คืนแห่งความประทับใจในวงการฟุตบอล เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตำนานผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลและอดีตกุนซือผู้สร้างยุคทองให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลับคืนสู่สนามซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ในฐานะโค้ชของทีมในการแข่งขันเทสติโมเนียลเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้องจากแฟนบอลกว่า 81,365 คน เกมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการอำลาสนามของสองนักเตะระดับตำนานอย่าง ลูคัสซ์ ปิสซ์เชค และ ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ที่เคยฝากผลงานไว้อย่างยิ่งใหญ่กับ “เสือเหลือง”
เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้รับเกียรติให้กลับมาคุมทีม บลาซซีคอฟสกี้ โดยทีมของเขาสามารถคว้าชัยชนะอย่างสุดมันส์ด้วยสกอร์ 5-4 จากทีมที่คุมโดย ปีเตอร์ คราเวียตซ์ มือขวาคนสำคัญของคล็อปป์ เกมนี้เต็มไปด้วยความสนุกเร้าใจและบรรยากาศที่เป็นกันเองระหว่างแฟนบอลและนักเตะในสนาม นอกจากนี้ยังมีการรวมตัวของเหล่าตำนาน “เสือเหลือง” ที่มาโชว์ฝีเท้ากันอย่างไม่ขาดสาย อาทิเช่น นูริ ซาฮิน อดีตนักเตะและกุนซือปัจจุบันของดอร์ทมุนด์, โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์, มาร์เซล ชเมลเซอร์, เฮนริค มคิทาร์เรียน และ ลูกัส บาร์ริออส ซึ่งเป็นผู้ทำสองประตูสำคัญให้กับทีมของบลาซซีคอฟสกี้
เกมนี้ถือเป็นการฉลองความสำเร็จและความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ระหว่างนักเตะและแฟนบอลของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยหนึ่งในไฮไลต์ที่แฟนๆ ต่างรอคอยคือการปรากฏตัวของ มัทส์ ฮุมเมิลส์ ผู้ซึ่งเพิ่งหมดสัญญากับดอร์ทมุนด์ และได้เซ็นสัญญาใหม่กับ อาแอส โรม่า ซึ่งเขาก็ได้ลงเล่นเพื่ออำลาแฟนบอลในเกมนี้
สำหรับ ลูคัสซ์ ปิสซ์เชค และ ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ทั้งคู่ถือเป็นกำลังสำคัญในยุคทองของดอร์ทมุนด์ภายใต้การนำของคล็อปป์ โดยได้ช่วยทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย, เดเอฟเบ-โพคาล 1 สมัย และ เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ 2 สมัย ตลอดช่วงเวลาระหว่างปี 2011-2014 ซึ่งเป็นช่วงที่ดอร์ทมุนด์ขึ้นถึงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์การเล่นของพวกเขา
ลูคัสซ์ ปิสซ์เชค ลงสนามให้กับดอร์ทมุนด์ตั้งแต่ปี 2010-2021 โดยลงเล่นทั้งหมด 382 นัด ทำได้ 19 ประตู ส่วน ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ รับใช้สโมสรในช่วงปี 2007-2016 ลงเล่นทั้งหมด 253 นัด และทำได้ 32 ประตู ผลงานของทั้งสองคนยังคงเป็นที่จดจำในหัวใจแฟนบอล “เสือเหลือง” มาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยการกลับมาของคล็อปป์ในครั้งนี้ เสียงเชียร์ของแฟนบอลยังคงดังกึกก้องเป็นเครื่องยืนยันถึงความรักและความผูกพันของเขาที่มีต่อดอร์ทมุนด์ เกมนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขันธรรมดา แต่เป็นการเฉลิมฉลองความทรงจำและความสำเร็จของยุคทองที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากวงการฟุตบอลโลก
ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา