ไฟร์บวร์ก อดีตทีมชั้นนำที่กลายมาเป็นทีมกลางตาราง

Sport-Club Freiburg eV หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า SC Freiburg เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีฐานอยู่ในเมือง Freiburg im Breisgau รัฐ Baden-Württemberg ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันสโมสรแห่งนี้แข่งขันในบุนเดสลิกา หลังเลื่อนชั้นจากบุนเดิสลีกา 2 ในปี 2016 โดยไฟร์บวร์กมีประวัติการแข่งขันแบบขึ้น-ลงระหว่างดิวิชั่นมาตลอด ทำให้แฟนบอลเคยทำไวรัลเรื่องตะโกนให้กำลังใจทีมว่า “เราตกชั้น เราขึ้นชั้น เราเข้ารอบยูฟ่าคัพ!” รูปแบบการเลื่อนชั้นและตกชั้นนี้ เกิดขึ้นบ่อยมากในช่วงทศวรรษ 1990

ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของสโมสรไฟร์บวร์ก

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ไฟร์บวร์ก มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 เรียกได้ว่าในช่วงแรกของสโมสรแห่งนี้ มีการรวมตัวของ 2 สโมสร และกลายมาเป็นสโมสรฟุตบอลไฟร์บวร์ก จนมาถึงทุกวันนี้นั่นเอง หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ. 1918 มีการทำข้อตกลงชั่วคราวกับ SC Freiburg และ Freiburger FC เพื่อใช้ชื่อ KSG Freiburg รวมไปถึงในปีต่อมามีการร่วมมือกับทาง FT 1844 Freiburg และมีการเพิ่มเติมแผนกฟุตบอลขึ้นมา หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1928 มีการทำข้อตกลงกับสโมสร PSV ในการใช้สนามแข่งขันร่วมกัน ต่อจากนั้น 2 ปี ทางสโมสร PSV ไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จในกีฬาฟุตบอล ทำให้ทางสโมสรไฟร์บวร์ก

มีการเริ่มต้นใหม่ในปี ค.ศ. 1928 ลงไปแข่งขันฟุตบอลในระดับภูมิภาค ผลงานไม่น่าจดจำเท่าไหร่ เนื่องจากว่ามีการตกชั้นลงไป เรียกได้ว่าเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ หลังจากนั้น 2 ปี สโมสรได้ทำผลงานและคว้าแชมป์รายการท้องถิ่นได้ เลื่อนอันดับขึ้นมาได้สำเร็จ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกอย่างต้องยุบและปิดตัวลง รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลก็โดนเช่นเดียวกัน แต่ทุกอย่างจบลงก็มีการรวมตัวกันใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะแยกตัวจากพวกนาซีในเวลานั้น และชื่อที่เรียกสโมสรแห่งนี้ก็กลายมาเป็น สโมสรไฟร์บวร์กนั่นเอง

ในช่วงยุค 70 เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ ทางสโมสรสามารถที่จะเลื่อนชั้นเข้ามาลงแข่งขันในลีกอันดับที่ 2 ได้สำเร็จ และใช้เวลา 10 ปี ในการเลื่อนชั้นอีกครั้ง เข้าสู่ลีกสูงที่สุดของประเทศเยอรมัน เรียกได้ว่าไม่ใช่สโมสรที่น่าจับตามองเท่าไหร่ การที่จะขึ้นไปแข่งขันได้นั้นต้องยกเครดิตให้กับผู้บริการอย่าง โวลเกอร์ ฟิงเค ที่สามารถทำสโมสรให้ดูมีมาตรฐานและพัฒนาได้อย่างชัดเจน เนื่องจากว่าลีกสูงสุดมาพร้อมกับมาตรฐาน และสโมสรชั้นนำมากมาย ถ้าไม่ดีตั้งแต่พื้นฐาน ก็ไม่สามารถที่จะคงอยู่ได้นั่นเอง จนเมื่อถึงยุค 90 ทุกอย่างที่เคยมีมาตรฐานก็ตกลง และเมื่อปี ค.ศ. 1997 ก็ต้องตกชั้นลงไปแข่งขันในลีกรอง หลังจากเล่นในลีกสูงสุดมาถึง 4 ปี

