ศาลอาญาฟันโทษคุกจริง 2 ปี “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” ปม ใบ สด.43 ปลอม ไม่รอลงอาญา—รอลุ้นประกันตัวต่อ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

เช้าวันนี้ (16 ธ.ค. 2568) ข่าวการเมืองสะเทือนอีกระลอก เมื่อ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อทย.155/2567 ในห้องพิจารณา 910 กรณี “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” อดีต สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ถูกฟ้องว่าเกี่ยวข้องกับการแสดงและเผยแพร่เอกสารใบผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือ “สด.43” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเอกสารปลอม ก่อนนำไปปรากฏในสื่อและโซเชียล จนถูกดำเนินคดีในข้อหาปลอม/ใช้เอกสารราชการปลอม และข้อหาตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ (จำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด)

ผลคำพิพากษาล่าสุด “ไม่เบา” เพราะศาลมีคำสั่งลงโทษ จำคุก 2 ปี และ “ไม่รอลงอาญา” ในฐานความผิดที่ศาลเห็นว่าเข้าข่ายการใช้เอกสารราชการปลอม ขณะที่ฝ่ายทนายยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งเป็นอีกช่วงสำคัญที่สังคมจับตาอย่างใกล้ชิด

ภาพรวมคดีนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงกลายเป็นประเด็นใหญ่

คดีนี้เริ่มจาก “ข้อสงสัย” เรื่องที่มาของเอกสารการผ่านการเกณฑ์ทหาร (สด.43) ของอดีต สส.รายดังกล่าว ก่อนลุกลามเป็นการร้องเรียนให้ตรวจสอบ และนำไปสู่กระบวนการแจ้งความ/สืบสวน จนพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา โดยมีประเด็นแกนกลางอยู่ที่ “เอกสารราชการ” ซึ่งกฎหมายไทยถือว่ามีน้ำหนักสูงมาก หากมีการปลอมแปลงหรือหยิบไปใช้ในทางที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ย่อมกระทบความเชื่อมั่นของระบบราชการและความไว้วางใจของสาธารณะโดยตรง

ใบ สด.43 คืออะไร ทำไมผู้คนถึงซีเรียส

ถ้าพูดแบบเข้าใจง่าย “สด.43” คือเอกสารรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกิน หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “ใบผ่านทหารเกณฑ์” เป็นหลักฐานว่าบุคคลนั้นผ่านกระบวนการตรวจเลือกแล้ว ผลเป็นอย่างไร—จับได้ใบดำ/ใบแดง ได้รับการผ่อนผัน หรือไม่ต้องรับราชการทหารด้วยเหตุอื่นตามระเบียบ เอกสารนี้จึงผูกกับสิทธิหน้าที่ของชายไทยและถูกใช้เป็นหลักฐานในหลายสถานการณ์ในชีวิตจริง

ประเด็นมันจึงไม่ใช่แค่ “กระดาษหนึ่งใบ” แต่มันคือ “ความน่าเชื่อถือของสถานะ” และ “ความจริงที่ตรวจสอบย้อนกลับได้” โดยเฉพาะเมื่อเอกสารถูกนำไปอ้างอิงในพื้นที่สาธารณะอย่างรายการข่าวหรือโซเชียล กระแสก็ยิ่งแรง เพราะสังคมมองว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งสาธารณะควรถูกตรวจสอบได้มากกว่าคนทั่วไป

ไทม์ไลน์สำคัญ จากข้อสงสัยสู่ศาลอาญา

ตามรายละเอียดที่ถูกนำเสนอในรายงานข่าว คดีนี้มีองค์ประกอบสำคัญหลายช่วง

  • มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการได้มาของเอกสาร สด.43
  • เกิดการร้องเรียน/ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
  • มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดี และคดีถูกส่งต่อเข้าสู่ชั้นอัยการ
  • อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เป็นคดี อทย.155/2567 และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 16 ธ.ค. 2568

สิ่งที่ทำให้คดีนี้ถูกจับตา คือจำเลยเป็นบุคคลสาธารณะ เคยมีบทบาททางการเมือง และประเด็นเกี่ยวกับทหาร/การเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องอ่อนไหวที่สังคมถกเถียงกันอยู่แล้ว

ศาลชี้ขาดจากอะไร จุดไหนที่ทำให้ “ไม่รอลงอาญา”

