
จาก : ผลบอลสด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ระหว่าง เรอัล มาดริด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันนี้ 11/12/68 – บ้านกีฬา
ศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบอีลิทที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว จบลงแบบเจ็บลึกในใจสาวกชุดขาว เมื่อ เรอัล มาดริด ออกนำก่อนแต่โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รัวคืนสองเม็ด แพ้คาบ้าน 1-2 ทั้งที่รูปเกมตามสถิติจากหน้าเว็บสาย ผลบอลสด ระบุว่า “สูสีแต่คมไม่พอ” บ้านกีฬา มองว่านี่คือหนึ่งในเกมใหญ่ที่เต็มไปด้วยจังหวะพลิกไปพลิกมา ตั้งแต่จุดโทษถูก VAR ยกเลิก ไปจนถึงลูกโทษตัดสินของเออร์ลิง ฮาลันด์
⏱️ ครึ่งแรก: VAR พิเรอัล – นำก่อนแต่โดนสองหมัดสวน
เปิดฉากเกม แฟนราชันได้เฮเก้อเพราะ นาทีที่ 3 ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษจากจังหวะ วินิซิอุส จูเนียร์ ล้มในเขตโทษ แต่หลังเช็ก VAR จำเป็นต้อง “ยกเลิกจุดโทษ” ทำให้สกอร์ยัง 0-0 และเป็นสัญญาณว่าคืนนี้ไม่ง่ายสำหรับเจ้าบ้าน
อย่างไรก็ดี นาที 28 ความดุดันของเกมรุกมาดริดก็ปลดล็อกได้สำเร็จ จู๊ด เบลลิงแฮม แทงทะลุช่องให้ โรดรีโก้ หลุดเข้าไปแตะหนีกองหลังก่อนกดไม่เหลือ ราชันนำ 1-0 ตามสกอร์จากหน้า บ้านผลบอล แต่ความดีใจอยู่ได้ไม่นาน
นาที 35 นิโค โอ’ไรลลี่ ดาวรุ่งเรือใบสอดขึ้นมายิงตีเสมอ 1-1 จากจังหวะต่อบอลเร็วของซิตี้ แล้วดราม่าก็มาในช่วงท้ายครึ่งแรก นาที 42 ฮาลันด์โดนเสียบล้ม ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษ หลังเช็ก VAR รอบนี้ไม่ยกเลิก เพิ่มความเดือดให้ทั้งสนาม ก่อนที่เจ้าตัวจะซัดเองนาที 43 พาแมนฯ ซิตี้ พลิกนำ 2-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
⏱️ ครึ่งหลัง: มาดริดลุยแหลกแต่ไม่คม – เรือใบปิดเกมแบบเยือกเย็น
ครึ่งหลัง ชาบี อลอนโซ่ปรับแท็กติกเพิ่มความสด ส่ง กูเลอร์ และบราอิม ดิอาซ ลงมากระตุ้นเกมรุก ขณะที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับหมากเติมความเร็วจากข้างสนาม ทั้งมาร์มูช, เรย์นเดอร์ส และซาวินโญ่
เรอัล มาดริด ทิ้งเกมรุกเต็มตัว ยิงรวมทั้งเกมถึง 17 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นเข้ากรอบได้เพียง 2 ครั้ง ติดเซฟ จานลุยจิ ดอนนารุมมา แทบทั้งหมด ส่วน แมนฯ ซิตี้ แม้จะมีจังหวะยิงแค่ 11 ครั้ง แต่เข้ากรอบถึง 7 หน เล่นแบบนิ่งเนียนในสไตล์ทีมแชมป์เก่า ปล่อยให้ราชันบุกแล้วรอจังหวะสวนกลับ ทำให้สุดท้ายสกอร์ไม่ขยับเพิ่ม จบเกม เรือใบสีฟ้าบุกชนะ 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญกลับแมนเชสเตอร์ได้อย่างเด็ดขาด

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริงและคะแนน Sofascore
🏠 เรอัล มาดริด (4-4-2) – เรตติ้งเฉลี่ย 6.71
ผู้รักษาประตู
- ติโบต์ กูร์กตัวส์ 7.5
กองหลัง
- อเล็กซ์ การ์เรราส 6.2
- อันโตนิโอ รือดิเกอร์ 5.5
- กีเยร์โม่ การ์เซีย 6.3
- เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ (กัปตัน) 6.5
กองกลาง
- จู๊ด เบลลิงแฮม 7.3
- ออเรลียง ชูอาเมนี่ 6.7
- ดานี่ เซบาญอส 6.7
- มาร์โก อาเซนซิโอ 6.2
กองหน้า
- โรดรีโก้ 8.1
- วินิซิอุส จูเนียร์ 6.6
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- อาร์ด้า กูเลอร์ 7.4 (ลงแทน กีเยร์โม่ การ์เซีย นาที 58)
- บราอิม ดิอาซ 6.8 (ลงแทน ดานี่ เซบาญอส นาที 67)
- เอนดริก 6.2 (ลงแทน มาร์โก อาเซนซิโอ นาที 79)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้
ฟราน กอนซาเลซ, อังเดรย์ ลูนิน, ฟราน การ์เซีย, โฆอัน มาร์ติเนซ, บิคตอร์ บัลเดเปญาส, ฟรังโก มัสตันตูโอโน, ฆอร์เฆ เซสเตโร, คีลิยัน เอ็มบัปเป้
🛫 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) – เรตติ้งเฉลี่ย 6.84
ผู้รักษาประตู
- จานลุยจิ ดอนนารุมมา 6.0
กองหลัง
- นิโค โอ’ไรลลี่ 7.2
- ยอชโก กวาร์ดิโอล 7.1
- รูเบน ดิอาส 7.2
- นูโน่ กอนซาเลซ 7.0
กองกลาง
- รายาน แชร์กี 7.0
- แบร์นาโด้ ซิลวา (กัปตัน) 6.1
- มาเธอุส นูเนส 7.4
กองหน้า
- เฌเรมี โดกู 7.5
- เออร์ลิง ฮาลันด์ 7.1
- ฟิล โฟเด้น 6.2
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- ทิจานี่ เรย์นเดอร์ส 6.5 (ลงแทน ฟิล โฟเด้น นาที 70)
- โอมาร์ มาร์มูช 6.5 (ลงแทน เออร์ลิง ฮาลันด์ นาที 70)
- ซาวินโญ่ 7.1 (ลงแทน รายาน แชร์กี นาที 71)
- นาธาน อาเก้ 6.7 (ลงแทน เฌเรมี โดกู นาที 87)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้
เจมส์ แทรฟฟอร์ด, มาร์คัส เบ็ตติเนลลี่, อับดุคอดีร์ คูซานอฟ, ริโก้ ลูอิส, รายาน ไอต์-นูรี, ออสการ์ บ็อบบ์
รายชื่อแข้งเจ็บ-ไม่มีชื่อ
เรอัล มาดริด: เอแดร์ มิลิเตา, ดีน ฮูย์เซน, ดาวิด อลาบา, ดานี่ การ์บาฆาล, แฟร์กล็องด์ เมนดี้, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เอดัวร์โด้ คามาวิงก้า
แมนฯ ซิตี้: มาเตโอ โควาซิช, โรดรี, จอห์น สโตนส์
🔎 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
บ้านกีฬา มองเกมนี้ในเชิง วิเคราะห์บอล ได้ชัดเจนว่า เรอัล มาดริด วางหมาก 4-4-2 เน้นกดดันจากคู่กองหน้าที่วิ่งบีบไลน์หลังเรือใบ ขณะที่ปีกอย่าง วินิซิอุส กับ อาเซนซิโอ พยายามดึงฟูลแบ็กออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดช่องให้ เบลลิงแฮม สอดทำเกมระหว่างไลน์ จุดเด่นคือการเปลี่ยนจังหวะเร็วจากแดนกลางสู่แดนหน้า ซึ่งนำไปสู่ประตู 1-0 ของโรดรีโก้แบบ textbook แต่ปัญหาคือหลังเสียประตูที่สอง ทีมขาดความนิ่งในพื้นที่สุดท้าย จบสกอร์ได้ไม่คมและต้องพึ่งการยิงไกลแทบทั้งหมด
ด้านเกมรับ ราชันพลาดตรงการจัดระยะระหว่างคู่เซ็นเตอร์ รือดิเกอร์ กับ การ์เซีย หลายครั้ง ปล่อยให้ ฮาลันด์ หลุดเข้าไปดวลกลางหลัง และการเคลื่อนที่ฉลาดของ โอ’ไรลลี่ ทำให้แนวรับต้องถอยลึกเกินไป ผลคือช่องหน้ากรอบโทษเปิดกว้างให้กองกลางแมนฯ ซิตี้ มีพื้นที่วางบอลและหาช่องยิง จนสุดท้ายโดนทั้งประตูตีเสมอและจุดโทษในครึ่งแรก
ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงใช้ 4-3-3 ที่มีเสน่ห์ การขึ้นเกมฝั่งซ้ายด้วยคู่หู โดกู – กวาร์ดิโอล สร้างปัญหาให้วิงแบ็กเจ้าบ้านทั้งเกม ขณะที่แดนกลาง นูเนส กับ แบร์นาโด้ คอยหมุนเวียนตำแหน่งกับ แชร์กี ทำให้การเพรสซิ่งของมาดริดตามเก็บตัวประกบไม่ทัน การเข้าทำของซิตี้จึงอาศัยสปีดบอลและการวิ่งทำทางมากกว่าจำนวนการยิง เห็นได้ชัดว่าจาก 11 ครั้ง พวกเขากดเข้ากรอบถึง 7 หน เป็นความแตกต่างชัดเจนในเรื่อง “คุณภาพโอกาส”
เกมรับเรือใบแม้จะโดนบุกใส่ต่อเนื่อง แต่คู่เซ็นเตอร์ ดิอาส–กวาร์ดิโอล คุมกรอบเขตโทษได้แข็งแกร่ง อ่านจังหวะครอสของโรดรีโก้และวินิซิอุสได้ดี ขณะที่ โอ’ไรลลี่ และ นูโน่ กอนซาเลซ ช่วยกันบีบปีกมาดริดให้เล่นยากตลอด ทำให้เจ้าบ้านได้ยิงเยอะ แต่แทบไม่มีลูกจ่อ ๆ ที่ทำให้ ดอนนารุมมา ต้องออกแรงเซฟแบบหวาดเสียวมากนัก

📊 สถิติการแข่งขัน
มองจากตัวเลขหลังเกม เรอัล มาดริด ยิงทั้งหมด 17 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียง 2 ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิง 11 ครั้ง เข้ากรอบถึง 7 ชัดเจนว่าทีมเยือนสร้างโอกาสคุณภาพดีกว่า แม้เปอร์เซ็นต์การครองบอลจะใกล้เคียงกัน โดยชุดขาวถือบอล 46% ส่วนเรือใบ 54% เกมผ่านเท้าเกือบเท่ากัน มาดริดจ่ายบอล 384 ครั้ง ซิตี้ 409 ครั้ง และที่น่าสนใจคือความแม่นยำในการจ่ายบอลของทั้งสองทีมเท่ากันที่ 88%
ด้านความดุดันในการเล่น ซิตี้ทำฟาวล์ 18 ครั้ง มากกว่ามาดริดที่ 13 ครั้ง ใบเหลืองแบ่งกันฝั่งละ 3 ใบ ไม่มีใบแดง มีจังหวะล้ำหน้าเพียง 1 ครั้งของทีมเยือน ส่วนเตะมุมเสมอกัน 3-3 ตัวเลขทั้งหมดสะท้อนว่าเกมนี้สูสี แต่ความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้ายและการจัดการจังหวะสำคัญต่างหากที่ทำให้เรือใบเก็บชัยออกจากเบร์นาเบวได้
🎯 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚠️ 3′ – VAR ยกเลิกจุดโทษของ เรอัล มาดริด หลังผู้ตัดสินกลับคำตัดสินจังหวะ วินิซิอุส จูเนียร์ ล้มในเขตโทษ
- 🟨 11′ – ฟิล โฟเด้น รับใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์รุนแรง
- ⚽ 28′ – โรดรีโก้ ยิงให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0 จากการจ่ายของ จู๊ด เบลลิงแฮม
- ⚽ 35′ – นิโค โอ’ไรลลี่ ยิงตีเสมอให้ แมนฯ ซิตี้ 1-1 หลังเรือใบต่อบอลฉีกแนวรับมาดริด
- 🟦 42′ – ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วให้จุดโทษ แมนฯ ซิตี้ จากจังหวะที่ ฮาลันด์ โดนทำฟาวล์
- ⚽ 43′ – เออร์ลิง ฮาลันด์ ซัดจุดโทษไม่พลาด พาเรือใบพลิกนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรก
- 🟨 43′ – อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์ที่นำไปสู่จุดโทษ
- 🔄 58′ – อาร์ด้า กูเลอร์ ลงแทน กีเยร์โม่ การ์เซีย เพิ่มมิติการบุกให้มาดริด
- 🔄 67′ – บราอิม ดิอาซ ลงแทน ดานี่ เซบาญอส เติมความจัดจ้านแดนกลาง
- 🔄 70′ – แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนสองคนรวด ทิจานี่ เรย์นเดอร์ส แทน ฟิล โฟเด้น และ โอมาร์ มาร์มูช แทน เออร์ลิง ฮาลันด์
- 🔄 71′ – ซาวินโญ่ ลงแทน รายาน แชร์กี เสริมความเร็วเกมริมเส้น
- 🟨 76′ – นิโค โอ’ไรลลี่ รับใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์กลางสนาม
- 🔄 79′ – เอนดริก ลงมาแทน มาร์โก อาเซนซิโอ หวังล่าตีเสมอช่วงท้ายเกม
- 🔄 87′ – นาธาน อาเก้ ลงแทน เฌเรมี โดกู เพื่อปิดเกมรับฝั่งซ้าย
- 🟨 87′ – โรดรีโก้ โดนใบเหลืองจากจังหวะโต้เถียงผู้ตัดสิน
- 🟨 88′ – อเล็กซ์ การ์เรราส รับใบเหลืองจากการตัดฟาวล์ในแดนตัวเอง
- 🟨 90′ – แบร์นาโด้ ซิลวา โดนแจกใบเหลืองท้ายเกมจากจังหวะฟาวล์หนีบุกกลับของมาดริด
- 🟨 ช่วงทดเวลา – เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถูกผู้ตัดสินเตือนและจดชื่อจากการประท้วงข้างสนาม
⭐ Player of the Match – โรดรีโก้ หัวใจเกมรุกราชัน
แม้ทีมจะแพ้ แต่รางวัล Man of the Match จาก Sofascore ตกเป็นของ โรดรีโก้ ด้วยเรตติ้ง 8.1 บ้านกีฬาเห็นด้วยเต็ม ๆ เพราะตลอด 90 นาที เขาเป็นจุดร้อนของแนวรับเรือใบ สร้างโอกาสได้หลายหน ประตูขึ้นนำ 1-0 ก็เกิดจากการวิ่งหาช่องและจบสกอร์ที่เยือกเย็นของเจ้าตัว รวมถึงยังช่วยลงมาล้วงบอลลึกและลากพาบอลขึ้นหน้า ทำให้แนวรับซิตี้ไม่มีเวลาพักหายใจ ถือเป็นฟอร์มส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมแม้ผลการแข่งขันจะไม่เข้าข้างก็ตาม

📈 สถานการณ์ในตารางคะแนน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก อีลิท
เมื่อมองไปที่ตารางคะแนนแบบสไตล์ บ้านผลบอล ภายหลังจบเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บเพิ่มเป็น 13 คะแนน จาก 6 นัด สถิติชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 12 เสีย 6 ผลงานดังกล่าวส่งเรือใบขึ้นยึดอันดับ 4 ของตารางเฟสอีลิท อยู่ในโซนหัวตารางอย่างมั่นคง ไล่จี้ อาร์เซนอล จ่าฝูงที่มี 18 แต้ม และ บาเยิร์น รวมถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่คะแนนเหนือกว่าเพียงนิดเดียว
ส่วน เรอัล มาดริด หลังพ่ายคาบ้านยังหยุดอยู่ที่ 12 คะแนน จาก 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 2 ประตูได้เสีย 13-7 รั้งอันดับ 7 ของตาราง แม้ยังอยู่ในโซนลุ้นเข้ารอบลึก แต่ความพ่ายแพ้เกมใหญ่แบบนี้ทำให้ต้องมองตัวเองใหม่เรื่องเกมรับ เพราะหากยังเสียประตูง่ายในแมตช์สำคัญ โอกาสเสียอันดับให้ทีมข้างล่างอย่าง แอตเลติโก มาดริด หรือ ลิเวอร์พูล ก็มีสูงในช่วงแมตช์เดย์สุดท้ายของรอบอีลิท
📅 ตารางบอล และโปรแกรมบอลนัดถัดไปของทั้งสองทีม
แม้ศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก จะพักไป แต่ในแง่ของ โปรแกรมบอล ทั้งสองสโมสรยังต้องลุยต่อแบบไม่มีเวลาพักหายใจ
ฝั่ง เรอัล มาดริด มีคิวบุกไปเยือน อลาเบส ในลา ลีกา วันที่ 15 ธันวาคม 2025 เวลา 03.00 น. ตามด้วยเกมโคปา เดล เรย์ ออกไปเยือน CF ทาลาเวร่า วันที่ 18 ธันวาคม 2025 เวลา 03.00 น. ซึ่งสองเกมนี้สำคัญต่อการคืนความมั่นใจให้ทีมหลังแพ้คาบ้านในถ้วยยุโรป
ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกลับไปทำศึกพรีเมียร์ลีก บุกเยือน คริสตัล พาเลซ วันที่ 14 ธันวาคม 2025 เวลา 21.00 น. ก่อนลงเตะศึก EFL Cup กับ เบรนท์ฟอร์ด วันที่ 18 ธันวาคม 2025 เวลา 02.30 น. แฟน ๆ สามารถเช็ก ตารางบอล และลิงก์ถ่ายทอดสดได้ตามหน้าเว็บฟุตบอลชั้นนำ พร้อมอัปเดตสถานะผู้เล่นเจ็บว่าจะมีใครกลับมาช่วยทีมได้บ้าง
🏡 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวมันส์ ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา
เกมระดับท็อปอย่าง เรอัล มาดริด ปะทะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบนี้ บ้านกีฬา ยังคงเกาะติดทุกจังหวะเหมือนเดิม ใครที่อยากรู้ทั้งสกอร์สดแบบ ผลบอลสด วิเคราะห์ก่อนแข่ง สถิติหลังเกม ไปจนถึงสรุป บ้านผลบอล ลีกใหญ่ยุโรปและบอลถ้วยทุกรายการ แวะเข้ามาเช็กได้ที่ บ้านกีฬา เราจะอัปเดตให้แบบเข้มข้น ดุดัน และอ่านสนุกเหมือนนั่งคุยกับเพื่อนคอบอลข้างสนาม

