กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สะเทือนทั้งวงการแบดมินตันไทย เมื่อสองดาวรุ่ง มิกซ์ รัชพล มรรคศศิธร และ หว่าหวา นัทธมน ไล้สวน เจ้าของตำแหน่ง แชมป์ประเทศไทย 2024 กลับ “ไร้ชื่อ” ในทีมชาติไทยชุดลุยศึกซีเกมส์ ทั้งที่ตามกติกาเดิม “แชมป์ประเทศไทย” ควรได้รับสิทธิ์ติดทีมชาติอัตโนมัติ ความเคลื่อนไหวต่อเนื่องหลายเดือนที่ผ่านมา กลายเป็นไทม์ไลน์แห่งการเรียกร้องความยุติธรรมที่แฟนกีฬาไทยกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด
จุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากการแข่งขัน ชิงแชมป์ประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2024 ที่สนามแบดมินตันในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นการจับคู่ลงแข่งรายการแรกของ “มิกซ์-หว่าหวา” ทั้งคู่มาจากต่างสโมสร — มิกซ์จาก JELE SBU ส่วนหว่าหวาอยู่สังกัด บ้านทองหยอด และไม่เคยซ้อมร่วมกันมาก่อน แต่กลับสร้างปรากฏการณ์พลิกวงการ เมื่อจับคู่กันเฉียบขาด คว้าแชมป์ประเทศไทยได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะคู่ของ ไตเติ้ล รุษฐนภัค อูปทอง และ เจน เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ ไปแบบขาดลอย 2-0 เกม
ชัยชนะครั้งนั้นไม่เพียงยืนยันถึงศักยภาพของสองนักตบลูกขนไก่รุ่นใหม่ แต่ยังทำให้ทั้งประเทศเริ่มคาดหวังจะได้เห็นพวกเขาในชุดทีมชาติไทยเต็มตัว
จากแชมป์สู่การถูก “เมิน”
หลังจากคว้าแชมป์ประเทศ ทั้งคู่ได้รับโอกาสรับใช้ชาติในรายการ ชิงแชมป์เอเชีย 2025 แต่กลับ “ไม่มีชื่อ” ในทีมชาติชุดลุย Sudirman Cup หรือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่จะจัดขึ้นในปีเดียวกัน ซึ่งสร้างความไม่เข้าใจให้กับทั้งแฟนกีฬาและนักกีฬาด้วยกันเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “มิกซ์” ถูกถอดชื่อออกจากสมาคมทันทีหลังคว้าแชมป์ ตามคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวว่า “ถูกไล่ออกโดยไม่ชอบธรรม” ขณะที่ทางสมาคมฯ ชี้แจงว่า มิกซ์อยู่ภายใต้สังกัดสมาคมมานานกว่า 7-8 ปี แต่ไม่ผ่านการประเมินของทีมโค้ชในรอบล่าสุด ก่อนจะกลับมาซ้อมกับทีมชาติช่วงสั้นๆ เพียง 2-3 สัปดาห์ก่อนแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย
ประเด็นใหญ่: “สิทธิ์ของแชมป์ประเทศไทยหายไปไหน?”
