อัปเดตอาการบาดเจ็บของเคอร์รี่
ข่าวร้ายสะเทือนแฟนบาสสาย เอ็นบีเอ เมื่อ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ การ์ดซูเปอร์สตาร์ของ โกลเด้น สเตต วอร์ริเออร์ส ต้องเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดหลังมีอาการต้นขาขวาช้ำและเหยียดตึง จากเกมบุกพ่าย ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์ 100-104 เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น อาการดังกล่าวทำให้ทีมต้องรีบส่งตัวเคอร์รี่เข้ารับการสแกนเอ็มอาร์ไอในเช้าวันพฤหัสบดีทันที เพื่อเช็กให้ชัดว่าเป็นเพียงอาการช้ำกล้ามเนื้อทั่วไป หรือมีปัญหาเชิงลึกที่เสี่ยงต่อการลากยาวกลายเป็นเดี้ยงเรื้อรัง
รายงานจาก ‘เอ็นบีซี สปอร์ตส์’ ระบุว่า ผลสแกนพบจุดปัญหาที่ต้นขาขวา ทีมแพทย์ของ วอร์ริเออร์ส จึงวินิจฉัยตรงกันว่าควรให้พักอย่างน้อย 7 วัน ก่อนนัดประเมินอาการอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป เพื่อดูว่ากล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดีแค่ไหน และพร้อมสำหรับการกลับมาซ้อมเบา ๆ หรือยังต้องยืดเวลาพักเพิ่ม
Steph Curry reportedly will miss the next few games, but it’s believed the Warriors star avoided a serious quad injury. https://t.co/xaLbvJwQDh
— Warriors on NBCS (@NBCSWarriors) November 27, 2025
พักอย่างน้อย 3 เกม แต่เสี่ยงยืดเวลา
ด้วยกรอบเวลาพักขั้นต่ำหนึ่งสัปดาห์ ทำให้การ์ดวัย 37 ปีรายนี้มีโอกาสชวดลงสนามอย่างน้อย 3 เกมแบบการันตี และแม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจะเขียนไว้เพียง “7 วัน” แต่ในความจริงแล้ว โอกาสที่เคอร์รี่จะต้องพักมากกว่านั้นถือว่าสูง เพราะหลังอาการบาดเจ็บดีขึ้น ยังต้องใช้เวลาเข้าสู่โปรแกรมฟื้นฟูสมรรถภาพ กลับมาระเบิดฟอร์มในระดับที่พร้อมเล่นจริงจังในเกมแข่งขัน ไม่ใช่แค่ยืนประคองตัวอยู่ในสนาม
สำหรับทีมที่พึ่งพาเกมรุกและแรงดึงดูดตัวประกบจากเคอร์รี่อย่างหนัก การหายไปแม้เพียงไม่กี่เกมก็ส่งผลทั้งเรื่องจังหวะการเล่น แพลนเกม และความมั่นใจของเพื่อนร่วมทีม เป็นช่วงเวลาที่สตาฟฟ์โค้ชต้องบริหารโรเตชั่นให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ทีมสะดุดยาวจนหลุดจากโมเมนตัมที่พอจะมีอยู่
เสียงในห้องแต่งตัว: บัตเลอร์ปกป้องเพื่อน ย้ำต้องรอให้พร้อมเต็มร้อย
แม้จะเป็นข่าวร้าย แต่เพื่อนร่วมทีมยังคงให้การสนับสนุนตัวเคอร์รี่อย่างเต็มที่ โดย จิมมี่ บัตเลอร์ ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาถึงสถานการณ์นี้ว่า
“ไม่มีใครอยากเจ็บตัวโดยเฉพาะหมอนั่น” ทีมเมต จิมมี่ บัตเลอร์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ เคอร์รี่
“แน่นอนว่าเราพยายามเต็มที่เท่าที่เขาทำไหว แต่เราต้องการให้เขามีสภาพเหมาะสมเสียก่อน เพื่อที่ทีมจะได้มีโอกาสดีที่สุดไปถึงความยิ่งใหญ่”
“ผมคิดว่าเราสามารถรักษาความได้เปรียบนี้ไว้ได้สักสองสามวัน”
คำพูดเหล่านี้สะท้อนชัดว่า ห้องแต่งตัวของ วอร์ริเออร์ส ยังยืนข้างเคอร์รี่แบบเต็มตัว ไม่มีการเร่งให้รีบกลับมาแบบฝืนสภาพร่างกาย เพราะทุกคนรู้ดีว่าหากเสี่ยงเกินไป อาจต้องแลกด้วยอาการเจ็บที่หนักกว่าเดิม และกระทบต่อเส้นทางทั้งฤดูกาล
