เฟาเอฟแอล โบคุ่ม ทีมแห่งตำนานที่ฝ่าฟันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

VfL Bochum หรือ เฟาเอฟแอล โบคุ่ม ก่อตั้งขึ้นในปี 1848 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bochum Football Department Limited เป็นสโมสรฟุตบอลของเยอรมนีที่มีฐานแฟนคลับและผู้สนับสนุนอยู่ในเมืองโบชุม นอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ปัจจุบันแข่งขันในระดับลีกใหญ่ที่สุดอย่างบุนเดสลีกา หลังจากเลื่อนชั้นมาจากบุนเดสลีกา 2 ในฤดูกาล 2020-21 โดยก่อนหน้านี้เล่นในบุนเดิสลีกาเยอรมันรวมแล้วถึง 34 ฤดูกาล

ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของสโมสรเฟาเอฟแอล โบคุ่ม

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

VfL Bochum เป็นสโมสรกีฬาที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1848 ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ Märkischer Sprecher สโมสรนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในชื่อ Turnverein zu Bochum เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1849 แต่ถูกยุบและสั่งห้ามไม่ให้ลงแข่งขัน โดยหน่วยงานระดับจังหวัดของปรัสเซีย ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1851 แต่ทางสโมสรเฟาเอฟแอล โบคุ่ม ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1860 ในชื่อ Turnverein zu Bochum, Gegründet 1848 และต่อมาได้ก่อตั้งแผนกฟุตบอลในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1911

ช่วงวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1919 จากนั้นสโมสรได้ควบรวมกิจการกับ Spiel und Sport 08 Bochum ให้เป็น Turn- und Sportverein Bochum 1848 หลังจากการควบรวมกิจการอีกครั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1924 สโมสรได้แยกออกเป็น Bochumer Turnverein 1848 แผนกยิมนาสติก และ Turn- und Sportverein Bochum 1908 แผนกฟุตบอล แฮนด์บอล ฮอกกี้ และเทนนิส แต่ระบอบนาซีในยุคนั้นบังคับให้ Bochumer Turnverein 1848 รวมเข้ากับ Turn- und Sport Bochum 1908 และ Sportverein Germania Vorwärts Bochum 1906 เพื่อก่อตั้ง VfL Bochum ในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 14 เมษายน 1938

แม้จะเผชิญความท้าทายต่าง ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอย่างหลากหลาย รวมถึงการขาดแคลนผู้เล่น ปัญหาการเดินทาง และความเสียหายต่อสนามฟุตบอลจากการโจมตีกันในช่วงสงคราม แต่ VfL ก็ยังคงสามารถแข่งขันในลีกสูงสุดได้ ในฐานะส่วนหนึ่งของ Gauliga Westfalen ช่วงสงครามทางทีมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Kriegsspielgemeinschaft VfL 1848/ Preußen Bochum ร่วมกับ Preußen 07 Bochum ก่อนที่จะกลับมาเป็นทีมแยกกันหลังสงครามเส็จสิ้น แม้ทั้ง 2 ทีมจะสามารถจัดทีมที่มีขีดความสามารถดีมาลงแข่งขันได้ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่ยากลำบาก โดยเฉพาะจาก Schalke 04 ซึ่งถือเป็นทีมที่โดดเด่นมากในขณะนั้น

ผลงานการแข่งขันในอดีตถึงปัจจุบัน ของสโมสรเฟาเอฟแอล โบคุ่ม

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สโมสรฟุตบอลเฟาเอฟแอล โบคุ่ม ได้กลับมาแข่งขัน ภายใต้ชื่อ VfL Bochum 1848 ซึ่งเป็นทีมอิสระ ได้มาลงเล่นในฤดูกาลแรกของดิวิชั่น 2 เมื่อปี 1949 ใน Oberliga West ขณะที่ทีม Preußen Bochum เล่นในดิวิชั่นล่างสุด VfL สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นในปี 1953 และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน Oberliga West ได้เพียง 1 ฤดูกาล ก็คว้าแชมป์ดิวิชั่นอีกครั้งในปี 1956 และกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง จนกระทั่งตกชั้นอีกครั้งในหลังฤดูกาล 1960-1961 จากการก่อตั้งบุนเดสลีกาที่เป็นการแข่งขันฟุตบอลอาชีพใหม่ในเยอรมนี

ช่วงปี 1963 ทำให้ VfL เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในเวสต์ฟาเลนลีกา ซึ่งเป็นลีกระดับ 3 ผลงานที่ยอดเยี่ยมในปี 1965 ทำให้สโมสรแห่งนี้ได้เล่นในรีเจียนัลลิกาเวสต์ จากนั้นก็ไต่อันดับในลีกขึ้นเรื่อย ๆ จนรักษาตำแหน่งที่มั่นคงในบุนเดสลีกาได้ในปี 1971 ระหว่างการไต่อันดับนี้ Bochum เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ DFB-Pokal ในฤดูกาล 1967-1968 แต่แพ้ให้กับเอฟซี โคโลญจน์ไป 1-4 แม้จะอยู่ท้ายตารางมาโดยตลอด แต่ก็ได้รับชื่อเสียงจากความแข็งแกร่งในสนาม เข้าแข่งขันในลีกสูงสุดเป็นเวลา 20 ฤดูกาล และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ DFB-Pokal อีกครั้งในปี 1988 โดยแพ้ให้กับ Eintracht Frankfurt 0-1

หลังตกชั้นจากอันดับที่ 16 ในฤดูกาล 1992-1993 ทีมก็กลายเป็นสโมสรที่มีผลงานขึ้น-ลงมาตลอด ระหว่างบุนเดสลีกาและบุนเดสลีกา 2 โดยจบอันดับที่ 5 ในบุนเดสลีกา 2 ในฤดูกาล 1996-1997 และ 2003-2004 ทำให้ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่าคัพ ในปี 1997 แล้วสามารถเข้าถึงรอบ 3 แต่ตกรอบจากการแข่งขันกับ Ajax และในปี 2004 ตกรอบอีกครั้งจากการพบกันของทีม Stade Rennais หลังจากเสมอกันแบบไร้สกอร์ และเสมอกันที่  1-1 แต้ม

สรุปสถานการณ์การแข่งขันของโสมสรเฟาเอฟแอล โบคุ่ม ในฤดูกาล 2023-2024

เฟาเอฟแอล โบคุ่ม แม้จะเก็บชัยชนะมาได้ถึง 7 นัด โดยลงแข่ง 34 นัด เสมอ 12 นัด แพ้ 15 นัด ผลประตูได้เสียติดลบ 32 ลูก มี 33 คะแนน แต่คะแนนยังไม่ถึงเป้า ทำให้ต้องตกชั้น เพราะถ้าเทียบตารางคะแนนอย่างละเอียดแล้ว จะเห็นได้ว่าอันดับที่ 14 และอันดับที่ 15 จะมีคะแนนที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก รวมไปถึงอันดับที่ 15 ในตาราง มีคะแนนเท่ากันแต่ผลต่างประตูได้/เสียสโมสรโบคุ่มน้อยกว่า ทำให้ตกไปอยู่ในอันดับที่ 16 และกลายเป็นสโมสรที่ตกชั้นไปในที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหรือการต้องลงไปเล่นลีกรองนั้น อาจจะเป็นหนทางที่ดีที่ทำให้สโมสรแห่งนี้ สามารถพัฒนาและยกระดับมาตรฐานสโมสร ให้สามารถกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง