
จาก : ผลบอลสด อีเอฟแอลแชมเปียนชิป ระหว่าง บริสตอล ซิตี้ 2-2 เลสเตอร์ ซิตี้ วันนี้ 11/12/68 – บ้านกีฬา
เกมอีเอฟแอลแชมเปียนชิปที่แอชตัน เกต บริสตอล ซิตี้ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ จบลงด้วยสกอร์มันส์ 2-2 แบบแฟนบอลหายใจไม่ทั่วท้อง บ้านกีฬาเช็กจากสัญญาณ ผลบอลสด แล้วต้องบอกเลยว่าเป็นหนึ่งในเกมกลางสัปดาห์ที่เดือดที่สุด ทั้งเรื่องสกอร์ ทั้งจังหวะปะทะ และดราม่าปลายเกม
🕰️ ครึ่งแรก – เลสเตอร์บุกน้อยแต่คม นำห่าง 2-0
เลสเตอร์ ซิตี้ ของ มาร์ตี ซิฟวนเตส ออกสตาร์ตดุดัน ใช้แผน 4-2-3-1 บีบสูงตั้งแต่แดนหน้า อาศัยความเร็วของ ฟาตาวู อิซซาฮาคู และ สเตฟี่ มาวิดิดี โจมตีด้านกว้าง ส่วนเจ้าบ้าน บริสตอล ซิตี้ ของ เกอร์ฮาร์ด สทรูเบอร์ ยืนระบบ 3-4-1-2 เน้นเซ็ตบอลจากหลังขึ้นหน้า แต่โดนเพรสซิ่งจนออกบอลพลาดหลายครั้ง
นาที 17 เลสเตอร์ได้ประตูขึ้นนำจากจุดโทษ เมื่อบอลครอสเข้าเขตโทษไปโดนแขนผู้เล่นเจ้าบ้าน ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้จุดโทษทันที จอร์แดน อายิว รับหน้าที่สังหารซัดเข้าไปไม่เหลือ เลสเตอร์ออกนำ 1-0 แบบเฉียบคม
หลังเสียประตู บริสตอลพยายามเร่งเกม แต่แดนกลางยังไม่สามารถทะลวงคู่มิดฟิลด์ เชาดูรี–สคิปป์ ได้ชัดเจน จังหวะยิงส่วนใหญ่เป็นบอลไกลและลูกครอสที่แนวรับจิ้งจอกจัดการได้หมด จนมาถึงช่วงทดเวลาครึ่งแรก เลสเตอร์สวนกลับอีกดอก บอลไหลมาหน้ากรอบเขตโทษให้ บ็อบบี เดอ คอร์โดวา-รีด แตะหาช่องแล้วสับไกด้วยขวา บอลพุ่งเสียบเสาอย่างสวยงาม ส่งทีมเยือนนำห่าง 2-0 ก่อนลงห้องแต่งตัว
🔁 ครึ่งหลัง – เจ้าบ้านแก้เกมสำเร็จ ฮึดกลับแบ่งแต้ม
ครึ่งหลัง สทรูเบอร์ไม่รอช้า เปลี่ยนสองคนรวด ส่ง เนโต บอร์เกส แทน ซัค ไวนเนอร์ ปรับรูปเป็นวิงแบ็กซ้ายธรรมชาติ และส่ง ซินแคลร์ อาร์มสตรอง ลงมาช่วยยืนหน้าเป้าแทน สกอตต์ ทไวน์ ที่ครึ่งแรกหายจากเกม
การแก้เกมเห็นผลทันที นาที 46 บริสตอล ซิตี้ ต่อบอลกดดันในเขตโทษเลสเตอร์ บอลไหลมาเข้าทาง มาร์ค ไซคส์ ที่สอดขึ้นมาหน้ากรอบแล้วกดด้วยขวา บอลพุ่งผ่านมือ ยาคุบ สโตลาร์จิค ตุงตาข่าย ไล่เป็น 1-2 จุดไฟให้ทั้งสนามเดือดทันที
หลังตีไข่แตก เจ้าบ้านยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ ครองบอลขึงบุกแบบวันเวย์ เลสเตอร์ถอยลงมาตั้งโซนรับแน่น ใช้จังหวะสวนกลับของ อายิว กับตัวริมเส้น แต่จังหวะสุดท้ายไม่คมเหมือนครึ่งแรก
นาที 66 สทรูเบอร์เติมดีกรีเกมรุก ส่ง เจสัน ไนท์ แทน คาเมรอน พริง กลายเป็น 3-4-3 เต็มตัว เปิดเกมกดดันใส่แผงหลังเลสเตอร์ต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งจิ้งจอกต้องเปลี่ยนกลางเป็น แพตสัน ดาก้า ลงมาไล่เพรสแทน เจมส์ เจมส์ เพื่อช่วยดึงจังหวะเกม
ความพยายามของเจ้าบ้านมาปลดล็อกนาที 83 จากลูกบุกต่อเนื่องทางซ้าย เนโต บอร์เกส เติมสูงแล้วไหลเข้าในให้ รอสส์ แม็คโครรี ตบต่อเร็วเข้าเขตโทษ เอมิล รีส ยาโคบเซน สอดมาชาร์จระยะเผาขนไม่เหลือ บริสตอล ซิตี้ ตามตีเสมอ 2-2 ท่ามกลางเสียงเฮสนั่นแอชตัน เกต
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเปิดหน้าแลก มีใบเหลืองปลิวหลายใบ แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมแบบสุดมันส์ บริสตอล ซิตี้ แบ่งแต้มจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ ส่งผลให้หน้าเว็บ บ้านผลบอล วันนี้มีอีกหนึ่งคู่ที่แฟนบอลต้องย้อนดูไฮไลต์กันยาวๆ

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🔴 บริสตอล ซิตี้ (3-4-1-2)
ผู้รักษาประตู
- ราดิม วีเทค (23) – เรตติ้ง 6.9 เซฟสำคัญหลายจังหวะ ช่วยรักษาเกมตอนโดนนำ
กองหลังสามคน
- ซัค ไวนเนอร์ (14) – 6.3 เล่นได้แข็ง แต่มีจังหวะโดนเพรสจนออกบอลพลาด ก่อนถูกเปลี่ยนออก
- ร็อบ ดิคกี้ (16, กัปตัน) – 7.0 ยืนคุมพื้นที่กลางแนวรับ อ่านเกมดี เคลียร์บอลกลางอากาศแน่น
- รอสส์ แม็คโครรี (2) – 6.8 ครึ่งแรกมีหลุดตำแหน่งบ้าง แต่ครึ่งหลังเติมเกมรุกช่วยทำทางประตูตีเสมอ
วิงแบ็กและมิดฟิลด์
- จอร์จ แทนเนอร์ (19) – 6.8 เติมเกมทางขวาเรื่อยๆ มีส่วนกับจังหวะครอส
- คาเมรอน พริง (3) – 6.4 พยายามบุกทางซ้าย แต่มีปัญหาเวลาโดนสวน เลยถูกเปลี่ยนออกช่วงกลางครึ่งหลัง
- อดัม แรนเดลล์ (4) – 7.1 ตัวเชื่อมเกมกลางสนาม จ่ายบอลสั้น-ยาวแม่น
- สกอตต์ ทไวน์ (10) – 5.8 ครึ่งแรกหายจากเกม เจอเพรสซิ่งจนไม่ค่อยมีจังหวะทำเกม ก่อนถูกถอดตั้งแต่พักครึ่ง
ตัวรุกและกองหน้า
- มาร์ค ไซคส์ (17) – 8.0 ตัวปั้นเกมหลังคู่หน้า วิ่งไม่มีหยุด ยิงประตูสำคัญไล่ขึ้นมา 1-2 จนคว้า POTM
- อเนล เมห์เมตี (11) – 7.1 เลี้ยงกินตัวดี สร้างปัญหาตลอดทางซ้าย
- เอมิล รีส ยาโคบเซน (18) – 7.2 หาช่องในกรอบเขตโทษเยี่ยม กดประตูตีเสมอนาที 83
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- เนโต บอร์เกส (21) – เรตติ้ง 7.2 ลงมาพลิกเกมทางซ้าย เติมสูงต่อบอลก่อนจังหวะตีเสมอ
- ซินแคลร์ อาร์มสตรอง (30) – 6.5 ช่วยวิ่งกดดันแนวรับเลสเตอร์ เปิดพื้นที่ให้เพื่อน
- เจสัน ไนท์ (12) – 7.0 เติมความดุดันแดนกลาง วิ่งบี้ทุกจังหวะ
