ดาร์มสตัดท์ ทีมน้องใหม่กับประสบการณ์เล่นลีกสูงสุดเยอรมัน ที่ยังต้องพัฒนาต่อไป

Sportverein Darmstadt 1898 eV หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าดาร์มสตัดท์ 98 เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของเยอรมนี ซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองดาร์มสตัดท์ รัฐเฮสส์ สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1898 ภายใต้ชื่อ FC Olympia Darmstadt ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1919 ได้รับฉายาว่า Rasen-Sportverein Olympia Darmstadt 98 ก่อนที่จะรวมเข้ากับสโมสรในท้องถิ่นอื่น ๆ โดยในปี ค.ศ. 1905 รวมเข้ากับ Viktoria 1900 Darmstadt และ Germania 1903 Darmstadt  ปัจจุบัน ทีมฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรกีฬาขนาดใหญ่ ที่มีสมาชิกมากกว่า 13,500 คน นอกจากฟุตบอลแล้ว สโมสรยังมีบาสเก็ตบอล ฟลอร์บอล และปิงปองอีกด้วย

ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของสโมสรดาร์มสตัดท์

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

แผนกฟุตบอลลงแข่งขันในบุนเดสลิกา ช่วงฤดูกาล 2015-2016 และ 2016-2017 หลังจากอยู่ในลีกระดับล่างมาเป็นเวลายาวนานถึง 33 ปี SV Darmstadt 98 จึงได้รับการเลื่อนชั้นเข้าสู่ลีกสูงสุดบุนเดสลีกาอีกครั้งในปี 2023 แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตกชั้นในฤดูกาล 2024 ไปได้ โดยโอลิมเปียเคยเล่นเป็นทีมอันดับรองในเวสต์ไครส์-ลีกา ระหว่างปี 1909-1913 ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 30 สโมสรแห่งนี้เล่นภายใต้ชื่อเอสวี ดาร์มสตัดท์ ในกลุ่มไครส์ลีกา โอเดนวัลด์ และกลุ่มเบซิร์กสลีกา, ไมน์-เฮสเซิน, เฮสเซิน-มิตเทอ ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาตำแหน่งในการแข่งขันระดับสูงสุด

ในปี 1933 ฟุตบอลเยอรมันได้รับการจัดระเบียบใหม่ ภายใต้จักรวรรดิไรช์ที่ 3 เป็น 16 ดิวิชั่นหลักที่เรียกว่า Gauligen SV Darmstadt ไม่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกระดับบนได้ จนกระทั่งในปี 1941 เมื่อเข้าร่วมกลุ่ม Gauliga Hessen-Nassau ที่ชื่อว่า Hessen-Nassau ก็อยู่ไม่ได้นานและตกชั้น หลังจากเล่นในระดับนั้นฤดูกาลที่ 2 เมื่อถึงฤดูกาล 1944-1945 ก็เกิดภาวะล่มสลาย เมื่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ารุกรานเยอรมนี โดยประวัติผลงานในลีกของ SV Darmstadt มีผลงานที่ดีมาตลอดในช่วงทศวรรษ 1950 และอีกครั้งตั้งแต่เข้าร่วมบุนเดสลีกาในปี 1963 จนถึงช่วงทศวรรษ 1970 แต่ก็ทำผลงานได้ไม่ดีไปกว่าทีมกลางตาราง

จนกระทั่งสามารถพลิกสถานการณ์ได้ในปี 1973 ด้วยการคว้าแชมป์ Regionalliga Süd และเข้าร่วมในรอบเลื่อนชั้นของบุนเดสลีกา โดยจบอันดับ 2 ตามหลัง Rot-Weiss Essen ดาร์มสตัดท์ถือเป็นทีมที่มีทรัพยากรจำกัด แต่ก็ผ่านเข้าไปสู่บุนเดสลีกาได้ถึง 2 ฤดูกาล คือ 1978-1979 และ 1981-1982 มาพลาดการเลื่อนชั้นเป็นครั้งที่ 3 ในปี 1988 เมื่อแพ้ในรอบเพลย์ออฟให้กับทีมวัลด์ฮอฟ มันน์ไฮม์ และตกชั้นไป หลังจากดวลจุดโทษในนัดที่ 3 ระหว่างทั้งสองสโมสรดาร์มสตัดท์รอดพ้นการตกชั้นไปได้อย่างหวุดหวิดในปี 1991 เมื่อเข้าสู่การแข่งขันบุนเดสลีกา 2 ก็มาถูกปฏิเสธ เนื่องจากเหตุผลทางการเงิน

แต่ในปี 1997 เอสวี ดาร์มสตัดท์ตกเป็นเหยื่อของการจัดการการเงินที่ผิดพลาด จึงตกลงมาอยู่ในดิวิชั่นที่ 3 และ 4 จงอาจทำให้ดูไกลออกไป แต่ความสำเร็จล่าสุดของทีมรวมถึงชัยชนะใน Hessen Pokal เริ่มตั้งแต่ปี 1999, 2001, 2006, 2007 และ 2008 รวมถึงชัยชนะติดต่อกัน 3 ครั้งใน Possmann-Hessen Cup ตั้งแต่ปี 2000-2002 ใน DFB-Pokal ดาร์มสตัดท์เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในปี 1989 และ 2001 และรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 1986 และอีกครั้งในปี 2004 สโมสรคว้าแชมป์ Oberliga Hessen (IV) ภายใต้การบริหารของอดีตผู้เล่น Bruno Labbadia ทำให้เลื่อนชั้นสู่ Regionalliga Süd (III)

แต่ปัญหาทางการเงินทำให้ทางเลือกมีจำกัด ส่งผลให้ต้องตกชั้นไปเล่นในลีกโอเบอร์ลีกาเฮสเซน (IV) เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2006-2007 เป้าหมายของสโมสร คือ การเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 3 ใหม่ภายใน 5 ปี แต่ในวันที่ 6 มีนาคม 2008 ดาร์มสตัดท์ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย โดยมีหนี้สินประมาณ 1.1 ล้านยูโร ทำให้อนาคตของสโมสรไม่แน่นอน  หลังจากแข่งขันชิงแชมป์ลีกโอเบอร์ลีกาเฮสเซนในปี 2007-2008 ดาร์มสตัดท์ก็ได้เล่นในลีก Regionalliga Süd สโมสรได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินเพิ่มเติม เช่น การแข่งขันกระชับมิตรกับบาเยิร์นมิวนิก

ผลงานการแข่งขันในอดีตถึงปัจจุบัน ของสโมสรดาร์มสตัดท์

หลังจากคว้าแชมป์ Regionalliga Süd ในฤดูกาล 2010-2011 ดาร์มสตัดท์ก็ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกา 3 ในปี 2012 เดิร์ก ชูสเตอร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโค้ช และเซ็นสัญญากับอายตาซ ซูลู กัปตันทีมในอนาคต ฤดูกาล 2012-2013 สโมสรประสบปัญหาในช่วงแรก และต้องเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดจาก Kickers Offenbach ซึ่งถูกปฏิเสธใบอนุญาตลีกา 3 ด้วยปัญหาการจัดการ ส่งผลให้ดาร์มสตัดท์ 98 เข้ามาแทนที่ ในฤดูกาล 2013-2014 ดาร์มสตัดท์จบอันดับ 3 ของลีก และเลื่อนชั้นได้สำเร็จ หลังจากเอาชนะอาร์มิเนียบีเลเฟลด์ในเลกที่ 2 ความสำเร็จนี้ทำให้สามารถเลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดสลีกา 2 ได้เป็นครั้งแรก ในรอบ 21 ปี ท่ามกลางบรรยากาศที่ตื่นเต้นเร้าใจ

ฤดูกาลถัดมา ดาร์มสตัดท์จบอันดับ 2 ของลีก และเลื่อนชั้นไปสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จ หลังจากห่างหายไปนานถึง 33 ปี ในนัดสุดท้ายของลีกที่พบกับเอฟซี ซังต์ เพาลี ชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกฟรีคิกของโทเบียส เคมเป้ในนาทีที่ 70 ทำให้เลื่อนชั้นได้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ภายใต้การนำของโค้ชชูสเตอร์และกัปตันทีมซูลู ดาร์มสตัดท์ เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ DFB Pokal 2015-2016 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2016 น่าเสียดายที่แฟนบอลตัวยงอย่างโจนาธาน ไฮเมส เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทำให้สนามกีฬาต้องเปลี่ยนชื่อเป็นโจนาธาน-ไฮเมส-สตาดิออน อัม บอลเลนฟัลตอร์ ในฤดูกาล 2016-2017 โดยสโมสรฟุตบอลดาร์มสตัดท์จบอันดับที่ 14

โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลงานที่ยอดเยี่ยมในเกมเยือน โค้ช เดิร์ก ชูสเตอร์ ประกาศการตัดสินใจเข้าร่วมทีมเอฟซี อ็อกสบวร์ก และนอร์เบิร์ต ไมเออร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโค้ชในฤดูกาล 2016-2017 แต่หลังจากพ่ายแพ้ในรอบที่ 2 ของการแข่งขันเดเอฟเบ โพคาล และเก็บได้เพียง 8 คะแนนจาก 12 เกม ไมเออร์ก็ถูกไล่ออก หลังจากออกสตาร์ตฤดูกาล 2017-2018 ในบุนเดสลีกา 2 ได้น่าผิดหวัง  ธอร์สเทน ฟิงค์ก็ถูกปลดออกจากหน้าที่ผู้จัดการทีม เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2017 เดิร์ก ชูสเตอร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ เพื่อเติมเต็มตำแหน่งที่ว่างลง

กลับมาที่ดาร์มสตัดท์เป็นครั้งที่ 2 และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 10 ของลีก ในฤดูกาล 2018-2019 ดาร์มสตัดท์ 2 ภายใต้การบริหารของดิมิทริออส แกรมโมซิส เข้ามาแทนที่ชูสเตอร์ หลังจากเก็บได้ 23 คะแนน จาก 22 เกม และจบฤดูกาลในอันดับที่ 10 ส่วนในฤดูกาลถัดมา สโมสรจบฤดูกาลในอันดับที่ 5 หลังจากมาร์คุส อันฟางเข้ามาเป็นหัวหน้าโค้ช ในฤดูกาล 2022-2023 ดาร์มสตัดท์เลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาโดยอัตโนมัติ ด้วยการเอาชนะเอฟซี แม็กเดบวร์ก 1-0 คาบ้าน แต่ในฤดูกาลต่อมา กลับตกชั้นจากบุนเดสลีกา จบฤดูกาลในอันดับสุดท้ายที่ 18 สโมสรสามารถคว้าชัยชนะได้เพียง 3 นัด จาก 34 นัดเท่านั้น

สรุปสถานการณ์การแข่งขันของโสมสรดาร์มสตัดท์ ในฤดูกาล 2023-2024

สโมสรน้องใหม่กับการขึ้นมาแข่งขันในลีกสูงสุดของประเทศเยอรมันนี ไม่ใช่เรื่องง่าย! แม้จะผ่านศึกการแข่งขันใหญ่ ๆ และลีกต่าง ๆ มาบอ่ยครั้งก็ตาม แต่ถ้าเรื่องการเงินยังไม่ดีขึ้น และประสบการณ์เข้าสู่ลีกสูงสุดยังไม่สามารถทำได้ดีพอ จะทำให้ฤดูกาลนี้กลายเป็นฝันร้ายจากผลงานลงแข่งขัน 34 เกม ทำผลงานชนะได้ 3 นัด เสมอ 8 นัด และแพ้ไปถึง 23 นัด มีผลต่างประตูได้/เสียติดลบถึง 56 คะแนน โดยแบ่งเป็นการทำประตูได้ 30 เรียกได้ว่า 17 คะแนนสำคัญ ของการเพิ่มเติมประสบการณ์ให้กับสโมสรน้องใหม่  หวังว่าสโมสรแห่งนี้ เมื่อกลับสู่ลีกรองแล้วจะมีการพัฒนาและกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดใหม่อีกครั้ง ในครั้งหน้ามั่นใจว่าจะทำอันดับได้ดีมากขึ้น ในส่วนของแฟนบอลอาจจะต้องลุ้นกันในระยะยาว หรือมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีม ผู้จัดการทีม รวมไปถึงนักเตะชื่อดัง ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องใช้เวลานานในการกลับมาสู่ลีกสูงสุดใหม่อีกครั้ง