รายงานข่าวระบุว่า ศาลพิเคราะห์จากพยานและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย โดยฝั่งโจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหลายปาก ขณะที่ฝั่งจำเลยมีการเบิกความต่อสู้คดี และศาลให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงเรื่องกระบวนการตรวจเลือก/บันทึกข้อมูลในระบบที่ตรวจสอบเป็นลำดับ รวมถึงพฤติการณ์การนำเอกสารไปใช้/เผยแพร่ในที่สาธารณะ

อีกจุดที่ถูกพูดถึงมาก คือภาพรวมคำวินิจฉัยที่สะท้อนว่า “แม้ยังไม่ชัดว่าใครเป็นผู้ปลอมเอกสาร” แต่หากศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนา “ใช้” เอกสารราชการปลอม ก็สามารถลงโทษในฐานใช้เอกสารปลอมได้ ซึ่งสอดคล้องกับหลักกฎหมายหมวดความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ที่แยก “ปลอม” กับ “ใช้” ออกจากกัน

โทษที่ได้รับ และข้อหาอื่นๆ ในคดี

ผลคำพิพากษาที่รายงานออกมาคือ ศาลลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยยึดฐานความผิดที่หนักที่สุดเกี่ยวกับการใช้เอกสารราชการปลอม ส่วนข้อหาอื่นมีรายงานว่าศาล “ยก” ในบางส่วนตามดุลพินิจและข้อเท็จจริงที่ศาลรับฟัง

ในภาพใหญ่ นี่เป็นตัวอย่างคลาสสิกของคดีที่ “เอกสารราชการ” มีน้ำหนักสูงมากในศาล เพราะเป็นหลักฐานที่รัฐรับรอง และการปลอม/ใช้ปลอมย่อมกระทบระบบโดยรวม ไม่ใช่แค่คู่กรณีรายบุคคล

หลังคำพิพากษาเกิดอะไรต่อ สิทธิประกันตัว-อุทธรณ์ เดินเกมกันยังไง

หลังศาลอ่านคำพิพากษา ขั้นตอนที่คนทั่วไปมักสงสัยคือ “ยังขอปล่อยชั่วคราวได้ไหม” คำตอบคือโดยหลักสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ และศาลจะพิจารณาตามเงื่อนไข/ความเสี่ยงต่างๆ (เช่น หลบหนี ยุ่งเหยิงพยาน หลักทรัพย์ ฯลฯ) ซึ่งในคดีนี้มีรายงานว่าทนายจำเลยยื่นขอประกันตัวและอยู่ระหว่างการพิจารณา

ส่วนเส้นทาง “อุทธรณ์” ก็เป็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน แต่ต้องเดินตามกรอบเวลาและเหตุผลทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด—จุดนี้คืออีกเหตุผลที่ข่าวแนวนี้มักถูกติดตามต่อเนื่อง เพราะคำว่า “จบ” หรือ “ไม่จบ” ยังขึ้นอยู่กับขั้นตอนหลังคำพิพากษา

บทเรียนที่สังคมควรจำ: เอกสารราชการปลอมไม่ใช่เรื่องเล่น และกระทบไกลกว่าที่คิด

คดีนี้สะท้อนประเด็นแบบไม่ต้องแต่งเติมว่า “การใช้เอกสารราชการปลอม” ไม่ใช่แค่ความผิดบนกระดาษ แต่เป็นเรื่องที่กระทบความน่าเชื่อถือของระบบรัฐ ความไว้วางใจของประชาชน และมาตรฐานความรับผิดชอบของบุคคลสาธารณะโดยตรง

สำหรับคนทั่วไป บทเรียนที่หยิบใช้ได้ทันทีคือ

  • เอกสารสำคัญอย่าง สด.43 ควรเก็บรักษาให้ดี และหากข้อมูลผิดต้องแก้ไขตามช่องทางทางการ
  • หากมีการปลอมเอกสารราชการหรือใช้เอกสารปลอม กฎหมายมีโทษชัด และเข้มงวดกว่าที่หลายคนคิด
  • โลกโซเชียลไม่ใช่พื้นที่ “โพสต์แล้วจบ” เพราะการเผยแพร่เอกสาร/ข้อมูลที่ไม่จริงอาจพาไปถึงคดีได้จริง และทิ้งผลกระทบยาว ทั้งด้านภาพลักษณ์ การงาน และความเชื่อมั่น

ท้ายที่สุด เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นแค่ “ข่าววันนี้” แต่เป็นเคสตัวอย่างที่สะกิดให้สังคมกลับมามองมาตรฐานความจริง ความรับผิดชอบ และต้นทุนของการใช้ข้อมูล/เอกสารในที่สาธารณะ—โดยเฉพาะกับคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งที่ประชาชนฝากความหวังไว้

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา