สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล Liverpool หรือที่แฟนบอลชาวไทยเรียกกันว่าหงส์แดง โดยสโมสรแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองลิเวอร์พูลของประเทศอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดสโมสรที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่ มีการคว้ามแชมป์มาแล้วมากมายจนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลจากทั่วโลก และในเวลานี้ยังลงแข่งขันอยู่ในระดับลีกสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีก จุดเริ่มต้นก่อตั้งสโมสรต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ 1892 ซึ่งใช้แอนฟีลด์เป็นสนามเหย้านับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเป็นต้นมา พร้อมผ่านเหตุการณ์สำคัญมากมาย มีการสูญเสียถึง 2 ครั้ง เริ่มจากปี ค.ศ 1985 ในการแข่งขันยูโรเปียนคัพ เกิดอุบัติเหตุการพังถล่มของกำแพงสนาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 39 คน และต่อมาในปี ค.ศ. 1989 แฟนบอลลิเวอร์พูล เสียชีวิตมากถึง 97 คน จากเหตุการณ์การแออัดของคนจำนวนมากที่บริเวณรั้วสนาม ทำให้ทางสโมสรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น
ประวัติความเป็นมาของลิเวอร์พูล ที่ทำให้กลายมาเป็นทีมอันดับต้น ๆ ที่แฟนคลับทั่วโลกชื่นชอบ
แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา
จุดเริ่มต้นของสโมสรลิเวอร์พูล คือ การถูกก่อตั้งครั้งแรกในปี ค.ศ. 1892 และมีเกิดเหตุข้อพิพาทระหว่างสโมสรเอฟเวอร์ตันกับทางจอห์น โฮลดิง ซึ่งในเวลานั้นเป็นประธานสโมสรและเจ้าของที่ดินในแอนฟีลด์ ทำให้เอฟเวอร์ตันต้องย้ายสนามเหย้าไปใช้งานที่กูดิสันพาร์ก ในปี ค.ศ. 1892 โดยช่วงแรกนั้น ทางสมาคมฟุตบอลของประเทศอังกฤษ ไม่ยอมรับการมีอยู่ของลิเวอร์พูล ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน เพื่อชี้แจงข้อมูลการสมาคมให้ชัดเจนว่าสโมสรลิเวอร์พูลไม่ใช่สโมสรเดียวกับเอฟเวอร์ตัน โดยการแข่งขันครั้งแรกของสโมสร ถือว่าสามารถทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
ด้วยการเอาชนะสโมสรรอเทอร์ดามทาวน์ จากสกอร์ 7 ประตูต่อ 1 ในช่วงเวลาดังกล่าว นักเตะภายในสโมสรกลับเป็นชาวสก็อตแลนด์ทั้งหมด และมีผู้จัดการทีมเป็นจอห์น แมกเคนนา หลังจากนั้นมีการพัฒนาเข้าสู่รายการที่ใหญ่มากขึ้น ด้วยระยะเวลา 132 ปี จึงมีการคว้าแชมป์มากมาย ทั้งในประเทศอังกฤษและระดับยุโรป กลายเป็นสโมสรที่มีแฟนบอลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วเกาะอังกฤษ และขยายฐานของแฟนบอลไปสู่ระดับโลก โดยมีจุดเด่นของสโมสร คือ ตราสัญลักษณ์ สีประจำสโมสรที่ชัดเจน รวมไปถึงเพลงประจำทีมที่แฟนบอลจะส่งเสียงร้องเชียร์ในทุกการแข่งขัน เรียกได้ว่าทุกเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องทั้งหมด จึงทำหึ้นดูบอลจดจำสโมสรนี้ได้อย่างแม่นยำ
ผลงานช่วงยุคแรก แรงดีไม่มีแผ่ว ไปจนถึงยุคที่ร่วงโรย ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้
