หลังผ่านช่วงเวลาแห่งดรามาและความท้าทายยาวนาน พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์ กำปั้นชื่อดัง วัย 28 ปี ได้ฤกษ์คืนสังเวียนในศึก ONE ลุมพินี 83 หลังจากห่างหายไปนานเกือบสองปี เขากลับมาคราวนี้พร้อมมุ่งมั่นที่จะทวงคืนความยิ่งใหญ่ โดยมีโปรแกรมวัดฝีมือกับคู่แข่งแกร่งอย่าง ซิลวิอู วิเตซ นักสู้จากโรมาเนีย วัย 30 ปี ที่พร้อมสร้างแรงกระเพื่อมในวงการมวยไทยเช่นกัน ไฟต์นี้จะเป็นการดวลกันในกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม ณ สนามมวยเวทีลุมพินี โดยคู่แรกจะเริ่มเวลา 19.30 น.
สำหรับ พันธ์พยัคฆ์ ถือเป็นหนึ่งในนักชกมวยไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้ ด้วยการคว้าตำแหน่งยอดมวยไทยถึง 3 ปีซ้อน (พ.ศ. 2556-2558) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ เขาเคยคว้าแชมป์ทั้งที่สนามมวยเวทีราชดำเนินและสนามมวยเวทีลุมพินี จนได้รับการยอมรับในฐานะ “ยอดมวยฝีมือ” ที่หาคู่ชกเทียบเคียงได้ยาก ก้าวเข้าสู่เวที ONE Championship ครั้งแรกในปี 2561 และฝากผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยชัยชนะ 4 ไฟต์จาก 6 ครั้งที่ลงแข่งขัน
แม้จะมีสถิติการชกที่น่าประทับใจ แต่การกลับมาของเขาในไฟต์ล่าสุดในศึก ONE 164 เมื่อเดือนธันวาคม 2565 เขาต้องพ่ายแพ้คะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ให้กับ ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวตและแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต หลังจากนั้นก็ห่างหายจากสังเวียนไป ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนมวยเกี่ยวกับการปฏิเสธคู่ชก ซึ่งส่งผลให้ถูกปลดจากแรงกิงของ ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต แต่การกลับมาครั้งนี้ พันธ์พยัคฆ์ ตั้งใจจะกู้ชื่อเสียงและทวงตำแหน่งท็อปของเขากลับคืนมา
ทางด้าน ซิลวิอู วิเตซ นักชกชาวโรมาเนีย มีดีกรีไม่ธรรมดา เขาเคยคว้าแชมป์มวยไทยในหลายรายการ อาทิ แชมป์มวยไทยสเปน, แชมป์ ISKA, และ แชมป์ MTGP รวมถึงประสบความสำเร็จในสายคิกบ็อกซิ่ง ด้วยการคว้าแชมป์ WAKO-Pro World K-1 รุ่นไลต์เวตในเดือนสิงหาคม 2565 แม้ผลงานใน ONE ลุมพินี ของเขาจะยังไม่โดดเด่นนัก โดยชนะเพียง 1 ไฟต์จาก 5 ครั้งที่ขึ้นสังเวียน แต่สไตล์การต่อสู้อันดุเดือดของเขาทำให้ได้รับคำชมจากแฟนมวยมากมาย โดยเฉพาะในไฟต์ที่พ่ายให้กับนักชกไทยอย่าง ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ, เสกสรร อ.ขวัญเมือง, และ ก้องไกล ส.สมหมาย
การกลับมาครั้งนี้ของ พันธ์พยัคฆ์ จะเป็นการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าจะสามารถทวงบัลลังก์ในรุ่นฟลายเวตได้หรือไม่ ในขณะที่ ซิลวิอู ก็พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อคว้าชัยชนะและกู้ฟอร์มของตัวเอง ทั้งสองคนต่างมีความกระหายชัยชนะ และการปะทะกันครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่าคนที่พร้อมที่สุดจะได้รับชัยชนะไปครอง
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมได้ทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. นอกจากนี้ยังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่มเวลา 20.30 น. ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ทางเฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, เว็บไซต์ ONEFC.com และอินสตาแกรม ONEChampTh
ติดตามมวยไทยอัพเดทก่อนใครที่ มวยสดบ้านกีฬา
