กำปั้นไทยผงาด คว้า 4 เหรียญทองในศึกมวยไทยเยาวชนโลก ชวนแฟนเชียร์นักชกรอบสุดท้าย

ทีมมวยไทยเยาวชนสร้างชื่อก้องโลก หลังจากโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน มวยไทยเยาวชนชิงแชมป์โลก โดย วรพจน์ เพชรขุ้ม ฮีโร่โอลิมปิก ได้ส่งหลานสาวปัณฑิตา เพชรขุ้ม ขึ้นชกในรุ่นเยาวชน กวาด 4 เหรียญทองจาก 9 รุ่น พร้อมเชิญชวนแฟนมวยไทยติดตามการลุ้นเหรียญทองเพิ่มเติมในรอบชิงวันสุดท้าย

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

การแข่งขัน มวยไทยเยาวชนสมัครเล่นชิงแชมป์โลก “อิฟม่า ยูธ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2024” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-19 กันยายน 2567 ณ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน ในรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 18 กันยายน ทีมกำปั้นเยาวชนไทยสามารถคว้าไปได้ถึง 4 เหรียญทอง จากการแข่งขันทั้งหมด 9 รุ่น โดยมีอีก 5 รุ่นที่ได้เหรียญเงิน พร้อมกับการสนับสนุนจากแฟนๆ มวยที่เข้าชมงานอย่างคับคั่ง

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของวันแรกคือการแข่งขันในรุ่น 30 กิโลกรัมหญิง อายุ 10-11 ปี ที่ ปัณฑิตา เพชรขุ้ม หลานสาวแท้ๆ ของฮีโร่โอลิมปิกไทย วรพจน์ เพชรขุ้ม ทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะ เจสซิก้า มาร์ติเนซ จากสหรัฐฯ คว้าเหรียญทองไปครอง โดยปัณฑิตาให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันว่า รู้สึกดีใจอย่างมากที่คว้าแชมป์มาได้ และมีความฝันที่จะเดินตามรอยคุณลุง วรพจน์ เพชรขุ้ม ด้วยการขึ้นชิงชัยในเวทีระดับโอลิมปิก

ผลการแข่งขันในรุ่นอื่นๆ ทีมไทยสามารถคว้าเหรียญทองได้เพิ่มเติมจากรุ่น 52 กิโลกรัม ชาย อายุ 10-11 ปี เมื่อ ศุภเดช หวังมุ๊ เอาชนะ แอนเดรีย คาตามายเชย์ จากชาติเป็นกลางด้วยคะแนน 29-28 และในรุ่น 48 กิโลกรัม หญิง อายุ 10-11 ปี ชวัลณัฐ เครื่องคำ เอาชนะ ซามิยี คาเจห์ฮาส จากอิหร่าน ด้วยคะแนน 30-27 รวมถึงรุ่น 38 กิโลกรัม ชาย อายุ 12-13 ปี ที่ กฤษณะ หอยแก้ว หรือที่รู้จักกันในนาม “อัจฉริยะ อ.อู๊ดอุดร” เอาชนะ อเล็กซาเดอร์ เปเรเวเซนซีเยฟ นักชกจากชาติเป็นกลางด้วยคะแนน 30-27

ทางด้านอีก 5 นักชกไทยที่คว้าเหรียญเงินมาได้ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน แม้จะไม่ถึงแชมป์ โดย วิมพ์วิภา สัญจรโคกสูง พ่ายให้กับ อาเรียนน่า เชอรีปาโน่ จากคาซักสถานในรุ่น 50 กิโลกรัมหญิง และ ธนภัทร รัตนวิไล แพ้ให้กับ มิคฮาอิล ซูดาคอฟ ในรุ่น 50 กิโลกรัมชาย ทั้งสองคู่แพ้คะแนนอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายรุ่นที่นักชกไทยพ่ายแพ้ไปในวันเดียวกัน ทำให้การชิงเหรียญเงินยิ่งเต็มไปด้วยความเข้มข้น

ความเห็นจากผู้จัดการกีฬา IFMA ดร. ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ได้แสดงความชื่นชมถึงมาตรฐานการจัดงานของประเทศไทย โดยกล่าวว่า นี่คืออีกหนึ่งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการแสดงถึงความสำคัญของกีฬามวยไทยในฐานะศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย พร้อมทั้งยกย่องการเป็นเจ้าภาพที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหาร การขนส่ง รวมถึงมาตรการด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ การจัดงานยังส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย เมื่อครอบครัวนักมวยเยาวชนเดินทางมาแข่งขันและท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในประเทศไทยหลังจบการแข่งขัน

ทั้งนี้ ดร. ศักดิ์ชาย ยังเผยถึงแผนการพัฒนาในอนาคต โดยจะมีการจัดเวทีแข่งขันสำหรับนักมวยอายุ 14-15 ปีทุกสัปดาห์ พร้อมกับมอบทุนการศึกษาให้กับนักกีฬาที่มีผลงานโดดเด่น ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักมวยเยาวชนทั่วโลก และยังมีแนวคิดที่จะจัดการแข่งขันมวยไทยระดับสโมสร (Club) ในอนาคตอีกด้วย

สรุปผลการแข่งขันวันที่ 18 กันยายน: นักมวยไทยคว้า 4 เหรียญทอง และ 5 เหรียญเงิน ในรอบชิงชนะเลิศวันแรก และยังเหลือโอกาสลุ้นเหรียญทองเพิ่มเติมในวันที่ 19 กันยายนนี้

ติดตามมวยไทยอัพเดทก่อนใครที่ มวยสดบ้านกีฬา