ไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน ทีมดังมาแรง กับฤดูกาลมหัสจรรย์ แชมป์ไร้พ่าย

Bayer 04 Leverkusen หรือฉายาของไทยอย่างห้างขายยา และเรียกสั้น ๆ ว่า Leverkusen เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีฐานอยู่ในเมืองเลเวอร์คูเซน ประเทศเยอรมนี สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1904 และลงเล่นเกมเหย้าที่ Bay Arena ซึ่งจุคนได้มากถึง 30,210 คน ปัจจุบัน Bayer 04 Leverkusen อยู่ภายใต้การบริหารงานของโค้ช Chabi Alonso ซึ่งกำลังแข่งขันในระดับบุนเดสลีกา ลีกสูงสุดของเยอรมัน โดยนอกจากฟุตบอลแล้ว สโมสรแห่งนี้ยังมีส่วนร่วมในกีฬาประเภทอื่น ๆ อีกด้วย

ประวัติความเป็นมาของสโมสรดัง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ก่อตั้งสโมสรครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1904 หรือมากกว่า 120 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากที่สุด เนื่องจากว่าในประเทศเยอรมัน มีความนิยมของกีฬามากขึ้น การก่อตั้งสโมสรจะช่วยให้ทุกอย่างมีมาตรฐาน กลายมาเป็นลีกชั้นนำของทางยุโรปในทุกวันนี้ วิลเฮล์ม เฮาส์ไชลด์ หนึ่งในบุคคลสำคัญมากที่สุด มีการเขียนจดหมายไปยังบริษัทไบเออร์ ที่ในเวลานั้นมีพนักงานจำนวน 170 คน และกลายเป็นการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลอย่างเป็นทางการนั่นเอง โดนในเวลานั้นใช้ชื่อ TUS04 เรียกได้ว่า ชื่อย่อที่เข้าง่ายมีความหมายโดยตรง และมีพันตรี  D. Albert Mande เป็นนายกสมาคมคนแรกของสโมสร

เขาคนนี้ยังเคยเป็นผู้อำนวยการ Bayerwerk ตั้งแต่ปี 1903 เรียกได้ว่า สามารถที่จะเพิ่มเติมและกำหนดทิศทางการบริการสโมสรได้อย่างชัดเจน ในช่วงแรกของการก่อตั้ง ปี ค.ศ. 1920 มีการเลือกสมาชิกกีฬาจำนวนมาก ซึ่งการระบุชนิดของกีฬา ส่งผลถึงความนิยมในเวลานั้นได้อย่างมากมาย โดยเป็นกีฬาอย่างยิมนาสติก และเพิ่มเติมกีฬาอย่างฟุตบอลเข้าไป ด้วยความนิยมที่มากขึ้นทำให้ทุกอย่างพัฒนาและไปข้างหน้า มีการก่อตั้งสโมสรอิสระและมีการรวมกับทางสโมสรมวยและสปอร์ต Wiesdorf ในปี ค.ศ. 1921 หลังจากนั้นเป็นต้นมากมีสโมสรกีฬา TUS 04 และ SVB รวมกัน

ช่วยเพิ่มเติมความน่าสนใจได้ยิ่งขึ้น ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1920 ถึง 1930 ทางสโมสรฟุตบอลไบเออร์ เลเวอร์คูเซินได้ลงแข่งขันในดิวิชัน 3 และ ดิวิชัน 4 ภายในประเทศ จนเมื่อถึงเวลาได้พัฒนาและเลื่อนลีกขึ้นไปสูงขึ้น กลายเป็นการลงแข่งขันในลีกดิวิชัน 2 เป็นครั้งแรกนั่นเอง จนกระทั่งการคว้าแชมป์รายการแรกก็มาถึง คว้าแชมป์ไรน์ดิสทริครีเลย์ 1 เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ กว่าที่จะขึ้นไปอยู่ในลีกสูงที่สุดได้ ก็ใช้เวลาในการเลื่อนอันดับลีกมานาน แต่ก็ถือว่าเป็นการขึ้นมาเป็นผู้ชนะได้อย่างน่าสนใจไม่น้อย จนมาถึงช่วงปี ค.ศ. 1963 เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าสนใจ และมีความท้าทายมากมาย