ลิเวอร์พูลเริ่มต้นคว้าแชมป์แรก ในปี ค.ศ. 1914 โดยเข้าชิงแชมป์ FA CUP กับสโมสรเบิร์นลีย์ จบด้วยสกอร์ 1 ประตูต่อ 0 ทำให้เป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรก ต่อมาไม่นานก็สามารถคว้าแชมป์ได้อีก 2 สมัยติดต่อกันในปี ค.ศ. 1922 และ 1923 แต่หลังจากนั้นก็ทิ้งช่วงไปถึง 23 ปี จึงกลับมาลุ้นแชมป์ได้อีกครั้งในการแข่งเฟิสต์ดิวิชัน แต่ความไม่แน่นอนและฟอร์มการแข่งขันที่ตกต่ำลงไป จึงไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำได้เลย การเข้าชิงแชมป์หลายครั้งกลับแพ้ทั้งหมด และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1958-1959 มีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ บิลล์ แชงคลี ที่เมื่อเข้ามาแล้วก็ได้ปล่อยตัวนักเตะภายในสโมสรออกไปถึง 24 คน
เกิดเป็นการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ โดยใช้เวลา 4 ปี ลิเวอร์พูลได้กลับเลื่อนชั้นสู่เฟิสต์ดิวิชัน และใช้เวลาอีก 2 ปี ขึ้นมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ พร้อมก้าวขึ้นสู่ระดับยุโรปในปี ค.ศ 1962 ด้วยการเจอกับสโมสรโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ของทางประเทศเยอรมัน ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ แต่ในการแข่งขันครั้งนี้พลาดท่าแพ้ไปจึงไม่ได้แชมป์ แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้อาจจะมีสะดุดบ้างในช่วงเวลาแต่ก็กลับมาได้ตลอด จนกระทั่งเข้าสู่ปี ค.ศ 1988-1989 ก่อนที่จะจบฤดูกาล ลิเวอร์พูลมีแต้มและประตูได้/เสียเท่ากับอาร์เซนอล
แต่ทุกอย่างต้องจบลง เมื่อในการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล อาร์เซน่อลสามารถทำประตูในนาทีสุดท้าย ทำให้มีผลต่างประตูได้/เสียมากกว่า คว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปครอง ช่วงเวลานั้นแฟนบอลลิเวอร์พูลเสียดายอย่างมาก ซึ่งการรอแชมป์ลีกนานถึง 30 ปีของสโมสรแห่งนี้เป็นความจริงได้ จากเจอร์เกน คล็อปป์ ในปี ค.ศ. 2018-2019 ที่มีการแข่งขันแล้วแพ้แค่ 1 นัดเท่านั้น
การมาของเจอร์เกน คล็อปป์ จุดประกายให้ลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ตำนานการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สูงสุดให้กับสโมสรลิเวอร์พูล มาจากชายที่ชื่อเจอร์เกน คล็อปป์ ถึงแม้ว่าในเวลานี้ จะได้ทำการอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมไป เมื่อจบฤดูกาล 2023-2024 อย่างที่แฟนบอลจำนวนมากรู้ การที่สโมสรไม่สามารถคว้ามแชมป์ลีกสูงสุดได้เลยถึง 30 ปี แต่ในช่วงเวลานั้นยังมีความสำเร็จอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ในปี ค.ศ. 2005 ภายใต้การคุมของราฟาเอล เบนิเตซ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟุตบอลยุโรป แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในลีกสูงสุดของอังกฤษ สามารถทำได้เพียงแค่อันดับที่ 2 และ 3 เท่านั้น
แต่ทว่าการมาของคล็อปป์ ที่อาจจะไม่สามารถก้าวขึ้นไปยิ่งใหญ่ในเวทียุโรป แต่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือนกับการปลดล็อกให้กับแฟนบอลทั่วโลก เพราะในปี ค.ศ. 2018-2019 เกิดโรคระบาดอย่างไวรัสโควิด19 ส่งผลกระทบถึงการแข่งขันฟุตบอลเช่นเดียวกัน ในเวลานั้นสโมสรได้มีคะแนนนำเป็นจ่าฝูงอยู่ แต่กลับไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะแข่งขันต่อไปหรือว่าจะยกเลิกทั้งฤดูกาล แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินหน้าต่อไป ได้มีการปรับรูปแบบการแข่งขัน โดยจะไม่มีแฟนบอลเข้าชมแม้แต่คนเดียว เพิ่มมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในสนามมากขึ้น
สถานการณ์จึงเริ่มเบาบางลง และการแข่งขันฟุตบอลก็ยังคงเข้มข้น เมื่อลิเวอร์พูลมีคะแนะนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมการรักษามาตรฐานและฟอร์มการเล่นมาได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้จบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้สำเร็จ จบตำนานคำสาป 30 ปีที่รอคอย มีการฉลองแชมป์ที่ยิ่งใหญ่เท่าที่สโมสรแห่งนี้เคยจัดมา แต่สุดท้ายแล้วเหล่าแฟนบอลจากทั่วโลก รู้สึกเสียใจต่อการอำลาสโมสรของคล็อปป์ในครั้งนี้ แต่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนา โดยมีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ อาร์เน่ สล็อต เข้ามารับช่วงต่อไป ซึ่งประวัติไม่ธรรมดา เชื่อว่าแฟนบอลจะเปิดใจและให้โอกาสครั้งใหม่แน่นอน
ลิเวอร์พูล สโมสรดังที่เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดของโลก
ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรแรกของพรีเมียร์ลีก ในการที่มีผู้สนับสนุนอยู่บนชุดการแข่งขัน ปี ค.ศ. 1979 เป็นแบรนด์ฮิตาชิ กลุ่มบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น และหลังจากนั้นทางสโมสรก็มีผู้สนับสนุนไม่ขาดสาย เช่น คราวน์เพนต์ส, แคนดี, คาร์ลส์เบิร์ก และสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ทั้งหมดนี้กลายเป็นการโฆษณาที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยการทำสัญญาบนเสื้อนี้ เริ่มต้นปี ค.ศ 1992 และยังกลายเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษอีกด้วย เพราะมีระยะเวลาสนับสนุนยาวนานที่สุด โดยสัญญานี้หมดลงไปเมื่อปี ค.ศ. 2010-2011 สำหรับผู้สนับสนุนล่าสุดอย่างสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ยังคงอยู่บนเสื้อมาถึงปัจจุบัน
สรุปภาพรวมของสโมสรลิเวอร์พูล ในปี 2024 จะเดินหน้าไปทางไหน
ภาพรวมและบทสรุปของสโมสรลิเวอร์พูล Liverpool ในปี ค.ศ. 2024 เริ่มต้นได้อย่างดี สามารถเบียดอยู่ในอันดับต้น ๆ ตารางได้ตลอดทั้งฤดูกาล แต่ทว่าในช่วงท้ายกลับแผ่วลงไปมาก ทำให้ 5 นัดสุดท้ายทำคะแนนนำตามหลังจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไม่ทันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลสุดท้ายของคล็อปป์ในการคุมลิเวอร์พูล เมื่อพูดถึงมาตรฐานและสภาพของนักเตะ บอกได้เลยว่าอายุของนักเตะหลักที่มากขึ้น ทำให้มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังเข้ามาเป็นปัญหา การรักษามาตรฐานจึงไม่เป็นไปตามที่ต้องการ สำหรับแฟนบอลที่มีอคติกับการเปลี่ยนผู้จัดการคนใหม่ อาจต้องเปิดใจและให้โอกาสได้ทำหน้าที่ เพราะมีตัวอย่างสโมสรชั้นนำมากมาย ที่จะต้องใช้เวลาปรับพื้นฐานจึงจะก้าวขึ้นมาสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ดังนั้นถ้าเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลตัวจริง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน จะตกต่ำหรือรุ่งเรืองถึงขีดสุด ทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุนสโมสรแห่งนี้อย่างแน่นอน