โค้ชใครเงินหนาสุดใน NBA? เปิดเพดานค่าเหนื่อยกุนซือระดับท็อปของลีก

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ภาพรวมเพดานค่าเหนื่อยโค้ช NBA ตอนนี้

ในยุคที่ค่าตัวซูเปอร์สตาร์นักบาสพุ่งทะยานขึ้นทุกปี ฝั่ง โค้ช NBA เองก็ไม่เบา เพราะตัวเลข ค่าเหนื่อยโค้ช ระดับท็อปของลีกตอนนี้ ทะลุหลักสิบกว่าล้านดอลลาร์ต่อปีแบบสบายๆ แถมหลายคนมีสัญญายาวพร้อมเงินการันตีในกระเป๋าเต็มๆ
จากรายงานของสื่อด้านธุรกิจกีฬาชื่อดังอย่าง ‘สปอร์ติโค’ ระบุว่า สตีฟ เคอร์ เฮดโค้ชของ โกลเด้น สเตต วอร์ริเออร์ส คือคนที่รับค่าเหนื่อยเฉลี่ยต่อปีสูงสุดใน NBA เวลานี้ อยู่ที่ราว 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 600 ล้านบาทต่อปี) ทิ้งห่างเพื่อนร่วมอาชีพแบบเห็นภาพชัด

ท็อปทรีโค้ชเงินหนา เคอร์–สโปลส์ทรา–ลู ยืนหนึ่ง

สามชื่อที่ยืนอยู่บนยอดภูเขาเรื่องค่าเหนื่อยในตอนนี้ คือ เคอร์, เอริก สโปลส์ทรา และ ไทโรน ลู ซึ่งล้วนเป็นโค้ชที่ผ่านงานระดับเพลย์ออฟและมีดีกรีแชมป์ติดตัวกันทั้งนั้น

สตีฟ เคอร์ แชมป์เยอะ ค่าเหนื่อยก็นำลีก

เคอร์คือสัญลักษณ์ความสำเร็จยุคใหม่ของ วอร์ริเออร์ส พาทีมคว้าแชมป์หลายสมัย สร้างระบบเกมรุกที่ยืนระยะมานาน ทำให้การรับ 17.5 ล้านดอลลาร์/ปี ถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนทั้งผลงานและแบรนด์ของสโมสร
อย่างไรก็ตาม สัญญาฉบับปัจจุบันของเขากับ โกลเด้น สเตต จะหมดอายุหลังจบฤดูกาล 2025-26 นั่นหมายความว่าในเชิง “ระยะสั้น” เขาอาจเป็นโค้ชที่รับหนักสุด แต่ในภาพรวมระยะยาว ยังมีคนที่การันตีเงินรวมมากกว่ารออยู่

สโปลส์ทรา – ลู สัญญายาว การันตีเงินรวมสุดอู้ฟู่

ฝั่ง ไมอามี ฮีต เลือกล็อกอนาคตกับ สโปลส์ทรา ด้วยสัญญาใหม่ระยะเวลา 8 ปี ขณะที่ แอลเอ คลิปเปอร์ส จัดสัญญา 5 ปีให้ ลู โดยทั้งคู่ถูกประเมินว่ามีค่าเหนื่อยอยู่ในเรตประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 500 กว่าล้านบาท)
แม้ตัวเลขต่อปีจะเป็นรองเคอร์เล็กน้อย แต่เพราะสัญญายาวกว่า ทำให้ยอดเงินรวมที่การันตีตลอดดีลของสองกุนซือรายนี้สูงมาก และมีความมั่นคงในอาชีพชัดเจนกว่า

โค้ชกลุ่ม 11 ล้านดอลลาร์ ดีกรีไม่ธรรมดา

หลังจากกลุ่มท็อปทรี ยังมีโค้ชอีกหลายคนที่ยืนอยู่ในโซนค่าเหนื่อยเฉลี่ยประมาณ 11 ล้านดอลลาร์/ปี หรือราว 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งล้วนเป็นชื่อที่แฟนบาสรู้จักดี

  • ด็อค ริเวอร์ส จาก มิลวอคกี บัคส์
  • อิเม่ อูโดก้า จาก ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์
  • โจ มาซซัลล่า จาก บอสตัน เซลติคส์
  • ริค คาร์ไลล์ จาก อินเดียนา เพเซอร์ส

แต่ละคนคือโค้ชที่แบกรับความคาดหวังของแฟนบอลและผู้บริหารสโมสรในระดับ “ต้องพาทีมลุ้นเพลย์ออฟเป็นอย่างน้อย” ตัวเลข 11 ล้านดอลลาร์จึงไม่ใช่แค่ค่าเหนื่อยธรรมดา แต่คือค่าตอบแทนสำหรับการบริหารห้องแต่งตัว การพัฒนาเด็ก และการวางระบบให้ทีมเดินหน้าได้ระยะยาว