มีการพยายามที่จะลงแข่งขันในดิวิชัน 2 เพื่อที่จะขึ้นไปอยู่ในอันดับที่กว่าเดิม ในช่วงแรกของฤดูกาลอยู่ในอันดับล่างของตาราง แต่สุดท้ายแล้วก็สามารถจบในอันดับที่ 2 ของลีกได้สำเร็จ ช่วยให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น และเริ่มต้นเข้าสู่บุนเดสลีกาของจริง แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถที่จะรักษาผลงานที่ดีเอาไว้ได้ ทำให้พลาดท่าไปหลายนัดติดต่อกัน ในฤดูกาลต่อมาสามารถคว้าแชมป์รายการลีกสมาคมมิดเดิลไรน์ กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงและเลื่อนอันดับที่มุ่งสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม ความน่าสนใจในปี ค.ศ. 1975 เป็นอีกช่วงเวลาที่ไม่ได้น่าจดจำเท่าไหร่

เนื่องจากว่าต้องการคะแนนสูงมาก เสี่ยงกับการตกชั้นตลอดเวลา ทำให้ภาพรวมแล้วถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำนั่นเอง ในเวลานั้นมีจำนวนของสโมสรที่ลงแข่งขันถึง 20 ทีม และทางสโมสรจบในอันดับที่ 15 เรียกได้ว่าสุ่มเสี่ยงอย่างมากมายในการตกชั้น แต่ทว่าในอันดับดังกล่าวก็ยังถือว่ารอดพ้นได้อย่างน่าตกใจ และต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าที่จะพัฒนาความสามรถและขึ้นไปครองแชมป์บุนเดสลิกาที่ 2 การกลับมาในครั้งนี้ สามารถสร้างผลงานไม่แพ้ใครเลยในลีก 3 นัดติดต่อกัน และกลายเป็นการเลื่อนอันดับสู่บุนเดสลิกาได้สำเร็จนั่นเอง โดยความดีและความชอบที่ชัดเจนตกไปอยู่กับ วิลลิเบิร์ต เครเมอร์ เป็นผู้ฝึกสอนนักเตะมากมาย ช่วยพัฒนาและวางแผนในการทำทีม

เรียกได้ว่าทุกอย่างเริ่มต้นในทิศทางที่ควรจะเป็นมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1979 ช่วงแรกของการเริ่มต้นบุนเดสลิกา เรียกได้ว่าทุกอย่างเพิ่งจะพัฒนา และกลายมาเป็นมาตรฐานจนถึงทุกวันนี้ สโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน เริ่มต้นก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่วาดฝันเอาไว้ ต้องทำการต่อสู้และหนีการตกชั้นบ่อย สิ่งเหล่านี้บอกได้ว่าเส้นทางการขึ้นไปสู่ลีกสูงที่สุด ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยมีหลากหลายสโมสรที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกว่า และการรวมสโมสรทั้ง 2 ให้กลายเป็นสโมสรเดียว คือคำตอบที่เข้ามาเติมเต็มความสามารถ และผลงานที่ดีมากยิ่งขึ้น และการเข้ามาคุมทีม  เอริช ริบเบ็ค ช่วยให้สโมสรแห่งนี้มีผลงานและติดอันดับหัวตารางได้ ช่วยให้กลายเป็นอีกจุดเริ่มต้นของสโมสรในครั้งใหม่

ผลงานการแข่งขัน การคว้าแชมป์ ที่ผ่านมาในอดีตของสโสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน

เพิ่มเติมข้อมูลผลการแข่งขันและประวัติการคว้าแชมป์ จะช่วยให้แฟนบอลที่ไม่รู้จักสโมสรแห่งนี้ สามารถเข้าใจว่าระดับโลกที่แท้จริงมีความน่าสนใจอย่างไร เชื่อว่าทุกคนอ่านครบทั้งหมดแล้วจะเลือกติดตามและกลายเป็นแฟนบอลตัวจริงได้นั่นเอง เริ่มจากแชปม์บุนเดสลิกา 1 สมัยเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมานี่เอง การที่ลงแข่งขันในลีกชั้นนำมานาน แต่ไม่สามารถขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดได้ เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง การคว้าแชมป์ในปี ค.ศ. 2023-2024 และยังเป็นแชมป์แบบไร้การพ่ายแพ้ ส่งผลให้เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่

แต่ทว่าทางสโมสรเคยคว้ารองแชมป์รายนี้มาแล้วถึง 5 สมัยด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1996-1997 , 1998-1999 , 1999-2000 , 2001-2002 และ 2010-2011ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นพลาดท่าให้กับยอดสโมสรอย่างเสือใต้นั่นเอง ถือว่าเป็นสโมสรที่ครองแชมป์บุนเดสลิกามากที่สุดอีกด้วย รายการแข่งขันเดเอ็ฟเบ-โพคาล สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1992-1993 และ 2023-2024 เข้าสู่รอบรองชนเลิศได้ถึง 3 สมัยด้วยกันในปี ค.ศ. 2001-2002 , 2008-2009 และ 2019-2020 รายการแข่งขัน 2 บุนเดิสลีกา นอร์ท สามารถครองแชมป์ได้ 1 สมัย ในปี ค.ศ. 1978-1979 เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ

เคยเข้าไปชิงแชมป์แต่ได้แค่รองแชมป์ 1 สมัยเท่านั้น ในปี ค.ศ. 1993 มาถึงระดับยุโรป เรียกได้ว่าสโมสรแห่งนี้ก็มีผลงานที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด แต่ยังไม่สามารถครองแชมป์ได้สักรายการ เป็นอันดับที่ดีที่สุดเพียงแค่รอบรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 2001-2002 ยูฟ่าคัพ / ยูฟ่ายูโรปาลีก เป็นรายการแข่งขันที่รองลงมาก ซึ่งสามารถครองแชมป์ได้ 1 สมัย ในปี ค.ศ. 1978-1979 และเข้ารอบรองชนะเลิศ 1 ครั้งในปี 2023-2024 และทั้งหมดนี้คือรายการแชมป์และรอบลึกของสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน

สรุปภาพรวมการแข่งขันของสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน ในฤดูกาล 2023-2024

เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของทางสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน ที่สามารถขึ้นไปครองแชมป์สูงสุดภายในประเทศ และรวมไปถึงสร้างสถิติไม่แพ้ใครเลยตลอดฤดูกาล การกระทำในครั้งนี้ส่งผลให้อันดับสโมสรโลกเพิ่มสูงขึ้น การเข้ามาของผู้จัดการทีม ชาบี อลองโซ รวมไปถึงไม่ได้มีนักเตะซุปเปอร์สตาร์จำนวนมาก กลับกลายเป็นนักเตะดาวรุ่งมากมาย ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นอีกช่วงเวลาที่น่าจดจำของแฟนบอลทั่วโลก สำหรับสถิติการแข่งขันมีดังต่อไปนี้ เนื่องจากว่าทางบุนเดสลิกา มีจำนวนของสโมสรเพียงแค่ 18 ทีม ซึ่งจะแตกต่างกับทางสโมสรชั้นนำในยุโรปทั่วไปที่มีจำนวน 20 ทีม ทำให้มีจำนวนนัดของการแข่งขันที่แตกต่าง 34 นัด เท่านั้น แบ่งออกเป็นการเก็บชัยชนะถึง 28 นัด เสมอ 6 และแพ้ 0 นัด กล่าวได้ว่า เป็นผลงานที่สุดยอดอย่างแท้จริง มีผลต่างประตูได้เสียจำนวน 89 ประตู เสีย 24 ประตู มี 90 คะแนน ภาพรวมของสโมสรบอกได้ว่า ระหว่างการแข่งขันมีหลากหลายนัดที่เสี่ยงในการแพ้ แต่ช่วงเวลา 5 นาที สุดท้ายจะกลับมาได้ตลอดเวลา ต้องดูว่าในฤดูกาลต่อไปจะยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรที่ทำผลงานได้อย่างดีหรือไม่