ตัวสำรองไม่ได้ลง
แม็กซ์ โอ’เลียรี, เจด เมิร์ฮอลซ์, ฮายดอน โรเบิร์ตส์, ยู ฮิราคาวะ, ฟัลลี มายูลู, แฮร์รี คอร์นิค
🔵 เลสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู
- ยาคุบ สโตลาร์จิค (1) – 6.6 เซฟสวยๆ หลายครั้ง แต่โดนบุกหนักครึ่งหลังจนเสียสองประตู มีใบเหลืองจากถ่วงเวลา
กองหลังสี่คน
- ฮัมซ่า เชาดูรี (17, กัปตัน) – 6.8 ยืนแบ็กขวา เกมรับแน่นแต่เติมรุกไม่เยอะ
- เบน เนลสัน (4) – 6.3 มีใบเหลืองจากการตัดฟาวล์ จังหวะเคลียร์บอลบางช่วงยังลน
- ยานนิค เวสเตอร์การ์ด (23) – 6.6 คุมโซนลูกกลางอากาศได้ดี แต่ช่วงท้ายเริ่มตามเกมไม่ทัน
- ลุค โธมัส (33) – 6.5 พยายามบล็อกครอสฝั่งตัวเอง แต่โดนบุกหนักช่วงท้าย
มิดฟิลด์ตัวรับ
- โอลิเวอร์ สคิปป์ (22) – 6.8 ตัดเกมแดนกลางได้หลายครั้ง เป็นตัวเชื่อมจากรับสูรุก
- เจมส์ เจมส์ (6) – 6.4 ขยันไล่บอล แต่พลังเริ่มตกจนโดนเปลี่ยนออกครึ่งหลัง
สามตัวรุกด้านหลังหน้าเป้า
- อับดุล ฟาตาวู อิซซาฮาคู (7) – 6.5 มีจังหวะลากเลื้อย แต่โดนปิดพื้นที่ดี
- บ็อบบี เดอ คอร์โดวา-รีด (14) – 7.5 ซัดประตูสุดสวยให้ทีมนำ 2-0 ก่อนถูกพักช่วงท้าย
- สเตฟี่ มาวิดิดี (10) – 6.3 เริ่มเกมจัดจ้านแต่ประสิทธิภาพลดลงเรื่อยๆ
กองหน้า
- จอร์แดน อายิว (9) – 6.7 ยิงจุดโทษไม่พลาด เป็นตัวพักบอลและสร้างฟาวล์ได้ดี
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- แพตสัน ดาก้า (20) – 6.5 ลงมาช่วยไล่เพรสหน้าเขตโทษ แต่ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์ชัดๆ
- โอลาเบเด อาลูโก (56) – 6.3 พยายามเก็บบอลโต้กลับ แต่จังหวะเชื่อมกับเพื่อนไม่ลงล็อก
- ซิลโก โธมัส (39) – 6.6 ลงมาช่วงท้าย เน้นช่วยเกมรับริมเส้น
- หลุยส์ เพจ (25) – 6.6 พยายามประคองเกมริมเส้นซ้ายในช่วงโดนบุกหนัก
ตัวสำรองไม่ได้ลง
อัสมีร์ เบโกวิช, ริคาร์โด เปเรยรา, วูต ฟาส, เจ็ก อีแวนส์, จูเลียน การ์รันซา
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ในเชิงแท็กติก เกมนี้ถือว่าน่าสนใจมากสำหรับสายชอบอ่านเกมและสาย วิเคราะห์บอล เพราะทั้งสองทีมแสดงให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียชัดเจน
บริสตอล ซิตี้ ใช้ระบบ 3-4-1-2 ที่เน้นครองบอลจากแนวรับขึ้นกลาง แล้วค่อยกระจายไปสองฝั่งให้วิงแบ็กเติมสูง จุดแข็งคือเมื่อเข้าสู่จังหวะบุก พวกเขากลายร่างเป็น 3-2-5 มีตัวรุกห้าแนวหน้าไล่กดดันแนวรับเลสเตอร์ตลอด โดยเฉพาะฝั่งซ้ายหลังพักครึ่งที่มี เนโต บอร์เกส เติมคู่กับ เมห์เมตี ทำให้เลสเตอร์ต้องถอยลงไปยืนลึก เกมรุกของเจ้าบ้านจึงคมและต่อเนื่องจนได้สองประตู
ในเกมรับ ช่วงต้นครึ่งแรก บริสตอลมีปัญหากับบอลเร็วทะลุช่องและการเพรสซิ่งไม่พร้อมกัน ทำให้ถูกทะลุเข้าเขตโทษจนเสียจุดโทษและโดนสวนเป็นประตูที่สอง อย่างไรก็ตาม หลังปรับโครงสร้างแนวรับเล็กน้อยและให้ แรนเดลล์ ยืนต่ำลงมาหนุนเซ็นเตอร์คู่ ดิคกี้–แม็คโครรี เกมรับจึงนิ่งขึ้นมาก
ฝั่งเลสเตอร์ ซิตี้ โจมตีด้วยระบบ 4-2-3-1 เน้นยืนเพรสโซนกลางสนาม ใช้ความเร็วของสามตัวรุกด้านหลังหน้าเป้าโจมตีระหว่างช่องเซ็นเตอร์กับวิงแบ็ก เมื่อมีพื้นที่พวกเขาอันตรายสุดๆ เห็นชัดจากสองประตูแรกที่มีทั้งจุดโทษจากจังหวะบุกเข้าเขตโทษ และลูกยิงโล่งของ เดอ คอร์โดวา-รีด
แต่ปัญหาใหญ่คือเกมรับเมื่อถอยต่ำเกินไป ครึ่งหลังเลสเตอร์กลายเป็น 4-5-1 ตั้งบล็อกหน้ากรอบเขตโทษ แต่ปล่อยให้บริสตอลไล่เปิดบอล-ยิงจากแถวสองอยู่เรื่อยๆ การยืนโซนเริ่มหลวม ช่องระหว่างฟูลแบ็กกับเซ็นเตอร์ถูกโจมตีซ้ำๆ สุดท้ายก็โดนลงโทษจากลูกต่อบอลเร็วในกรอบและการซ้อนตำแหน่งที่ไม่ดีพอ
โดยรวมแล้ว หากมองภาพรวม บริสตอล ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ทีมบุกที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ส่วนเลสเตอร์ ต้องกลับไปปรับรูปแบบเกมรับในช่วงที่นำแล้ว เพราะการถอยลึกจนแทบไม่โต้กลับ ทำให้คู่แข่งได้ฮึดกลับมาแบ่งแต้มสำเร็จ

📈 สถิติการแข่งขันสำคัญ
ตัวเลขหลังเกมสะท้อนภาพชัดว่า บริสตอล ซิตี้ ครองเกมเหนือกว่าชัดเจน เจ้าบ้านยิงทั้งหมด 19 ครั้ง เข้ากรอบ 11 ครั้ง ขณะที่เลสเตอร์ยิงเพียง 10 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง การครองบอลเป็นของบริสตอลถึง 55% ต่อ 45% พวกเขาเดินเกมเซ็ตจากแดนหลังขึ้นหน้าได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะครึ่งหลังที่บุกแทบจะฝั่งเดียว
ในด้านเกมรับ เลสเตอร์ต้องตัดฟาวล์ถึง 15 ครั้ง เทียบกับเจ้าบ้าน 9 ครั้ง สะท้อนถึงการตามแก้จังหวะบุกของคู่แข่งอย่างหนัก ใบเหลืองของทั้งสองทีมก็ใกล้เคียงกัน เจ้าบ้านโดน 2 ใบ ส่วนทีมเยือน 3 ใบ แม้ไม่มีใบแดง แต่ความดุดันของเกมทำให้ผู้ตัดสินต้องคอยเป่าฟาวล์อยู่ตลอด
ลูกเตะมุมเป็นอีกหนึ่งจุดที่บอกได้ว่าบริสตอลบุกมากแค่ไหน พวกเขาได้ถึง 10 ลูก เทียบกับเลสเตอร์แค่ 3 ลูกเท่านั้น แต่ก็ยังเปลี่ยนลูกตั้งเตะเหล่านี้เป็นประตูไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความกดดันต่อเนื่องจากเตะมุมและครอสริมเส้นนี่เองที่ทำให้แนวรับเลสเตอร์สับสนจนมาเสียประตูตีเสมอช่วงท้าย