กลุ่มรองลงมา แต่ค่าเหนื่อยยังแตะระดับ 8–10 ล้านต่อปี

ถัดลงมาเล็กน้อย ยังมีโค้ชที่รับค่าเหนื่อยในระดับใกล้แตะ 10 ล้านดอลลาร์/ปี ซึ่งถือว่าสูงมากอยู่ดีเมื่อเทียบกับภาพรวมของลีกก่อนหน้านี้
ไมค์ บราวน์ จาก นิวยอร์ก นิคส์ เป็นโค้ชเพียงคนเดียวในกลุ่มนี้ที่มีค่าเฉลี่ยต่อปีอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงาน ก่อนจะไล่ลงมาเป็น เจสัน คิดด์ โค้ชของ ดัลลัส แมฟเวอริคส์ ที่รับอยู่ประมาณ 9.5 ล้านดอลลาร์ต่อปี และ เจเจ เร้ดดิค เฮดโค้ช แอลเอ เลเกอร์ส กับตัวเลขราว 9 ล้านดอลลาร์ต่อปี
แม้ทั้งสามคนจะยังไม่ขึ้นไปแตะเพดานกลุ่มหัวตาราง แต่เมื่อมองว่าโค้ชหนึ่งคนสามารถเปลี่ยนหน้าตาของทีมได้ ทั้งในแง่สไตล์การเล่น ฟอร์มในสนาม และแรงดึงดูดของซูเปอร์สตาร์ ตัวเลขระดับนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ทั้งภาพลักษณ์และความคาดหวังขององค์กร

เบื้องหลังค่าเหนื่อยโค้ช: ทำไมตัวเลขถึงพุ่งไม่แพ้ซูเปอร์สตาร์

สิ่งที่แฟนบาสหลายคนอาจมองข้าม คือบทบาทของโค้ชในยุคที่ NBA เต็มไปด้วยสตาร์ค่าตัวแพง โค้ชต้องเป็นทั้งนักวางแท็กติก นักจิตวิทยา ผู้จัดการทีม และผู้นำในห้องแต่งตัวในเวลาเดียวกัน การบริหารอีโก้ของนักกีฬา การปรับระบบให้เข้ากับตัวผู้เล่น และการรับแรงกดดันจากสื่อ ล้วนทำให้ตำแหน่งเฮดโค้ชกลายเป็น “ทรัพยากรพรีเมียม” ขององค์กร
เมื่อลีกทำเงินได้มากขึ้นจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด สปอนเซอร์ และตลาดแฟนคลับทั่วโลก ทีมต่างๆ จึงยอมจ่ายค่าเหนื่อยโค้ชในระดับสูงขึ้น เพราะมองว่านี่คือการลงทุนเพื่อผลลัพธ์ทั้งในสนามและในเชิงธุรกิจระยะยาว

แฟนบาสไทยควรรู้อะไรจากบัญชีค่าเหนื่อยโค้ชเหล่านี้

สำหรับแฟนบาสชาวไทย การมองไปที่ตัวเลขค่าเหนื่อยของโค้ชใน NBA ไม่ได้เป็นแค่เรื่องตัวเลขหวือหวา แต่ยังสะท้อน “เทรนด์ของวงการกีฬาอาชีพ” ที่ให้คุณค่ากับการบริหารทีมแบบมืออาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ
หลายสโมสรไม่ยอมเสี่ยงกับการลองโค้ชใหม่แบบระยะสั้น แต่เลือกลงทุนกับกุนซือที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว พร้อมมอบสัญญายาวและการันตีค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาล เพราะรู้ดีว่าความผิดพลาดในตำแหน่งเฮดโค้ช อาจทำให้ทีมถอยหลังไปหลายปี และต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่

สรุปภาพใหญ่ของตลาดโค้ช NBA ในมุมมอง บ้านกีฬา

เมื่อกางบัญชีดูให้ชัด ตลาดโค้ช NBA วันนี้คือเวทีของกุนซือระดับท็อปที่ค่าตัวพุ่งขึ้นตามผลงานและชื่อเสียง เคอร์ รับสูงสุดต่อปีที่ 17.5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ สโปลส์ทรา และ ลู ได้เปรียบในเรื่องสัญญายาวและเงินรวมตลอดดีล
ด้านกลุ่ม 11 ล้านดอลลาร์อย่าง ริเวอร์ส, อูโดก้า, มาซซัลล่า และ คาร์ไลล์ รวมถึงชื่ออย่างไมค์ บราวน์, เจสัน คิดด์ และ เจเจ เร้ดดิค ต่างก็เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า หากโค้ชสามารถยกระดับทีม สร้างเอกลักษณ์การเล่น และพาทีมลุ้นความสำเร็จได้ สโมสรยินดีจ่ายในระดับ “ซูเปอร์โค้ช” ทันที
ในอนาคต เพดานค่าเหนื่อยของโค้ชมีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้นอีกตามรายได้ของลีก และเมื่อมีโค้ชหน้าใหม่แจ้งเกิด หรือโค้ชเก๋าๆ พาทีมประสบความสำเร็จเพิ่มเติม เราอาจได้เห็นสัญญาโค้ชแตะระดับเกิน 20 ล้านดอลลาร์ต่อปีไม่ไกลเกินจริงแน่นอน
แฟนบาสที่อยากตามทุกมุมของโลกกีฬา ทั้งข่าวค่าเหนื่อยโค้ช ซูเปอร์สตาร์ตลาดซื้อขาย ไปจนถึงผลการแข่งขันสำคัญ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ บาสสดบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา