ์และแทคติกอันแยบยล ได้รับการยอมรับจากแฟนบอลทั่วโลก หลังนำทีมคว้าความสำเร็จครั้งใหญ่ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา

เมื่อขึ้นรับรางวัลบนเวที อันเชลอตติ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ผมอยากแบ่งปันรางวัลนี้กับลูกทีมของผม ทุกคนยอมทำตามผม… ถึงแม้บางครั้งจะไม่เชื่อฟังบ้างก็ตาม” ก่อนกล่าวเพิ่มเติมอย่างจริงจังว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ มันไม่ได้เป็นแค่ของผม แต่เป็นของทุกคนที่ทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนักเตะ, แฟนบอล, ทีมงานสตาฟฟ์ รวมถึงท่านประธาน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่ให้โอกาสผมได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด

ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงฝีมือและวิสัยทัศน์ของ อันเชลอตติ แต่ยังตอกย้ำว่าเขาคือหนึ่งในโค้ชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ด้วยสไตล์การคุมทีมที่สงบเยือกเย็นแต่แฝงด้วยความเด็ดขาด กุนซือชาวอิตาเลียนรายนี้นำ ราชันชุดขาว กลับสู่บัลลังก์แชมป์ ลา ลีกา พร้อมกับครองเจ้ายุโรปด้วยถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลเดียวกัน ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้

รางวัล “เดอะ เบสต์ ฟีฟ่า เมนส์ โค้ช อวอร์ด” เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ยกย่องกุนซือระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาเต็มไปด้วยรายชื่อของยอดโค้ชชื่อดังที่ครองความยิ่งใหญ่มาแล้วในแต่ละปี ดังนี้

2016 : เคลาดิโอ รานิเอรี่
2017 : ซีเนดีน ซีดาน
2018 : ดีดิเยร์ เดส์ชองส์
2019 : เจอร์เก้น คล็อปป์
2020 : เจอร์เก้น คล็อปป์
2021 : โธมัส ทูเคิ่ล
2022 : ลิโอเนล สกาโลนี่
2023 : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
2024 : คาร์โล อันเชลอตติ

การคว้ารางวัลในครั้งนี้ของ อันเชลอตติ นอกจากจะเป็นการประดับเกียรติยศส่วนตัวครั้งใหม่ ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเทที่เขามีให้กับวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนาน

ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา