Zeekr คือใคร? ทำไมยุโรปต้องจับตาแบรนด์นี้
Zeekr คือแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในเครือยักษ์ใหญ่ Geely เจ้าของเดียวกับ Volvo, Polestar และ Lynk & Co ถือกำเนิดขึ้นในปี 2021 ด้วยเป้าหมายชัดเจน: ทำรถไฟฟ้าหรูที่ชนตรงๆ กับ Tesla, NIO และค่ายยุโรประดับบนทั้งหลาย
จุดแข็งสำคัญของ Zeekr คือ “ดีเอ็นเอยุโรป” ตั้งแต่ขั้นวิจัยพัฒนา เพราะมีฐาน R&D ใหญ่ที่เมืองโกเธนเบิร์ก สวีเดน ในนาม Zeekr Technology Europe (เดิมคือ CEVT) ซึ่งเป็นทีมที่ร่วมออกแบบแพลตฟอร์มโมดูลาร์ให้ Volvo / Polestar / Lynk & Co มาแล้วนับล้านคันบนถนนทั่วโลก นั่นหมายความว่า รถ Zeekr แม้แบรนด์จะมาจากจีน แต่ “ฟีลลิ่งการขับ” และการเซ็ตช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว ทุกอย่างถูกจูนมาสำหรับถนนยุโรปตั้งแต่แรก
ในระดับสเกลธุรกิจ Zeekr ตอนนี้ถูกยกให้เป็น “กลุ่มพรีเมียม EV” ในนาม Zeekr Group ที่ Geely ใช้เป็นหัวหอกบุกตลาดพลังงานใหม่ทั่วโลก มีพอร์ตโมเดลเกือบ 20 รุ่น และฐานลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 1.8 ล้านรายเข้าไปแล้ว เรียกง่ายๆ ว่านี่ไม่ใช่ค่ายหน้าใหม่จิ๋ว แต่คือ “บิ๊กทีม” ที่กำลังเดินเข้าลีกเยอรมนีอย่างเป็นทางการ

เจาะ 3 รุ่นเปิดตลาดเยอรมนี: X, 7X, 001 คนละสไตล์แต่โหดทุกตัว
การบุกเยอรมนีรอบนี้ Zeekr ไม่มาแบบลองตลาด แต่มาแบบ “ไลน์อัปจริงจัง” ด้วย 3 รุ่นหลักคือ Zeekr X, Zeekr 7X และ Zeekr 001 เปิดให้จองแล้ว พร้อมดีลิเวอรีล็อตแรกตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป
ช่วงราคาเปิดตลาดในเยอรมนี (โดยประมาณ)
- Zeekr X – ครอสโอเวอร์/เอสยูวีขนาดคอมแพ็กต์ เปิดราว €37,990
- Zeekr 7X – เอสยูวีขนาดกลางสำหรับครอบครัว เปิดราว €54,990
- Zeekr 001 – ชูตติ้งเบรกตัวธง เกือบ 5 เมตร เปิดราว €59,990
เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าพรีเมียมจากยุโรปหลายค่าย ราคาเปิดของ Zeekr จัดว่า “กัดฟันมาท้าชน” เพราะให้สเปกระดับท็อปแต่ดันตั้งราคาให้ต่ำกว่าหลายตัวในเซกเมนต์เดียวกันอย่างชัดเจน
ในแง่สมรรถนะและอุปกรณ์มาตรฐาน Zeekr เล่นใหญ่แบบที่หลายค่ายยุโรปชาร์จเพิ่มเป็นแพ็กเสริม:
- ล้อขนาด 21–22 นิ้วในรุ่น 7X และ 001
- หลังคากระจกพาโนรามา
- ไฟหน้า Matrix LED
- ฮีตปั๊มช่วยประหยัดพลังงานในสภาพอากาศหนาว
- ชาร์จไฟ AC ได้สูงถึง 22 kW ในตัว (ไม่ต้องพึ่ง Wallbox พิเศษ)
- ช่วงล่างถุงลม (Air Suspension)
- เบาะนั่งพร้อมฟังก์ชันนวด
- แพ็คเกจระบบช่วยขับขี่ (ADAS) แบบจัดเต็มเป็นมาตรฐาน ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเป็น “ออปชันซ่อน”
เรื่องความอึดของแบตเตอรี่และระยะวิ่งก็ไม่ธรรมดา รุ่น 001 และ 7X มีเวอร์ชันที่วิ่งได้แตะราว 600+ กม. ตามมาตรฐาน WLTP แล้วแต่สเปกแบตและมอเตอร์ ขณะที่ Zeekr X แม้ตัวเล็กกว่าแต่ก็ยังอยู่ในระดับ 330–446 กม. ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานจริงในยุโรปที่วิ่งทางด่วนยาวๆ เป็นประจำ

การันตีแบต 8 ปี อัปเกรดซ่อมบำรุงยาวสุด 10 ปี
จุดที่ทำให้ Zeekr น่าเชื่อถือในสายตาลูกค้ายุโรปคือเงื่อนไขการรับประกันที่ “ให้เยอะเกินคาด” โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่และอายุรถ
- รับประกันแบตแรงดันสูง 8 ปี หรือ 200,000 กม.
- ตัวรถทั้งคันมีแพ็กเกจ 5+5 ปี – 5 ปีแรกหรือ 100,000 กม. เป็นมาตรฐาน หากเข้าเช็กระยะในเครือข่าย Zeekr ต่อเนื่อง จะขยายเป็น 10 ปี หรือ 200,000 กม.
นี่คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่าแบรนด์มั่นใจในเทคโนโลยีตัวเอง และต้องการตัดความกังวลเรื่อง “ค่าใช้จ่ายระยะยาว” ของทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ซื้อเป็นฟลีทรถจำนวนมาก
ฟลีทรถบริษัทคือเป้าหมายหลัก: เยอรมนี = ตลาดรถบริษัทที่ใหญ่สุดในยุโรป
Zeekr ไม่ได้บุกเยอรมนีเพื่อขายปลีกรายย่อยอย่างเดียว แต่เล็งตรงไปที่ “ฟลีทรถบริษัท” ตั้งแต่ก่อนลงสนาม CEO ของ Zeekr Europe ยอมรับตรงๆ ว่าความต้องการจากบริษัทใหญ่ๆ ในดั๊กซ์ (DAX) และบริษัทลิสซิ่งรายหลักนั้น “ล้นคิว” รอรถเข้ามาใช้งานแล้ว
เหตุผลที่ Zeekr เลือกเยอรมนีเป็นฐานหลักในยุโรป:
- เยอรมนีคือ ตลาดรถบริษัท (company car) ใหญ่ที่สุดในยุโรป
- เกือบ สองในสามของรถจดทะเบียนใหม่ มาจากลูกค้าเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่คนทั่วไป
- สัดส่วนรถบริษัทที่เป็น รถไฟฟ้า (BEV) กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะนโยบายภาษีที่จูงใจและความกดดันด้าน ESG ขององค์กรใหญ่
เพื่อรองรับกลุ่มนี้ Zeekr เลือกใช้โมเดลขายแบบ Direct Sales + Fleet Partner คือ:
- ขายตรงออนไลน์ผ่านระบบดิจิทัลของตัวเอง
- จับมือกับสถาบันการเงินอย่าง BNP Paribas และ Arval เพื่อทำแพ็กเกจลีสซิ่งและรถบริษัทเฉพาะทาง
- ใช้เครือข่ายบริการของ Global Automotive Service GmbH (GAS) เป็นแขนขาในประเทศ
แผนบริการหลังการขายในเยอรมนีช่วงเริ่มต้น:
- เปิด ศูนย์บริการที่ได้รับการรับรอง 40 แห่ง ทั่วประเทศ
- ตั้งเป้าขยายเป็น มากกว่า 100 แห่งภายในไตรมาส 2 ปี 2026
- ได้สิทธิ์เข้าถึงอู่ในเครือ GAS ราว 1,700 แห่งทั่วเยอรมนี รวมศูนย์ตัวถังและสีมากกว่า 500 แห่ง
สำหรับฟลีทรถบริษัท สิ่งที่ Zeekr ขายไม่ใช่แค่ “รถ” แต่คือแพ็กเกจครบวงจร: ค่าบำรุงรักษาคาดเดาได้ง่าย ระยะวิ่งเพียงพอต่อการใช้งานจริง ระบบชาร์จเร็ว และการดูแลหลังการขายที่ครอบคลุมทั้งประเทศ

จากเยอรมนีสู่ทั้งยุโรป: เกมรุกระยะยาวของ Zeekr
การบุกเยอรมนีครั้งนี้ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็น “ฐานบัญชาการ” เพื่อขยายทั้งลีกยุโรป Zeekr วางโรดแมปต่อไปชัดเจนว่าจะเดินหน้าสู่ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และอังกฤษในปี 2026
ก่อนมาถึงเยอรมนี แบรนด์นี้เคยเริ่มรุกยุโรปไปแล้วในสวีเดน เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกอย่างกรีซ โรมาเนีย สโลวีเนีย โครเอเชีย และบัลแกเรีย โดยหลายตลาดเริ่มส่งมอบรถไปแล้วหรือกำลังทยอยส่งก่อนสิ้นปี
ภาพรวมคือ Zeekr กำลังทำสิ่งเดียวกับที่แฟนบอลคุ้นเคยในโลกฟุตบอล: จากทีมที่มีฐานหลักในลีกจีน ค่อยๆ ดึงส cout ยุโรปไปเสริมทีม จากนั้นเปิดแคมป์ฝึกซ้อมที่ยุโรป แล้วสุดท้ายก็พร้อมลงเล่นในลีกใหญ่เต็มตัว
เกมใหญ่ของ Geely: ดัน Zeekr เป็น “หัวหอก EV พรีเมียม” รับศึกกดดันรอบด้าน
ในฝั่งเจ้าของทีมอย่าง Geely ก็เดินเกมหนักกับ Zeekr เช่นกัน ทั้งการแยก Zeekr เป็นกลุ่มธุรกิจระดับพรีเมียม และเตรียมปรับโครงสร้างการถือหุ้น-การจดทะเบียนในตลาดทุน เพื่อให้บริหารต้นทุนและการลงทุนด้านเทคโนโลยีได้คล่องตัวขึ้นท่ามกลางการแข่งขัน EV ที่เดือดในจีนและยุโรป
สำหรับ Geely การมี Zeekr เป็น “หัวหอก” สำคัญมาก เพราะ:
- แบรนด์นี้ยืนในกลุ่ม พรีเมียม EV อย่างชัดเจน
- ใช้เทคโนโลยีล่าสุด ทั้งแพลตฟอร์มไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ไปจนถึงการจับมือพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลกด้านชิปและระบบขับขี่อัตโนมัติ
- เสริมภาพลักษณ์ Geely ให้โดดเด่นในเวทีโลก ไม่ใช่แค่แบรนด์รถจีนราคาย่อมเยา แต่เป็นเจ้าของ “ทีมใหญ่” ที่กล้าชนยุโรปในบ้านตัวเอง
มองจากมุม “บ้านกีฬา”: Zeekr เหมือนทีมเยือนที่บุกมาเล่นเกมรุกทุกจังหวะ
ถ้าเปรียบตลาดรถไฟฟ้าเยอรมนีเป็นสนามเหย้าของบรรดาค่ายยุโรปอย่าง BMW, Mercedes-Benz, Audi, Porsche การที่ Zeekr เดินเข้ามาแบบจัดสามตัวจริงลงพร้อมกัน แถมตั้งราคาและออปชันดุดันแบบนี้ ก็ไม่ต่างจากทีมเยือนที่เปิดเกมเพรสสูงตั้งแต่นาทีแรก
สิ่งที่ Zeekr ทำได้ดีกว่า “บางค่ายยุโรป” ในสายตาผู้ใช้คือ:
- ความคุ้มค่า – อุปกรณ์มาตรฐานแน่น ราคาต่ำกว่าคู่แข่งหลายรายในสเปกใกล้เคียง
- รับประกันยาว – สร้างความมั่นใจระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับคนที่เพิ่งเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปมาใช้ EV
- เข้าใจตลาดท้องถิ่น – การเซ็ตช่วงล่าง การเก็บเสียง การออกแบบเมนูใช้งาน ถูกจูนตามรสนิยมคนยุโรป ไม่ใช่เอารถสเปกจีนมายัดขายตรงๆ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง Zeekr ก็ต้องเจอแรงเสียดทานไม่น้อย ทั้งเรื่องมาตรการภาษีของสหภาพยุโรปที่จับตารถไฟฟ้าจากจีนอย่างเข้มข้น ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่คุ้นกับแบรนด์ยุโรปมานาน รวมถึงการแข่งขันจากค่ายจีนรายอื่นที่แห่บุกยุโรปพร้อมกัน ทั้ง BYD, MG, XPeng, Changan และอีกหลายชื่อที่กำลังต่อคิวรอเปิดตัวในตลาดเดียวกัน
ดังนั้น เกมนี้ไม่ใช่สั้นๆ แค่หนึ่งฤดูกาล แต่คือการเล่นยาวระหว่าง “ทีมเก่าเจ้าถิ่น” กับ “ทีมใหม่จากจีน” ที่มีทุนหนา เทคโนโลยีจัดจ้าน และกล้ายิงราคาให้ตลาดสะเทือน

สรุป: Zeekr เปิดศึกใหญ่ในเยอรมนี สัญญาณเตือนค่ายยุโรปทั้งลีก
การที่ Zeekr เปิดตลาดเยอรมนีด้วยสามรุ่นหลัก เน้นเจาะฟลีทรถบริษัท มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่วางแผนมาอย่างดี และตั้งราคาให้คุ้มค่าเมื่อเทียบสเปก นี่ไม่ใช่แค่ข่าวเปิดตัวรถใหม่ แต่เป็น “สัญญาณเปลี่ยนสมดุล” ในตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียมของยุโรปแบบเต็มตัว
จากวันนี้ไป สิ่งที่คนรักรถไฟฟ้าควรจับตาคือ:
- ลูกค้าฟลีทรถบริษัทเยอรมนีจะตอบรับ Zeekr มากน้อยแค่ไหน
- แบรนด์ยุโรปจะปรับราคาและแพ็กเกจออปชันอย่างไรเพื่อตอบโต้
- Zeekr จะรักษามาตรฐานบริการหลังการขายและประสบการณ์จริงของผู้ใช้ได้ดีตามที่เคลมไว้หรือไม่
ถ้า Zeekr ทำได้ตามแผน เยอรมนีอาจกลายเป็น “จุดเปลี่ยนเกม” ที่ทำให้ค่ายยุโรปต้องหันมาเร่งสปีดรถไฟฟ้าในแบบที่แฟนบอล–แฟนรถทั้งโลกต้องหันมาดูสกอร์กันทุกปี
แฟนเทคโนโลยี-แฟนรถไฟฟ้าที่ไม่อยากพลาดทุกจังหวะการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV ถ้าอยากรู้ว่าดีลต่อไปใครจะยิงประตูใส่ใคร อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