เกมรับคือโจทย์ใหญ่ของวอร์ริเออร์ส
นอกจากเรื่องอาการของเคอร์รี่แล้ว ประเด็นเกมรับก็เป็นอีกจุดที่โดนจับตามองอย่างหนัก บัตเลอร์เองก็ไม่ปิดบังมุมมองนี้ โดยให้สัมภาษณ์ต่อว่า ทีมต้องยกระดับการเล่นเกมรับร่วมกันให้มากกว่าเดิม
บัตเลอร์ ยังพูดถึงการเล่นเกมป้องกันของ วอร์ริเออร์ส ที่ต้องช่วยกันให้มากกว่านี้
“ผมไม่ห่วงเรื่องเกมรุกของเรา แต่เราจำเป็นต้องป้องกันคู่แข่งให้แน่นขึ้น” ปีกมากประสบการณ์เสริม
“เราเป็นทีมทำแต้มได้ดี แต่ถามผมก็ไม่อยากสักแตะจะบุก หากไม่ปั้นโอกาสไปสวยๆเสียก่อนหรือละเลยการเล่นป้องกันเวลาไม่ได้ครองบอล”
“ก็จะเล่นแบบเดิม แต่เราต้องช่วยกันป้องกันด้วย”
ตัวเลขก็สะท้อนปัญหาเดียวกัน วอร์ริเออร์ส ทำแต้มเฉลี่ยได้ 115.1 แต้มต่อเกม แต่ก็เสียถึง 114.5 แต้มต่อเกมเช่นกัน หมายความว่าพวกเขาแทบไม่ได้ทิ้งขาดคู่แข่งในเชิงป้องกันเลย หากเกมรุกสะดุดแม้เพียงนิดเดียว ผลการแข่งขันก็พร้อมจะพลิกทันที ซึ่งยิ่งน่าห่วงเมื่อขาดคนที่เป็นหัวใจทั้งเกมรุกและการดึงตัวประกบอย่างเคอร์รี่
มุมมองยาวๆ สำหรับแฟนกีฬาไทย
สำหรับแฟนบาสและแฟนกีฬาไทยโดยรวม อาการบาดเจ็บแบบ “ต้นขาช้ำ-เหยียดตึง” เป็นเคสที่เราเห็นกันบ่อยในแทบทุกชนิดกีฬา ทั้งในสนามบาส สนามฟุตบอล หรือแม้แต่มวยไทย จุดสำคัญคือการบริหารเวลาให้ร่างกายได้พักอย่างพอเหมาะ ควบคู่กับการฟื้นฟูที่ถูกวิธี ไม่เร่งเกมคัมแบ็กเพียงเพราะทีมกำลังลุ้นผลการแข่งขัน เพราะหากฝืนจนกลายเป็นอาการเจ็บเรื้อรัง สุดท้ายทีมจะเสียมากกว่าได้ ทั้งในมุมผลงานและสภาพจิตใจของเพื่อนร่วมทีม
ในระดับลีกที่แข่งถี่อย่างเอ็นบีเอ โปรแกรมต่อเนื่องแทบทุก 1-2 วัน การจัดการภาระร่างกายของสตาร์ตัวหลักจึงยิ่งสำคัญ ทีมที่บริหารฟิตเนสและโรเตชั่นได้ดี มักอยู่ในเส้นทางลุ้นความสำเร็จยาว ๆ ส่วนทีมที่ปล่อยให้นักกีฬาฝืนเกินลิมิต ก็มักต้องมาจ่ายดอกเบี้ยแพงในช่วงปลายซีซั่น ซึ่งเคสของเคอร์รี่ในครั้งนี้จึงเป็นตัวอย่างชัดว่าทีมเลือกเซฟระยะยาวมากกว่าจะแค่เอาชนะในช่วงสั้น ๆ
สถานการณ์ต่อจากนี้ของวอร์ริเออร์ส
เมื่อหัวใจเกมรุกต้องพักอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ภาพรวมของ วอร์ริเออร์ส ต่อจากนี้คือการพิสูจน์ตัวเองของขุมกำลังที่เหลือ ว่าใครจะก้าวขึ้นมารับผิดชอบเกมรุกแทนเคอร์รี่ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การยกระดับเกมรับทั้งทีมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เพื่อชดเชยแต้มที่อาจหายไปจากการไม่มีซูเปอร์สตาร์คนเดิมยืนในสนาม
ถ้าทีมสามารถผ่านช่วงที่ไม่มีเคอร์รี่ไปได้แบบไม่เสียหายมากนัก เมื่อเจ้าตัวกลับมาฟิตเต็มถังอีกครั้ง วอร์ริเออร์ส ก็ยังมีโอกาสยืนระยะ ลุ้นเส้นทางสู่ความสำเร็จในซีซั่นนี้ได้เต็มที่ ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสตาฟฟ์โค้ชและนักเตะจะรับมือกับบททดสอบช่วงสั้น ๆ นี้อย่างไร
แฟนกีฬาและสาวก วอร์ริเออร์ส ที่อยากตามทุกจังหวะของโลกยัดห่วง รวมถึงข่าวเด็ดจากทุกชนิดกีฬา อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ บาสสดบ้านกีฬา
