ข่าวร้อนชนตรงกลางระหว่างเรอัลมาดริดกับผู้ตัดสินสเปน
ดราม่าเรื่อง ผู้ตัดสิน ในวงการลูกหนังสเปนยกระดับเดือดขึ้นไปอีกขั้น เมื่อฝั่งสหภาพผู้ตัดสินออกโรงตอบโต้คำให้สัมภาษณ์ของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด แบบตรงไปตรงมา หลังบิ๊กบอสราชันชุดขาวไม่พอใจการตัดสินในศึก ลาลีกา พร้อมพาดพิงไปถึงแรงสั่นสะเทือนที่ยังหลอกหลอนมาจาก คดีเนเกร่า ว่ายังส่งผลต่อความเป็นธรรมของการแข่งขัน
ก่อนหน้านี้ เรอัลมาดริดใช้ทุกช่องทางแสดงความไม่พอใจ ตั้งแต่นักเตะกดดันในสนาม กุนซือจวกหลังเกม ไปจนถึงสื่อของสโมสรที่เปิดหน้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้ตัดสินอย่างต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุด เปเรซเองลงมาลุยด้วยตัวเอง ทำให้บรรยากาศความตึงเครียดระหว่างสโมสรยักษ์ใหญ่กับกลุ่มผู้ตัดสินพุ่งขึ้นแบบจับต้องได้
จุดนี้เองที่ทำให้สมาคมผู้ตัดสินของสเปน หรือ AESAF ตัดสินใจออกแถลงการณ์ยาว เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของผู้ตัดสิน และตอบโต้ทุกประเด็นที่ประธานเรอัลมาดริดพยายามโยงเข้ามาเกี่ยวกับคดีใหญ่ที่สั่นสะเทือนวงการลูกหนังสเปนในช่วงหลัง
คำแถลงเดือดจาก AESAF ตอบโต้ฟลอเรนติโน่ เปเรซ
แถลงการณ์ของ AESAF เปิดหัวด้วยน้ำเสียงชัดเจนว่าพวกเขา “ไม่ยอมรับ” คำกล่าวหาจากฝั่งเรอัลมาดริด
สมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลสเปน (AESAF) ขอแสดงการปฏิเสธต่อคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของประธานสโมสรเรอัลมาดริด นายฟลอเรนติโน่ เปเรซ เนื่องจากคำพูดลักษณะนี้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อชื่อเสียงของหมู่ผู้ตัดสินและต่อฟุตบอลสเปนโดยรวม
จากนั้นในแถลงการณ์ได้ขยายความต่อว่า กลุ่มผู้ตัดสินทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใสและเป็นมืออาชีพ พร้อมย้ำว่าข้อกล่าวหาของเปเรซไม่มีน้ำหนักทางข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการโยงเข้ากับคดีใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกจับตา
ในสิ่งที่ถูกเรียกว่า คดีเนเกร่า นั้น ไม่มีผู้ตัดสินคนใดถูกสอบสวนหรือถูกตั้งข้อกล่าวหาเลยตลอดช่วงกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย เราไม่อาจยอมรับข้อกล่าวหาคอร์รัปชันต่อผู้ตัดสินว่าเป็นสิ่งที่มีมูลได้
AESAF ชี้ชัดว่าคำกล่าวหาที่เหมารวมผู้ตัดสินทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบการแข่งขัน และไม่ยอมรับให้ใช้เป็นเครื่องมือโจมตีเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นใจ
ผู้ตัดสินไม่ใช่แพะ – ฟุตบอลตัดสินกันในสนาม
หนึ่งในประโยคสำคัญของแถลงการณ์ AESAF คือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ยอมให้ใครใช้คำว่า “ผู้ตัดสิน” เป็นข้ออ้างเวลาทีมแพ้
เราเข้าใจว่าการตัดสินไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างเพื่ออธิบายผลการแข่งขัน ฟุตบอลนั้นชนะและแพ้กันในสนาม
นอกจากการปกป้ององค์กรแล้ว AESAF ยังออกโรงสนับสนุนผู้ตัดสินเป็นรายชื่อชัดเจน
