บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญ่ของสเปน ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน

บาร์เซโลน่า Futbol Club Barcelona หรือ บาร์ซา ย้อนกลับไปวันที่ 22 ตุลาคม 1899 นายฌูอัน กัมเป ได้มีการประกาศลงโฆษณา โลสเดปอร์เตส ว่ากำลังมีความคิดจะก่อตั้งสโมสรฟุตบอลขึ้นมา และมีการได้นัดพบกับฆิมนาซิโอเซเล เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนในการประชุมครั้งนี้มีผู้เล่น 11 คนเข้าร่วมผลการประชุมในครั้งนี้นายวอลเตอร์ ไวลด์ ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารสโมสรคนแรก ซึ่งในวันนั้นเองฟุตบอลทีมบาเซโลน่าได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการแข่งขันในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ โดยในปี 1912 ทีมบาร์เซโลน่าชนะถ้วยรางวัลแรกในการแข่งขัน โกปามากายา และได้ร่วมโรงการแข่งขันโกปาเดลเรย์ครั้งแรก

ประวัติที่น่าสนใจ เรื่องราวการผ่านอุปสรรคมาอย่างยาวนานของบาร์เซโลน่า

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ในปี 1922 สโมสรมีความคิดที่จะขยับขยายอีกครั้งโดยการรวบรวมสมาชิกที่มีฐานะการเงินเพื่อสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่จากเดิมที่จุผู้ชมได้ 20,000 คนให้เป็นจุคน 60,000 คน และได้แต่งตั้งแจ็คกรีน เวลล์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสร และถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งโดยทางสโมสรบาร์เซโลน่าชนะถ้วยกัมเปียนัตเดกาตาลัย 11 ครั้ง ถ้วยโกปาเดลเรย์ถึง 6 ครั้ง และถ้วยพิเรนีสอีก 4 ครั้ง ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นยุคทองของสโมสรบาร์เซโลน่า

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1925 แฟนบอลมารวมกันที่สนามเพื่อทำการร้องเพลงชาติเป็นการประท้วงต่อระบบเผด็จการของนายมิเกล เด ริเบรา จึงทำให้สนามการแข่งขันถูกปิดไป 6 เดือนหลังจากนั้น จากเหตุการณ์นั้นเองทำให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรบาร์เซโลน่าครั้งใหญ่ เมื่อปี 1926 ผู้บริหารสโมสรบาร์เซโลน่าออกมาประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าสโมสรบาร์เซโลน่าก้าวสู่การบริหารอย่างมืออาชีพแล้วในตอนนี้สโมสรจะทำการแข่งขันฟุตบอลถ้วยสเปนและในเหตุการณ์เดียวกันนั้นมีแฟนบอลแต่งบทกวีเพื่อเฉลิมฉลอง

เป็นเกียรติให้ผู้รักษาประตูบาร์เซโลน่าที่ทำการฆ่าตัวตายหลังจากเกิดเหตุความเครียดส่วนตัวและปัญหาทางด้านการเงิน ถึงแม้ว่าทางสโมสรจะประสบปัญหาหลายๆอย่างเข้ามาในช่วงเวลานี้แต่พวกเขายังมีแฟนบอลที่ยังคอยสนับสนุนอยู่ แต่เมื่อสโมสรจะต้องมาถึงยุคแห่งการถดถอยเนื่องจากเกิดความขัดแย้งทางเรื่องของการเมืองและความสำคัญของด้านการกีฬาทางด้านสโมสรบาร์เซโลน่าจะได้ถ้วยแชมป์กัมเปียนัดเดกาตาลัน

ในปี 1930 ถึง 1938 ก็ไม่อาจจะคงชื่อเสียงเหล่านี้เอาไว้ได้ แล้วเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมว ยูเซบ ซุนยอล ซึ่งเป็นประธานสโมสรในเวลานั้นพร้อมกับตัวแทนพรรคการเมืองเสรีถูกฆาตกรรมโดยทางทหารถือว่าเป็นความมืดมิดของประวัติศาสตร์สโมสรบาร์เซโลน่า ในขณะเดียวกันนั้นนักเตะภายในทีมได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาในนามของสาธารณรัฐสเปนทำให้การเงินของสโมสรบาร์เซโลน่ามีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นแต่กลับมีผลให้นักเตะภายในทีมครึ่งหนึ่งหาทางลี้ภัยในประเทศเม็กซิโกและฝรั่งเศส เหตุการณ์ต่อมา

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 1938 ณ เมืองบาร์เซโลน่าถูกโจมตีทางอากาศทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 คนหนึ่งในนั้นมีระเบิดโจมตีสำนักงานของสโมสรบาร์เซโลน่าและเมื่อหลายเดือนต่อมาทางสโมสรเข้ามาตรวจสอบความเสียหายผลปรากฏว่าได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากและในฐานะสัญลักษณ์ของกาลาตา ทำให้สโมสรในเวลานั้นมีสมาชิกลดลงเหลือเพียง 3,486 คน

หลังจากสงครามการเมืองได้จบลงได้มีการสั่งห้ามธงชาติกาลาตาและสโมสรฟุตบอลที่ไม่ได้ใช้ชื่อประเทศสเปนออกจากสโมสรฟุตบอลทั้งหมด ภายในปี 1943 สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาจะต้องเผชิญวิกฤตอีกครั้ง เนื่องจากมีสโมสรคู่แข่งที่ชื่อว่าเรอัลมาดริดซึ่งทั้งคู่พบเจอกันในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยโดยในเกมแรกบาร์เซโลน่าเอาชนะไปได้ 3 – 0 ก่อนกลับมาแข่งกันนัดที่ 2 ทางประธานสโมสรได้เข้าเยี่ยมห้องเปลี่ยนชุดทีมบาร์เซโลน่าและได้ทำการพูดคุยกับนักเตะในเวลานั้น

ในนัดถัดมาทีมสโมสรเรอัลมาดริดกลับพลิกสถานะการณ์กลับมาชนะทีมสโมสรบาร์เซโลน่าอย่างขาดลอย 11-1 ยิ่งทำให้เวลานั้นมีความลำบากในสถานการณ์ทางการเมืองทำให้การแพ้ในครั้งนี้ทางสโมสรบาร์เซโลน่าถูกวิจารณ์เป็นอย่างมากในเวลานั้น เนื่องจากเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในทศวรรษที่ 1940 และมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามีผู้จัดการทีมที่เก่งและนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงต่อมา

ในเดือนมิถุนายนปี 1950 ทางทีมสโมสรบาร์เซโลน่าได้เซ็นสัญญา ลดิสเลา คูบาลา ซึ่งในเวลานั้นถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในการก่อร่างสร้างตัวของสโมสร และเมื่อในวันอาทิตย์ปี 1951 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งมีกลุ่มแฟนบอลเดินออกจากสนามด้วยเท้าเปล่าหลังจากทีมคว้าชัยชนะในเกมนั้น โดยบุคคลทั้งหมดปฏิเสธการขึ้นรถรางและสร้างความแปลกใจให้กับเจ้าหน้าที่ของสโมสรเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการประท้วงเกิดขึ้นเนื่องจากแฟนบอลทีมบาร์เซโลน่าเกิดความขัดแย้งกันภายในซึ่งเกี่ยวกับกาตาลุญญ่าและชาวสเปนหัวก้าวหน้า แต่ในเวลานั้นทีมบาร์เซโลน่าสามารถจะสร้างชื่อเสียงได้อีกครั้งด้วยการคว้าแชมป์โกปาเดลเรย์ได้หลายสมัยถือว่ากลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง

ภายในปี 1957 เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในทีมสโมสรบาร์เซโลน่าอีกครั้งด้วยการนำทีมของผู้จัดการเอเลเนียว เอร์เรรา ที่มาพร้อมกับนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งยุโรป ลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งนักเตะดังกล่าวได้พาทีมชนะเลิศการแข่งขันระดับชาติถึง 2 รางวัลภายในปีเดียวกันและยิ่งไปกว่านั้นภายในปี 1960 และภายในปี 1961 พวกเขากลับเป็นทีมแรกที่กลับมาเอาชนะทีมสโมสรเรอัลมาดริดในการแข่งขันยูโรเปี้ยนคัพ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายเมื่อนัดต่อมากลับไปแพ้ให้กับ ไบฟรีกา ในรอบชิงชนะเลิศ

ใน ค.ศ. 1960 ทางสโมสรทีมบาร์เซโลน่าประสบความสำเร็จลดน้อยลงไปและได้มีทีมสโมสรเรอัลมาดริดที่มีสถานการณ์สวนทางกับบาร์เซโลน่า เนื่องจากทีมเรือมาดริดได้ผูกขาดตำแหน่งแชมป์แต่เพียงผู้เดียวทำให้ทางสโมสรเกิดปัญหาการเงินอีกครั้งไม่สามารถที่จะซื้อนักเตะตัวใหม่เข้าสู่ทีมได้ แต่ถึงอย่างไรในช่วงเวลานั้นก็ยังมีเรื่องที่ดีอยู่บ้างเพราะเป็นช่วงเวลาการแจ้งเกิดของ ชูเซบ มาเรีย ฟัสเต และ ดาเลส เรชัก ทำให้สโมสรคณะเลยถ้วยโกปาเดลเรย์ในปี 1963 และถ้วยแฟส์คัปในปี 1966 และที่สำคัญสโมสรบาร์เซโลน่าได้กลับมาล้างแค้นสโมสรเรอัลมาดริด ด้วยการชนะ 1 ประตูต่อ 0 ในนัดชิงชนะเลิศที่สนามเบร์นานาเบวต่อหน้าแฟนบอลหลายหมื่นคน

เหตุการณ์สำคัญในปี 1974 ทางสโมสรได้มีการเปลี่ยนชื่อจากฟุตบอลกลุบบาร์เซโลนา และมีการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์สโมสรให้มาเป็นรูปแบบเดิมและอักษรดั้งเดิม  ต่อมาในฤดูกาลที่ 1973-74 สโมสรบาร์เซโลน่าได้ซื้อตัวโยฮัน ไกรฟฟ์ จากทีมอาแจ็กซ์อัมสเตอร์ดัม ที่ในเวลานั้นมีค่าตัวอยู่ 920,000 ปอนด์ ในเวลานั้นเองถือว่าเป็นสถิติโลก เนื่องจากฝีเท้าระดับเขาถือว่าได้รับการยอมรับจากแฟนบอลทั่วโลกอยู่ในระดับเวิร์ลคลาสและไม่นานหลังจากนั้นเขาสามารถสร้างความประทับใจได้อย่างรวดเร็วกับแฟน ๆ ทีมฟุตบอลบาร์เซโลน่าและกลายเป็นที่รักและชื่นชอบ

เรื่องใหญ่ของสโมสรบาร์เซโลน่า

เชื่อหรือไม่ว่าจุดสูงสุดก็สามารถตกสู่จุดต่ำสุดได้เช่นกันเมื่อทีมบาร์เซโลน่าไปพลาดท่าแพ้ให้กับเชลซีในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศทำให้ผู้จัดการทีมอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่าออกมาประกาศยุติบทบาทภายในฤดูกาล 2011-12 ปิดฉากการคุมทีมสโมสรอันยิ่งใหญ่ หลังจากที่เปปจากไปผู้ช่วยของเป๊ปได้ขึ้นมารับตำแหน่งแทนในปี 2012-13 เขาสามารถพาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลีกลาลีกาสเปนสมัยที่ 22 ได้และยังทำสถิติใหม่โดยสามารถทำคะแนนได้ถึง 100 คะแนนซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดร่วมกับยอดทีมเรอัลมาดริดที่สามารถทำได้ในฤดูกาลก่อน

และที่สำคัญซุปเปอร์สตาร์ประจำทีมอย่างลิโอเนลเมสซี่ยังเป็นผู้ทำประตูสูงที่สุดในฤดูกาลนี้มากถึง 46 ประตูและถือเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2013 บีลานอบาได้ออกมาประกาศช็อกแฟนบอลบาร์เซโลน่าขอยุติบทบาทเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพซึ่งตัวเขาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำลายทำให้แฟนบอลในเวลานั้นเกิดข้อถกเถียงกันว่าใครเป็นคนที่จะเหมาะสมกับการเข้ามาคุมทีมอีกครั้ง

ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2013 ทาทา มาติโน่ ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่สามารถพาทีมบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์โคปาเดเอส แต่ในเวลานั้นเอง ซันดรู รูเซลย์ ได้ออกมาประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสร เพราะมีการร้องเรียนว่าเขาทำการยักยอกเงินสโมสรในการซื้อตัวซุปเปอร์สตาร์คนดังอย่างเนย์มาร์นักเตะชาวบราซิลเลี่ยน และที่สำคัญในนัดสุดท้ายที่บาร์เซโลน่าจะต้องเอาชนะยอดทีมแอตเลติโกมาดริดเพื่อครองแชมป์ลาลีกา แต่เป็นที่น่าผิดหวังเพราะทำได้เพียงแค่เสมอประตูต่อ 1 เท่านั้นทำให้ฤดูกาลดังกล่าวเป็นแค่รองแชมป์

วันที่ 20 กันยายนปี 2016 สโมสรบาร์เซโลน่าออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนและการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งที่มีการพยายามจะแยกตัวเป็นอิสระจากประเทศสเปนโดยทางโมสรบาร์เซโลน่าให้ความเคารพและสนับสนุนเจตจำนงของชาวกาตาลา

โดยจะร่วมดำเนินการทางกฎหมายอย่างสันติวิธีซึ่งในจุดนี้เองถือเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันฟุตบอลลีกสเปนแต่ถึงอย่างไรก็ตามก็สามารถจบลงด้วยดี ในฤดูกาล 2017-2018 บาร์เซโลน่ายังแสดงความยิ่งใหญ่อีกครั้งโดยการคว้าแชมป์ได้ 2 รายการโดยรายการแรกเป็นแชมป์ลาลีกาสเปนสามารถทำคะแนนได้ถึง 93 คะแนนและฟุตบอลถ้วยโกปาเดลเรย์ แต่กลับไม่สามารถไปถึงฝันสำหรับถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกโดยแพ้ให้กับทีมโรม่าจากประเทศอิตาลีในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยกฎประตูทีมเยือนในเกมแรกสามารถเอาชนะได้ถึง 4 ประตูต่อ 1 แต่ในเกมที่ 2 กลับแพ้ถึง 0 ประตูต่อ 3 ทำให้ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

ในฤดูกาลถัดมา 2008-2019 บาร์เซโลนาชนะเลิศลาลีกาสเปนสมัยที่ 26 อีกครั้งซึ่งถือว่าเป็นแชมป์ลีกสูงสุดที่มากที่สุดในลีกฟุตบอลสเปน แต่ในเวลาเดียวกันกลับไปแพ้ให้กับยอดทีมลิเวอร์พูลจากประเทศอังกฤษในรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกโดยเกมแรกชนะในบ้าน 3 ประตูต่อ 0 ในเกมที่ 2 กับแพ้ถึง 4 ประตูต่อ 0 ทำให้ 2 นัดรวมกัน 3 ประตูต่อ 4 ตกรอบเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน 13 มกราคมปี 2020 มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่าอีกครั้งและในเวลานี้เองมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอลทั่วโลกจะต้องทำการหยุดทำให้หลังจากนั้นผลงานการแข่งขันของทีมบาร์เซโลน่าตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

สรุปสถานการณ์โดยรวมของสโมสรบาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2023-2024

ผลงานในภาพถือว่ายังไม่สนใจเท่าไหร่ ลงแข่งขัน 38 นัด ชนะได้มากถึง 26 นัด เสมอ 7 แพ้ไปถึง 5 มีผลต่างประตูได้เสีย 35 ประตู รวมไปถึงผลงานในระดับยุโรป ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ เรียกได้ว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่แฟนบอลคอยติดตามเชียร์นั่นเอง แต่เชื่อเถอะว่าจากสุดยอดสโมสรของประเทศสเปน มาจากการเปลี่ยนแปลงนักเตะรวมไปถึงประธานสโมสร มีการสร้างนักเตะสายเลือดใหม่เกือบทั้งหมด เรียกได้ว่าถึงเวลาสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริงทำฤดูกาลที่ผ่านมา อาจจะไม่ใช่ความยิ่งใหญ่แบบในอดีต แต่ภาพรวมแล้วยังสามารถจบในอันดับรองแชมป์ได้ ความคาดหวังของแฟนบอลจากทั่วโลก ยังต้องติดตามเชียร์ต่อไป มั่นใจได้ว่าถึงเวลาด้วยมาตรฐานของสโมสรใหญ่ ยังคงต้องเลือกหานักเตะดาวรุ่ง เพื่อเข้ามายกระดับอีกมากมาย ทั้งหมดนี้สโมสรเจ้าบุญทุ่มจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งแน่นอน