⏱️ เหตุการณ์สำคัญในเกม
- ⚽ นาที 17 เลสเตอร์ ซิตี้ ได้จุดโทษ จอร์แดน อายิว ซัดเข้าไปให้ทีมเยือนนำ 0-1
- ⚽ ช่วงทดเวลาครึ่งแรก บ็อบบี เดอ คอร์โดวา-รีด ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนซัดเสียบเสา เลสเตอร์หนี 0-2
- 🟨 นาที 24 สกอตต์ ทไวน์ โดนใบเหลืองจากการเข้าฟาวล์กลางสนาม
- 🔁 เริ่มครึ่งหลัง 46’ บริสตอลเปลี่ยนสองคน ส่ง เนโต บอร์เกส แทน ซัค ไวนเนอร์ และ ซินแคลร์ อาร์มสตรอง แทน สกอตต์ ทไวน์
- ⚽ นาที 46 มาร์ค ไซคส์ ซัดประตูไล่ขึ้นมา 1-2 ให้บริสตอล ซิตี้ จุดไฟให้ทั้งสนามลุกเป็นไฟ
- 🔁 นาที 59 เลสเตอร์เปลี่ยนตัว ส่ง แพตสัน ดาก้า ลงมาแทน เจมส์ เจมส์ เพื่อเพิ่มความสดในแดนบน
- 🟨 นาที 50 เบน เนลสัน รับใบเหลืองจากการทำฟาวล์หยุดเกม
- 🟨 นาที 64 คาเมรอน พริง โดนใบเหลืองจากการตัดฟาวล์ริมเส้น
- 🟨 นาที 64 ยาคุบ สโตลาร์จิค ผู้รักษาประตูเลสเตอร์ โดนใบเหลืองจากการถ่วงเวลา
- 🔁 นาที 66 บริสตอลเปลี่ยน เจสัน ไนท์ ลงมาแทน คาเมรอน พริง ปรับระบบรุกเต็มตัว
- 🔁 นาที 70 เลสเตอร์ถอด บ็อบบี เดอ คอร์โดวา-รีด ส่ง โอลาเบเด อาลูโก ลงมาช่วยยืนรับ
- ⚽ นาที 83 เอมิล รีส ยาโคบเซน ชาร์จจ่อๆ ในกรอบเขตโทษ ตีเสมอให้บริสตอล ซิตี้ 2-2 จากจังหวะต่อบอลเร็วฝั่งซ้าย
- 🔁 นาที 84 เลสเตอร์เปลี่ยนคู่ ส่ง ซิลโก โธมัส ลงแทน ฟาตาวู อิซซาฮาคู และ หลุยส์ เพจ ลงแทน สเตฟี่ มาวิดิดี หวังล็อกผลเสมอ
- ⏱️ ทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 5 นาที แต่ทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบเกมเสมอ 2-2
🏅 Player of the Match – มาร์ค ไซคส์ (Bristol City)
รางวัลยอดเยี่ยมประจำเกมนี้ต้องยกให้ มาร์ค ไซคส์ แบบไร้ข้อโต้แย้ง มิดฟิลด์ตัวรุกหมายเลข 17 ของบริสตอล ซิตี้ วิ่งไม่มีหมดทั้ง 90 นาที เป็นตัวเชื่อมเกมรุกจากกลางไปสู่แดนหน้าได้ยอดเยี่ยม
ประตู 1-2 ที่เขาซัดต้นครึ่งหลังไม่ใช่แค่ลดช่องว่างของสกอร์ แต่มันคือประตูที่เปลี่ยนโมเมนตัมทั้งเกม จากเดิมที่เจ้าบ้านดูหมดหวัง กลายเป็นทีมที่ฮึดบุกแบบไม่หยุด จังหวะการเคลื่อนที่ของไซคส์ระหว่างไลน์มิดฟิลด์กับกองหลังเลสเตอร์ทำให้คู่แข่งตามประกบยาก และยังช่วยไล่บีบเพรสซิ่งเมื่อทีมเสียบอลอยู่ตลอด
ด้วยผลงานระดับนี้ เรตติ้ง 8.0 ที่เขาได้รับถือว่าสมศักดิ์ศรี และเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้บริสตอล ซิตี้ เก็บหนึ่งแต้มสำคัญไว้ได้ในบ้านตัวเอง

🪜 สถานการณ์ในตารางคะแนนแชมเปียนชิป
ผลเสมอเกมนี้ทำให้ภาพในตารางแชมเปียนชิปแน่นขนัดยิ่งกว่าเดิม จากข้อมูลล่าสุด บริสตอล ซิตี้ ลงเล่น 20 นัด เก็บได้ 30 คะแนน จากผลงาน ชนะ 8 เสมอ 6 แพ้ 6 ยิงได้ 28 เสีย 23 ผลเสมอกับเลสเตอร์ทำให้พวกเขายังยึดอันดับ 10 เอาไว้ได้ อยู่กลางกลุ่มลุ้นเพลย์ออฟ ขยับเข้าใกล้โซนท็อปหกที่นำโดยทีมอย่าง โคเวนทรี และ มิดเดิลสโบรห์ เพียงไม่กี่แต้ม
ฝั่ง เลสเตอร์ ซิตี้ ลงเตะ 20 นัด เก็บได้ 28 คะแนน จาก ชนะ 7 เสมอ 7 แพ้ 6 ยิง 27 เสีย 26 ประตู เกมนี้ถ้าเก็บสามแต้มได้จะทะยานขึ้นไปเบียดโซนบนทันที แต่การปล่อยให้โดนตีเสมอทำให้ยังวนเวียนอยู่แถวอันดับ 13 ต้องลุ้นหนักในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ว่าจะรักษาระยะห่างจากโซนตกชั้นและไล่จี้กลุ่มลุ้นเพลย์ออฟได้แค่ไหน
โดยรวมแล้วแต้มเดียวอาจดูน่าผิดหวังสำหรับเลสเตอร์ที่เคยนำ 2-0 แต่สำหรับบริสตอล ซิตี้ การไล่เจ๊าแบบดราม่าก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ทีมก่อนเข้าสู่โปรแกรมแน่นช่วงปลายปีอย่างมีนัยสำคัญ
📅 ตารางบอลแชมเปียนชิป นัดถัดไป
มองไปข้างหน้า ในแง่ของแฟนบอลที่ชอบเช็ก โปรแกรมบอล ล่วงหน้า บริสตอล ซิตี้ มีงานหนักต่อเนื่อง เมื่อต้องออกไปเยือน โคเวนทรี ซิตี้ ในเกมถัดไป ก่อนจะกลับมาเล่นในบ้านพบ มิดเดิลสโบรห์ ซึ่งทั้งสองทีมต่างเป็นคู่แข่งโดยตรงในกลุ่มกลางตาราง หากเก็บแต้มได้ต่อเนื่อง พวกเขามีลุ้นขยับเข้าใกล้กลุ่มเพลย์ออฟแบบจริงจัง
ด้าน เลสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ อิปสวิช ทาวน์ ทีมฟอร์มดีในกลุ่มบน ก่อนจะต้องบุกไปเยือน ควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ส เกมเหล่านี้คือบททดสอบสำคัญว่าเลสเตอร์จะหลุดจากความแกว่งและเร่งเครื่องกลับขึ้นไปหายอดตารางได้หรือไม่
บรรดาแฟนบอลทั้งสองทีมคงต้องจับตาดูฟอร์มกันต่อในช่วงโปรแกรมถี่ปลายปี เพราะแต้มที่หล่นเพียงเล็กน้อยอาจเป็นตัวชี้วัดว่าทีมจะได้ลุ้นเลื่อนชั้นหรือไม่ในบั้นปลายฤดูกาล
🏡 ติดตาม บ้านผลบอล ได้ที่ บ้านกีฬา
ใครที่ดูเกมนี้แล้วรู้สึกว่ายังกรุ่นไม่หาย อยากย้อนเช็กสถิติ จังหวะสำคัญ และผลคู่เด็ดลีกอื่นๆ บ้านกีฬา ขอชวนทุกคนติดตามอัปเดต บ้านผลบอล แบบวันต่อวัน ทั้งผลสด สถิติหลังเกม บทวิเคราะห์จัดเต็ม และมุมมองแบบเจาะลึกสไตล์นักข่าวลูกหนังตัวจริง รับรองว่าถ้าคุณคือคอลูกหนังตัวจริง เข้ามาเช็กที่นี่ไม่มีหลงเทรนด์บอลโลกแน่นอน