AESAF ขอแสดงการสนับสนุนต่อเพื่อนผู้ตัดสินของเรา ปาโบล กอนซาเลซ ฟูเอร์ตส์ และผู้ตัดสินทุกคนในสเปน ซึ่งทั้งผลงานระดับอาชีพและในฐานะบุคคลควรได้รับความเคารพจากสถาบันและจากสังคม
ข้อความนี้สะท้อนชัดว่าดราม่าระหว่างเรอัลมาดริดกับผู้ตัดสิน ไม่ได้หยุดแค่เรื่องในสนาม แต่ลามไปถึงเกียรติยศและความปลอดภัยของคนทำงานในระบบทั้งหมด
เคลียร์ประเด็นโคปาเดลเรย์ – AESAF ปัดข้อกล่าวหาข่มขู่
อีกจุดที่ AESAF ไม่ปล่อยผ่าน คือข้อกล่าวหาเรื่อง “การข่มขู่” ที่ถูกพาดพิงในงานแถลงข่าวหลัง โคปาเดลเรย์ นัดชิงฤดูกาล 2024–25 ซึ่งแถลงการณ์ยืนยันว่ามันไม่เป็นความจริงเลย
เราขอระบุให้ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาเรื่องการข่มขู่ซึ่งถูกอ้างในงานแถลงข่าวหลังนัดชิงชนะเลิศโคปาเดลเรย์ ฤดูกาล 2024–25 นั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และอย่างน้อยที่สุดก็ถือเป็นเรื่องเท็จ
AESAF อธิบายว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อสารจริงๆ คือการเตือนสังคมถึงความรุนแรงที่ผู้ตัดสินและครอบครัวต้องเผชิญ
[ข้อความเหล่านั้น] มีเจตนาเพื่อชี้ให้เห็นว่าความรุนแรงต่อผู้ตัดสินและต่อครอบครัวของพวกเขาในทุกระดับของฟุตบอลสเปน ได้พุ่งขึ้นถึงระดับที่ไม่อาจยอมรับได้แล้ว
กล่าวได้ว่าจุดยืนของสมาคมคือ พวกเขาถูกเข้าใจผิด และไม่ยอมให้ภาพลักษณ์ขององค์กรถูกบิดเบือนจากคำพูดที่ถูกตีความไปอีกแบบ
ชี้นิ้วกลับเรอัลมาดริด – สร้างบรรยากาศไม่เป็นกีฬาในลีกสเปน
แถลงการณ์ของ AESAF ไม่ได้หยุดอยู่แค่การปกป้องผู้ตัดสิน แต่ยังสะท้อนความไม่พอใจต่อท่าทีของ เรอัลมาดริด ที่ยังคงออกมาให้ข่าวโจมตีอย่างต่อเนื่อง
เป็นเรื่องร้ายแรงอย่างมากที่สโมสรแห่งนี้ยังคงยืนยันคำพูดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และอาจสร้างบรรยากาศที่ขาดความเป็นกีฬาในระดับการแข่งขันฟุตบอลสเปน
พร้อมกันนั้น AESAF ยังย้อนกลับไปเน้นย้ำอีกครั้งว่า ในกรณีคดีดังที่ถูกพาดพิงนั้น ผู้ตัดสินไม่เคยถูกตั้งข้อหาใดๆ
ณ วันนี้ ไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือการสอบสวนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ตัดสินตลอดช่วงการไต่สวน ทำให้จำเป็นต้องยึดหลักสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และหลีกเลี่ยงคำให้สัมภาษณ์ที่อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด
นั่นหมายความว่าในมุมของ AESAF การที่คนระดับประธานสโมสรออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงโยงคดีคอร์รัปชันกับผู้ตัดสิน ถือเป็นการทำลายหลักความยุติธรรมทางสังคม และเป็นการโยนเชื้อไฟใส่ความขัดแย้งโดยตรง
เบื้องหลังการทำงานร่วม RFEF และพลาดของมาดริดที่ไม่เข้าร่วม
AESAF ยังอธิบายเพิ่มว่า พวกเขาไม่ได้ปิดประตูรับฟังเสียงจากสโมสร แต่กลับทำงานเชิงระบบกับสมาพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) และสโมสรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
AESAF ขอย้ำว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปงานผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นเวทีพูดคุยต่อเนื่องที่จัดโดย RFEF โดยมีตัวแทนจากสโมสรอาชีพร่วมแลกเปลี่ยนฟังข้อเสนอ วิเคราะห์ข้อกังวล และทำงานร่วมกันอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
จากนั้นมีประโยคสั้นๆ แต่เจ็บลึกที่แฟนบอลอ่านแล้วต้องสะดุ้งแทนเรอัลมาดริด
เรอัลมาดริดไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งล่าสุด
แปลตรงตัวคือ ขณะที่หลายสโมสรและองค์กรพยายามทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับมาตรฐานผู้ตัดสิน ฝั่งราชันชุดขาวกลับไม่โผล่หน้าไปนั่งโต๊ะคุยด้วย แต่เลือกใช้วิธีสื่อสารผ่านไมค์และสื่อแทน
ท้ายแถลงการณ์ AESAF ยังยกเรื่องเทคโนโลยีอย่าง VAR และโปรโตคอลการรีวิวเข้ามาเป็นเกราะป้องกันข้อครหา
การใช้เครื่องมืออย่าง VAR และขั้นตอนการรีวิว ช่วยเสริมความโปร่งใส และลดขอบเขตของความผิดพลาดจากมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในทุกประเภทกีฬา
บทเรียนเรื่องความโปร่งใสในยุค VAR สำหรับวงการลูกหนังสเปน
หากมองให้กว้างขึ้น ดราม่าระหว่างเรอัลมาดริดกับสมาคมผู้ตัดสินครั้งนี้ สะท้อนโจทย์ใหญ่ของฟุตบอลยุคใหม่ที่ต้องเดินอยู่ระหว่าง “อารมณ์แฟนบอล” กับ “ความเป็นมืออาชีพของระบบการแข่งขัน” ฝั่งสโมสรใหญ่ต้องการปกป้องผลประโยชน์และภาพลักษณ์ของทีม ขณะที่ฝั่งผู้ตัดสินต้องรักษาความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของคนทำงานในสนาม
แม้จะมี VAR และโปรโตคอลการทบทวนหลายชั้น แต่ความผิดพลาดของคนก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ และทุกครั้งที่มีคำพูดจากบุคคลระดับสูงที่ตีตราผู้ตัดสินแบบเหมารวม สิ่งที่ตามมามักไม่ใช่แค่เสียงด่าในโลกออนไลน์ แต่รวมถึงแรงกดดันในสนาม การคุกคามนอกสนาม และความร้อนแรงที่เกินพอดีในหมู่แฟนบอล
ฟุตบอลสมัยนี้ไม่ได้จบแค่เสียงนกหวีดหมดเวลา แต่ต่อยอดเป็นกระแสทั้งในสื่อดั้งเดิมและโซเชียล การสื่อสารของคนระดับประธานสโมสรจึงกลายเป็น “อาวุธ” อย่างหนึ่ง ที่อาจสร้างทั้งแรงกระเพื่อมเชิงบวก หรือทำลายสมดุลของการแข่งขันได้ในพริบตา
มุมมอง บ้านกีฬา ต่อดราม่าราชันปะทะเปา
สำหรับฝั่ง บ้านกีฬา สิ่งที่เห็นชัดจากเรื่องนี้คือ ทุกฝ่ายในวงการลูกหนังสเปนกำลังเดินอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างการแข่งขันที่ดุเดือดกับความเคารพต่อระบบเกม กีฬาอย่างฟุตบอลต้องพึ่งพาทั้งนักเตะที่ทุ่มเท แฟนบอลที่เชียร์เต็มเสียง และผู้ตัดสินที่กล้าตัดสินใจในวินาทีสำคัญ
กรณีระหว่างเรอัลมาดริดกับ AESAF อาจยังไม่ใช่จุดจบของดราม่า และมีแนวโน้มจะมีภาคต่ออีกหลายรอบในอนาคต แต่สิ่งที่แฟนบอลควรจับตาคือ จะมีการปรับปรุงกลไกตรวจสอบ ถกเถียงอย่างเป็นระบบ และสร้างพื้นที่พูดคุยอย่างมืออาชีพมากขึ้นหรือไม่ มากกว่าจะปล่อยให้ทุกอย่างกลายเป็นสงครามคำพูดผ่านไมโครโฟนและหน้าจอทีวี
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของดราม่าวงการลูกหนังสเปน ทั้งเรื่อง เรอัล มาดริด, ผู้ตัดสิน, VAR ไปจนถึงประเด็นร้อนจากลีกอื่นๆ อย่าลืมติดตามข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา รับรองว่าจัดให้ครบ เข้มข้น และเล่าแบบคนดูบอลตัวจริงเข้าใจ