จากนั้นในปี ค.ศ. 2006 เกือบที่จะสามารถเลื่อนอันดับได้ แต่ทำได้เพียงแค่อันดับที่ 4 ทำให้อดที่จะเลื่อนชั้นในครั้งนั้น แต่ไม่นานในปี ค.ศ. 2009 ก็สามารถทำผลงานได้อย่างดี และเลื่อนกลับเข้าสู่ลีกสูงที่สุดได้นั่นเอง ช่วงของการคุมทีม  คริสเตียน สไตรค์ เป็นช่วงเวลาที่พัฒนาและมีการเปลี่ยนผ่านของนักเตะหน้าใหม่ เริ่มต้นอาจจะรักษาอันดับกลางตารางได้เท่านั้น แต่ภาพรวมสามารถทำผลงานได้อย่างน่าสนใจ แต่ความสำเร็จก็อยู่ไม่นานก็ต้องตกชั้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 2014 แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน สามารถกลับข้ามาลีกบุนเดสลิกาได้ ครั้งนี้ก็ยืนระยะในลีกได้นับตั้งแต่นั้น

ผลการแข่งขันในอดีตจนถึงปัจจุบัน ของสโมสรไฟร์บวร์ก

ประวัติและการคว้าแชมป์ทุกรายการของสโมสรไฟร์บวร์ก ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากว่าแต่ละสโมสรมักจะมีแชมป์ที่แตกต่างกันออกไป บ่งบอกถึงความเก่งในแต่ละช่วงเวลา สำหรับสโมสรไฟร์บวร์กจะเริ่มต้นตั้งแต่ ซไวเทอบุนเดิสลีกา สำหรับการแข่งขันนี้จะพูดง่าย ๆ ว่าลีกรองอันดับที่ 2 มีการคว้าแชมป์ 4 สมัย ในปี ค.ศ. 1992-1993 , 2002-2003 , 2008-2009 และ 2015-2016 Oberliga Baden-Württemberg 1 สมัย ในปี ค.ศ. 1998 Amateurliga Südbaden 3 สมัย ในปี ค.ศ. 1965 , 1968 และ 1978 Verbandsliga Südbaden 1 สมัย ในปี ค.ศ 1998

ต่อมาจะเป็นการแข่งขันแบบชิงถ้วยรางวัล เซาท์บาเดินคัพ 3 สมัย ในปี  ค.ศ. 1975 , 1978 และ 2001 รองแชมป์ 1 สมัย ในปี ค.ศ. 2005 เพิ่มเติมความน่าสนใจของสโมสรไฟร์บวร์ก ระดับของฟุตบอลเยาวชน เยอรมันแชมเปียนชิป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 1 สมัย ในปี ค.ศ. 2008 บุนเดิสลิกา โซนใต้/ตะวันตกเฉียงใต้ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 2 สมัย ในปี ค.ศ. 2005-2006 และ 2011-2012 เยอรมันคัพ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 4 สมัย ในปี ค.ศ. 2006 , 2009 , 2011 และ 2012 Lev Yashin Cup อายุไม่เกิน 21 ปี แชมป์ 1 สมัยในปี ค.ศ. 2011 จากข้อมูลจะเห็นถึงช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างงชัดเจน

สรุปสถานการณ์โดยรวมของสโมสรไฟร์บวร์ก ฤดูกาล 2023-2024

อาจจะไม่ใช่สโมสรชั้นนำในเวลานี้ ทำให้ผลงานภาพรวมอยู่ในระดับที่ 10 ซึ่งถ้าดูแบบเชิงลึกจะเห็นได้ว่า มีคะแนนเท่ากับอันดับที่ 9 อยู่ที่ 42 คะแนน แต่มีต่างประตูได้เสียที่น้อยกว่า มาดูรายละเอียดการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาล แล้วจะเข้าใจว่ามีผลงานในระดับไหน ลงแข่งขันทั้งหมด 34 นัด มีการชนะถึง 11 นัด เสมอ 9 นัด และแพ้ไปถึง 14 นัด ผลต่างประตูได้เสียติดลบ 13 ประตู เรียกได้ว่าผลงานกองหลังต้องมีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด เนื่องจากว่าการที่สโมสรหนึ่ง จะมีผลงานได้อย่างน่าประทับใจแฟนบอล ต้องเริ่มต้นจากการเก็บชัยชนะให้มาก และต้องมีการแพ้ให้น้อยที่สุด ซึ่งส่วนสำคัญของตำแหน่งนักเตะ กลายเป็นตัวเลือกแรกที่แฟนบอลอยากให้มีการเปลี่ยนมาก ถ้าในฤดูกาลต่อไปมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น มั่นใจได้ว่าสามารถที่จะทำอันดับได้สูงมากขึ้นอย่างแน่นอน