โคโลญจน์ ทีมใหญ่ที่เคยคว้าแชมป์ กลายมาสู่ทีมท้ายตารางที่กำลังดิ้นหนีการตกชั้น

สโมสรฟุตบอลโคโลญจน์ หรือ Fußball-Club Köln 01/07 e.V. โดย FC ของทีมมักเรียกตัวเองว่า Effzeh เป็นสโมสรกีฬาที่มีฐานแฟนคลับและสนามอยู่ในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี โดยมีสมาชิกสโมสรมากถึง 138,000 คน ถือเป็นสโมสรกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง อยู่อันดับที่ 7 ในเยอรมนี และอันดับที่ 12 ของโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1899 โดยเป็นการควบรวมสโมสรฟุตบอล 2 แห่งด้วยกัน คือ Kölner BC 01 และ SpVgg Sülz 07 FC Köln เป็นแชมป์เยอรมันในลีกใหญ่มาถึง 3 ครั้ง ชนะการแข่งขัน DFB-Pokal หรือ German Cup ถึง 4 ครั้ง เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ UEFA Cup ในปี ค.ศ. 1986 และเข้ารอบรองชนะเลิศ UEFA Europa League ถึง 8 ครั้ง เอฟซี โคโลญจน์ จึงถือเป็นสโมสรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีอิทธิพลอย่างมากในวงการฟุตบอลเยอรมัน

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของสโมสรโคโลญจน์

เอฟซี โคโลญจน์ เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งบุนเดสลีกา และอยู่ในลีกสูงสุดของเยอรมันมาเป็นเวลา 35 ปี สโมสรแห่งนี้ประสบกับความพ่ายแพ้หลายครั้ง จนเข้าสู่การตกชั้นไปบุนเดสลีกา 2 ในฤดูกาล 2023-2024 โดยตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2002 เป็นต้นมา แผนกฟุตบอลอาชีพ รวมถึงทีม U21, U19 และ U17 ได้ถูกแยกออกเป็น FC Köln GmbH & Co. KGaA ซึ่งเป็นสมาคมที่ได้จดทะเบียนผู้ถือหุ้น 100% ด้วยมูลค่า 2.5 ล้านยูโร ใน KGaA สมาคมเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียวของหุ้นส่วนทั่วไปที่ได้รับอนุญาตให้จัดการและรับผิดชอบอย่างเต็มที่

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สโมสรฟุตบอลหลายแห่งในโคโลญจน์ถูกรวมเข้าด้วยกัน เช่น VfL Köln 1899, VfR Köln 04 rrh (ต่อมาคือ FC Viktoria Köln), SpVgg Sülz 07 และ Kölner BC 01 สโมสรเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นทีมระดับเขต ไม่มีทีมใดแข็งแกร่งพอที่จะแข่งขันกับทีมที่โดดเด่นจากพื้นที่ Ruhr หรือเยอรมนีตอนใต้ได้ ตั้งแต่ปี 1903-1933 สโมสรในเมืองโคโลญจน์สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันชิงแชมป์เยอรมันตะวันตก ได้เพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น รวมถึง Cologne BC 01 ในปี 1912 และ SpVgg Sülz 07 ในปี 1928 โดยทั้ง 2 ครั้ง เข้าถึงรอบรองชนะเลิศของการแข่งขันชิงแชมป์เยอรมันเท่านั้น

ตั้งแต่ปี 1933-1944 Gauliga Mittelrhein เป็นดิวิชั่นสูงสุด โดยมีโอกาสแข่งขันกับทีมจาก Aachen, Trier หรือ Koblenz แต่สโมสรในเมืองโคโลญจน์ มักจะทำผลงานได้ไม่ดีในรอบสุดท้าย โดยมีทั้ง Kölner BC 01 และ SpVgg สโมสรฟุตบอลโคโลญจน์ 1901 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Kölner BC 01 ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1901 โดยสมาชิกของสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียโคโลญจน์ ซึ่งเกิดจากการไม่พอใจกับการก่อตั้งสโมสร ในฤดูกาลเปิดตัวปี 1902-1903 สโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขัน Cologne District Championship และจบอันดับที่ 3 ในช่วงแรก เกมการแข่งขันจัดขึ้นที่ Mülheimer Heide ใน Riehl และ Volkswiese ในป่าของเมืองก่อนที่จะย้ายไปที่ Platz an der Vitalisstrasse ใน Müngersdorf ปี 1904

แต่สถานที่จัดงานยังคงเปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งปี 1907 เมื่อมีการค้นพบสถานที่จัดเกมเหย้าแบบถาวรใน Sülz ใกล้กับ Geißbockheim โดยสโมสรประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งกลางตารางของการแข่งขัน Cologne District Championship และต่อมาในเขต South Rhine District ซึ่งมีสโมสรเข้าร่วม 5-7 แห่ง ก็มักถูกมองข้ามในการแข่งขัน แต่ก็มาได้ตำแหน่งที่ดีที่สุด คือ ในรุ่นสุดท้ายของลีกระดับเขตปี 1908-1909 เมื่อสโมสรจบอันดับที่ 2 เมื่อ Western German Game Association ก่อตั้งลีกใหม่สำหรับฤดูกาล 1909-1910 สโมสร Cologne BC จึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของการแข่งขัน

โดยจบอันดับ 3 ของลีก และยังเป็นการแข่งขันกับสโมสรนอกเขตเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยมีกองหลังตัวหลักอย่างโรเบิร์ต เฮนเซล ซึ่งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2453 กลายเป็นผู้เล่นโคโลญจน์คนแรกที่ถูกเรียกตัวให้ติดทีมชาติเยอรมนี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1948 สโมสร SpVgg Sülz 07 ก็ได้บรรลุจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อสมาชิก 121 คน จากทั้งหมด 156 คน ลงมติเห็นชอบให้ควบรวมกิจการกับ Cologne BC ในเวลาเดียวกัน FC Köln ได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการที่ Roggendorf ใน Sülz  (188 Luxemburger Strasse) Franz Kremer ได้รับเลือกให้เป็นประธานคนแรกของสโมสร และดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลาถึง 19 ปี จนกระทั่งเขาเสียชีวิต โดยที่ยังคงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของสโมสรมาตลอด

ผลงานการแข่งขันในอดีตถึงปัจจุบัน ของสโมสรโคโลญจน์

สำหรับปีแรกหลังการควบรวมกิจการ ผลงานของ FC Köln ก็โดดเด่นมาก หลังจากก่อตั้งและรวมกันได้อย่างรวดเร็ว สโมสรก็ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ที่ 3 ในตารางคะแนนโอเบอร์ลิกาเวสต์ ซึ่งเป็นดิวิชั่นสูงสุดของทีมในเยอรมนีตะวันตก ตลอดช่วงทศวรรษได้เป็นแชมป์โอเบอร์ลิกาเป็นครั้งแรกในปี 1954 สโมสรจึงโดดเด่นในยุคนั้นมาก ด้วยความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและประธานที่มีวิสัยทัศน์อย่างฟรานซ์ เครเมอร์ ซึ่งมองเห็นการเติบโตของความเป็นมืออาชีพในวงการฟุตบอล ภายใต้การชี้นำของประธานคนนี้ สโมสรได้ปรับตัวและพัฒนามาตลอด

จนวางตำแหน่งสำคัญในวงการให้กับทีมของตัวเองได้สำเร็จ เอฟซี โคโลญจน์ เริ่มประสบความสำเร็จบนเวทีระดับประเทศในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ซึ่งตรงกับช่วงที่ก่อตั้งบุนเดสลีกาพอดี แต่ในช่วงทศวรรษ 1950 สโมสรแห่งนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด จากสโมสรขนาดใหญ่ทางตอนเหนือและใต้ของเยอรมนี เพียง 2 วันหลังจากก่อตั้งเอฟซี โคโลญจน์ ได้ลงเล่นเกมแรกต่อหน้าผู้ชมในโซลสต็อก แล้วเอาชนะทีม SuS Nippes 12 ไปด้วยคะแนน 8-2 จากนั้นสโมสรก็ได้เข้ามาแทนที่ทีม SpVgg Sülz 07 ในลีกระดับรองของไรน์แลนด์ แม้ว่าจะต่อสู้อย่างสูสีกับทีม Rhenania Würselen แต่สุดท้ายเอฟซี โคโลญจน์ ก็ไม่สามารถผ่านเข้ารอบได้

หลังจากผ่านไป 2 เกม ในฤดูกาล 1948-1949 สโมสรก้ได้มาสร้างชื่อในลีก Oberliga West ด้วยผู้เล่นที่โดดเด่นคนหนึ่งในช่วงเวลานั้น คือ  Hennes Weisweiler ซึ่งครองสถิติสโมสรด้วยจำนวนประตูที่ทำได้มากที่สุด 304 ประตู ต่อมา Weisweiler ได้เป็นทั้งผู้เล่นและโค้ชให้กับสโมสร FC Köln และนำทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดด้วยสถิติที่น่าประทับใจ โดยเกมตัดสินชี้ขาดกับ Bayer 04 Leverkusen จบลงด้วยชัยชนะ 2-0 ทำให้สโมสร FC Köln เลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จ ฤดูกาลนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของสโมสร ด้วยระยะเวลาถึง 49 ปีติดต่อกันที่สโมสร FC Cologne ยังคงอยู่ในลีกระดับสูงสุด

จนกระทั่งตกชั้นจากบุนเดสลีกาในปี 1998 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ก็ถือเป็นสโมสรระดับสูงสุดของเมืองโคโลญจน์ ในแง่ของตำแหน่งลีก ฤดูกาล 1953-1954 เป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในประวัติศาสตร์อันสั้นของสโมสร  ด้วยการคว้าแชมป์ West German Cup ซึ่งทำให้สามารถผ่านเข้าไปเล่น DFB Cup ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งในเวลานั้นทีมได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยผู้เล่นคนสำคัยอย่าง Hans Graf, Georg Stollenwerk และ Herbert Dörner เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ หลังจากเอาชนะ BFC Viktoria 1889 และ Hamburger SV ในรอบรองชนะเลิศ เป็นแมตช์ประวัติศาสตร์ที่แพ้ให้กับ FC Stuttgarter Kickers 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

รอบชิงชนะเลิศที่ Ludwigshafen ในลีกสูงสุด โดยแข่งขันเพื่อชิงแชมป์กับเอฟซี ชาลเก้ 04 และร็อต-ไวส์ เอสเซ่น ในที่สุด เอฟซี โคโลญจน์ก็คว้าชัยชนะและคว้าแชมป์เยอรมันตะวันตกได้เป็นครั้งแรก ในรอบสุดท้ายของการแข่งขันชิงแชมป์เยอรมัน ต้องเผชิญหน้ากับไกเซอร์สเลาเทิร์นและแฟรงก์เฟิร์ต สามารถเอาชนะแฟรงก์เฟิร์ต 3-2 แต่แพ้ไกเซอร์สเลาเทิร์น 3-4 ในเกมชี้ขาด เพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยนอกสนาม เอฟซี โคโลญจน์ยังคงพัฒนาต่อไป แต่แม้ว่า FC Köln จะคว้าแชมป์มาแล้วหลายสมัย ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่มีเพียงแชมป์เดียวเท่านั้นที่โดดเด่น ช่วงทศวรรษ 1980 เกิดขึ้นในปี 1983 ด้วยการคว้าแชมป์ DFB-Pokal ซึ่งถือเป็นแชมป์ครั้งเดียวของในทศวรรษนั้น

แต่ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญของบุนเดสลีกา โดยติดสโมสร 3 อันดับแรกมาโดยตลอด ได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ 3 ครั้ง และผ่านเข้ารอบยูฟ่าคัพได้ 2 ครั้ง ความสำเร็จสูงสุดของสโมสรคือการแข่งขันระดับยุโรป เกิดขึ้นในฤดูกาล 1980-1981 เมื่อเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่าคัพ ด้วยการเพิ่มผู้เล่นใหม่  เช่น นอร์เบิร์ต เอเดอร์ และฟรานซ์-โจเซฟ ฮาร์ทซ์ รวมถึงการมาของโค้ชคนใหม่อย่างรินุส มิเชลส์ สโมสรเอฟซี โคโลญจน์จึงสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่ 6 หลังจากผ่าน IA Akranes ได้อย่างมั่นใจในรอบแรก จากนั้นก็มีผลงานที่น่าทึ่งในประวัติศาสตร์ของยูฟ่าคัพในรอบที่ 2 โดยคู่แข่งของทีมช่วงเวลานั้นที่ถือว่าน่าเกรงขามมาก คือ บาร์เซโลน่า แชมป์สเปน 9 สมัย

โคโลญจน์ก็เอาชนะบาร์เซโลน่ามาได้ถึง 4-0 ในนัดที่ 2 หลังจากแพ้ 0-1 ในนัดแรก แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีม ศักยภาพในการจัดการทีม และความมุ่งมั่นของทุกคน ส่วนในรอบก่อนรองชนะเลิศ ต้องเผชิญหน้ากับสโมสร VfB Stuttgart แล้วได้รับชัยชนะด้วยฟอร์มการเล่นอันน่าประทับใจ ส่วนในรอบรองชนะเลิศกับสโมสร Standard Liège ต้องต่อสู้อย่างหนัก แต่ก็สามารถคว้าตำแหน่งในรอบชิงชนะเลิศมาได้ ด้วยการจบสกอร์รวม 3-2 อย่างไรก็ตาม ในรอบชิงชนะเลิศกับ Ipswich Town กลับไปพ่ายแพ้ 0-1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการแข่งขันภายในประเทศ  ผลงานในบุนเดสลีกาจึงถือว่ายังน่าผิดหวัง

โดยจบได้เพียงอันดับที่ 8 เท่านั้น ซึ่งเป็นผลงานที่แย่ที่สุด นับตั้งแต่ฤดูกาล 1970-1971 ส่งผลให้เอฟซี โคโลญจน์ ต้องเสียตำแหน่งสูงสุดในตารางคะแนนบุนเดสลีกาให้กับบาเยิร์น มิวนิกไปโดยปริยาย และแม้จะประสบกับความล้มเหลวหลายครั้ง แต่เอฟซี โคโลญจน์ก็ยังคงแข่งขันในเดเอฟเบ โพคาลต่อไป โดยเข้าถึงรอบที่ 2 พร้อมการกลับมาสู่ระดับลีกสูงสุดได้อีกครั้ง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย เพราะสโมสรยังคงอยู่ในอันดับท้ายตารางที่เสี่ยงต่อการตกชั่นได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่ายังคงเป็นสถานการณ์ที่น่าลำบากใจพอสมควร

สรุปสถานการณ์การแข่งขันของโสมสรโคโลญจน์ ในฤดูกาล 2023-2024

ถ้าพูดถึงสภาพทีมโดยรวมในฤดูกาลล่าสุด 2023-2023 ของสโมสรโคโลญจน์ เป็นสิ่งที่แฟนบอลอาจต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน  เนื่องจากการลงแข่ง 34 นัด ทำไปได้เพียง 27 คะแนน และต้องตกชั้นลงไปแข่งขันในลีกรอง ถือว่าคะแนนระดับนี้ไม่สามารถที่จะเรียกคำว่ามีลุ้นได้ และผลประตูได้/เสียยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เริ่มจากสามารถชนะได้เพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น เสมอไปถึง 12 และแพ้ไปถึง 17 ส่งผลให้ไม่สามารถทำคะแนนได้เลย ผลต่างประตูได้/เสียยิงได้ 28 แต่กลับเสีย 60  ติดลบไป 32 ลูก ถ้าพูดในภาพรวมสโมสรที่เคยมีมาตรฐานและมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ต้องมาเจอกับวิกฤตที่มากมาย ทำให้ภาพรวมและผลงานไม่ดีไปตามที่แฟนบอลต้องการ ซึ่งเมื่อต้องตกชั้นลงไปในครั้งนี้ อาจจะเป็นข้อดีของสโมสรที่จะสามารถพัฒนาให้กลับขึ้นมาสู่ระดับสูงสุดได้อีกครั้ง เรื่องนี้แฟนบอลขสโมสรก็อาจต้องลุ้นกันต่อไป