ต้นเหตุของดราม่าครั้งนี้มาจากการ “เปลี่ยนระเบียบ” ภายในสมาคม โดยเดิมตามข้อบังคับปี 2560 ระบุไว้ชัดเจนว่า นักกีฬาที่ชนะเลิศ ชิงแชมป์ประเทศไทย จะได้รับสิทธิ์คัดตัวทีมชาติเป็นอันดับแรกเหนือผู้มีอันดับโลก
“ตามระเบียนข้อที่ 1 ภายใต้ระเบียบข้อบังคับของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การคัดเลือกตัวนักกีฬาทีมชาติ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2560)…
- ชนะเลิศรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งล่าสุด
- มีอันดับโลกอยู่ในลำดับที่ 1–20”
แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 สมาคมได้ประกาศระเบียบฉบับใหม่ (ครั้งที่ 5) โดยเปลี่ยนเกณฑ์ให้ “อันดับโลก” กลายเป็นปัจจัยอันดับแรก ส่วนแชมป์ประเทศไทยถูกลดลำดับความสำคัญลงมาเป็นอันดับสอง
“1. มีอันดับโลกอยู่ระหว่าง 1–32
2. ได้รับรางวัลชนะเลิศรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งล่าสุด”
มิกซ์ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 กันยายน ว่า การนำระเบียบใหม่นี้มาใช้ย้อนหลังถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม พร้อมขอให้สมาคมทบทวนการตัดสิน และแต่งตั้งคณะกรรมการกลางอิสระเพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างโปร่งใส
สมาคมฯ ชี้แจงทันควัน
หลังจากโพสต์ของมิกซ์กลายเป็นกระแสใหญ่ในโลกออนไลน์ สมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ได้ออกแถลงชี้แจงในวันที่ 19 กันยายน โดยยืนยันว่า ทั้ง “มิกซ์-หว่าหวา” เคยมีชื่ออยู่ในทีมชาติไทยจริง และได้รับเงินค่าเบี้ยเลี้ยง 27,000 บาทต่อเดือนจากโครงการเก็บตัวนักกีฬาทีมชาติ รวมถึงได้ลงแข่งขันใน ทีมผสมชิงแชมป์เอเชีย 2025 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากการแข่งขันดังกล่าว สมาคมฯ ได้ปรับใช้ระเบียบใหม่ในการพิจารณาเลือกนักกีฬาลงรายการต่อไป เช่น Sudirman Cup และ ซีเกมส์ โดยอ้างว่าใช้เกณฑ์ “อันดับโลก + ผลงานในทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์” เป็นหลัก และชี้ว่าผลงานของมิกซ์-หว่าหวา “ไม่ผ่านเกณฑ์” เพราะตกรอบเร็วเมื่อเทียบกับคู่อื่น
ปมร้อนลุกลามถึงรัฐมนตรี
เรื่องราวไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เมื่อชื่อของ “มิกซ์-หว่าหวา” ถูกกล่าวถึงอีกครั้งในการแถลงข่าวของ “หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์” ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ทำให้กรณีนี้กลับมาสู่กระแสสังคมอีกครั้งอย่างรุนแรง
ทั้งสองพยายามเจรจากับสมาคมเพื่อหาทางออก โดยเสนอแนวทางเยียวยา เช่น ขอการสนับสนุนในการส่งแข่งขันในรายการระดับนานาชาติ 12-15 รายการต่อปี แต่สมาคมตอบปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า “เป็นจำนวนมากเกินไป”
สุดท้าย เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล “มิกซ์” ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ว่าจะ ยื่นฟ้องสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ผ่านการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ทั้งคู่ได้เดินทางไปยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการ
กกท. รับเรื่องเข้าตรวจสอบ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กกท. รับเรื่องร้องเรียนจากทั้งคู่ และประกาศตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมระบุว่า “เห็นด้วยกับการเรียกร้องของมิกซ์และหว่าหวา” และจะเรียกสมาคมแบดมินตันเข้าชี้แจงโดยตรงในลำดับถัดไป
บทสรุปของดราม่า “มิกซ์-หว่าหวา”
- รอดูบทบาทของ กกท. ว่าจะสามารถเจรจาและคลี่คลายสถานการณ์ให้จบลงด้วยความเป็นธรรม เหมือนกรณี “หมิว พรปวีณ์” ได้หรือไม่
- ระเบียบใหม่ของสมาคมฯ จะทำให้ “แชมป์ประเทศไทย” หมดสิทธิ์อัตโนมัติในการติดทีมชาติอีกต่อไป โดยให้น้ำหนัก “อันดับโลก” มากกว่า
- หากทั้งคู่ได้สิทธิ์ซีเกมส์ในอนาคต ก็ต้องลุ้นว่าจะถูกส่งลงแข่งประเภทบุคคลหรือทีม และจะสร้างผลงานได้โดดเด่นเพียงใด
มุมมองในระยะยาวของวงการแบดมินตันไทย
กรณีของมิกซ์-หว่าหวา กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบในวงการกีฬาไทย ทั้งเรื่อง “ระเบียบการคัดเลือก” และ “ความโปร่งใสในการบริหารสมาคมกีฬา” ซึ่งหากไม่ถูกแก้ไขอย่างจริงจัง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักกีฬาเยาวชนที่ตั้งใจจะเดินบนเส้นทางทีมชาติ
การปฏิรูประบบคัดเลือกให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ความสำคัญกับผลงานจริงในสนามมากกว่าการตีความตามระเบียบ จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแบดมินตันไทยให้เติบโตต่อไปอย่างมั่นคงในเวทีโลก
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของนักแบดมินตันไทย และประเด็นร้อนในวงการกีฬาได้ที่ แบดมินตันสดบ้านกีฬา

