โลกโซเชียลแทบลุกเป็นไฟ เมื่อโปรเจกต์หนังไทยบล็อกบัสเตอร์ปี 2569 อย่าง อัศจรรย์วันทอง ปล่อยภาพชุดและทีเซอร์แรกอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศชัดว่านี่ไม่ใช่การเล่า “ตำนานเดิม” แบบเดิม ๆ แต่คือการยกเวทีให้ “วันทอง” ลุกขึ้นยืนด้วยหัวใจตัวเอง—ไม่ยอมถูกตราหน้าว่า “สองใจ” อีกต่อไป!
และที่ทำให้กระแสยิ่งแรงขึ้นไปอีก คือการรวมตัวของ 3 ซูเปอร์สตาร์ต่างสายที่แฟน ๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นในเฟรมเดียวกัน: อิ้งค์ วรันธร รับบท “วันทอง”, หมาก ปริญ รับบท “ขุนแผน” และ กลัฟ คณาวุฒิ รับบท “ขุนช้าง” เสริมทัพด้วย ปริมมี่-วิพาวีร์ เป็น “สายทอง” และ เฟย-ภัทร เป็น “จันสอน” แบบครบเครื่องในแววตาเดียวก็รู้ว่า “งานใหญ่” กำลังมา
โปรเจกต์นี้ใหญ่มาจากไหน? ใครทำ และทำไมคนดูถึงคาดหวัง
หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของค่าย Black Dragon Entertainment และถูกวางหมากให้เป็น “หนังไทยฟอร์มยักษ์” ที่เล่นกับงานโปรดักชันแบบจัดเต็ม ทั้งงานภาพ การออกแบบโลก เรื่องเล่า และวิชวลเอฟเฟกต์ที่ทีเซอร์เผยออกมาแบบไม่กั๊กความทะเยอทะยาน
ทีมสร้างก็ไม่ธรรมดา ผู้กำกับคือ “มุก-ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ” (ผู้กำกับ ลอง ลีฟ เลิฟว์!) ขณะที่โปรดิวเซอร์คือ “จูเลี่ยน จอง” ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้บริหารของค่าย และมีเครดิตผู้อำนวยการสร้างผลงานระดับโลกหลายเรื่อง—แค่ชื่อก็กระตุกความคาดหวังของคนดูทันที

เรื่องย่อ “อัศจรรย์วันทอง” เมื่อผู้หญิงยุคนี้หลุดไปติดกับดักรักยุคโน้น
ไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือ “การเล่าใหม่ด้วยมุมมองใหม่” เพราะเรื่องไม่ได้เริ่มจากวันทองในวรรณคดีตรง ๆ แต่พาคนดูไปจับมือกับ “พิมพ์มาดา” หญิงสาวยุคปัจจุบันที่หลุดข้ามห้วงเวลาเข้าไปในโลกของวังวนรักของ “นางวันทอง” ที่คนอ่านวรรณคดีคุ้นกันดี—ความสัมพันธ์ที่ทั้งซับซ้อน ทั้งกดทับ และพาไปสู่บทลงโทษอันโหดร้ายในชะตากรรมเดิม
แต่คำถามใหญ่ของหนัง (และเป็นหมัดฮุกที่แทงใจคนดูยุคนี้) คือ “ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องยอมรับชะตา?” เพราะพิมพ์มาดาตัดสินใจ “กำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ให้วันทอง” ด้วยความคิดและหัวใจของตัวเอง—เพื่อเอาตัวรอดและหนีจากปลายทางที่ไม่เป็นธรรม

3 นักแสดงนำกับบทบาทที่คนดูพร้อมตัดสินตั้งแต่โปสเตอร์
การแคสต์ครั้งนี้คือการ “วางแรงปะทะ” อย่างจงใจ เพราะทุกคนมีภาพจำแรงในมือ
- อิ้งค์ วรันธร ในบท “วันทอง” คือความน่าลุ้นระดับปรากฏการณ์: จากนักร้องที่คนดูอินกับอารมณ์เพลง สู่บทนำในหนังฟอร์มใหญ่ที่ต้องแบกทั้งดราม่า อำนาจการเลือก และมิติของผู้หญิงที่ถูกสังคมตัดสินง่ายเกินไป
- หมาก ปริญ กับ “ขุนแผน” ตัวละครที่มีเสน่ห์แบบอันตราย—หล่อ เก่ง มีคาริสม่า แต่เต็มไปด้วยคำถามเรื่องความรัก ความรับผิดชอบ และผลของการตัดสินใจ
- กลัฟ คณาวุฒิ กับ “ขุนช้าง” ที่หลายเวอร์ชันมักถูกตีตราไว้ชัด แต่เวอร์ชันหนังฟอร์มยักษ์แบบนี้ “มีสิทธิ์” จะทำให้ขุนช้างไม่ใช่แค่ตัวประกอบในรักสามเส้า—แต่อาจกลายเป็นตัวละครที่คนดูเข้าใจมากขึ้น (และเถียงกันมากขึ้น)
แค่นี้ก็พอให้เดาได้ว่า “เคมี” และ “การปะทะทางอารมณ์” จะเป็นอาวุธสำคัญของเรื่อง ไม่แพ้ฉากแฟนตาซีหรือโปรดักชันอลังการ

ทำไม “วันทอง” ถึงเล่าได้ไม่มีวันหมด: รากวรรณคดีที่ยังแทงใจสังคมวันนี้
ถ้าพูดถึงคีย์เวิร์ดที่เป็นอมตะของไทย หนึ่งในนั้นต้องมี ขุนช้างขุนแผน อยู่ในลิสต์ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องรักสามเส้า แต่มันคือภาพสะท้อน “อำนาจของผู้ชาย” “การตัดสินผู้หญิง” และ “ความยุติธรรมที่ไม่เท่ากัน” ที่ส่งเสียงข้ามเวลามาถึงปัจจุบันได้แบบเจ็บ ๆ
คำว่า “วันทองสองใจ” กลายเป็นวลีติดปากที่สังคมใช้ตัดสินผู้หญิงง่ายเกินไปมานาน และนั่นเองที่ทำให้เวอร์ชันใหม่อย่าง “อัศจรรย์วันทอง” ดูมีพลัง—เพราะมันไม่ได้แค่เล่าเรื่องเดิมให้ดูสวยขึ้น แต่เหมือนตั้งใจ “ท้าทายคำตัดสินเก่า” ด้วยภาษาและมุมมองของคนยุคนี้

ผู้กำกับพูดชัด: หนังอยากชวนคุยเรื่องความสัมพันธ์ และการอยู่ร่วมกันให้ดีกว่าเดิม
อีกจุดที่ทำให้โปรเจกต์นี้ดู “มีของ” คือคำอธิบายทิศทางจากผู้กำกับที่สะท้อนว่าไม่ได้มาทำหนังรักขายฝันอย่างเดียว แต่ตั้งใจขยายประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองเพศ และความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข—เป็นแนวคิดที่ถ้าเล่าได้ถึง จะทำให้หนังพ้นจากคำว่า “รีเมกวรรณคดี” ไปไกลมาก

สิ่งที่แฟนหนังควรจับตา: หนังฟอร์มใหญ่ “เกิด” ได้ด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ
สำหรับคนที่ชอบวิเคราะห์หนังแบบคอมเมนต์บอล (สไตล์บ้านกีฬา) บอกเลยว่าเรื่องนี้มีหลายจุดให้เช็กฟอร์มตั้งแต่ยังไม่เข้าฉาย
- งานสร้างโลกและโทนภาพ: ทีเซอร์บอกใบ้ความร่วมสมัยผสมกลิ่นอายพีเรียด ถ้าคุมโทนได้ทั้งเรื่องจะ “พาอิน” แบบยาว ๆ
- การตีความตัวละคร: ขุนแผน–ขุนช้าง–วันทอง จะไม่ใช่แค่ “ใครดีใครร้าย” แต่เป็น “ใครทำอะไร แล้วส่งผลอะไร” ซึ่งเป็นโจทย์ที่คนดูยุคนี้ให้คะแนนหนักมาก
- ประเด็นผู้หญิงกับการเลือก: ถ้าหนังทำให้ “วันทอง” เป็นมนุษย์ที่มีเหตุผล มีแผล และมีสิทธิ์เลือกได้จริง ๆ นี่แหละคือหมัดน็อกที่ทำให้หนังถูกพูดถึงยาวข้ามปี
- วิชวลเอฟเฟกต์และโปรดักชัน: หนังประกาศตัวว่าใหญ่ ก็ต้อง “ใหญ่แบบมีความหมาย” ไม่ใช่ใหญ่แค่แสงสี

ดูตัวอย่างได้ที่ไหน และหนังเข้าฉายเมื่อไหร่
ตอนนี้ “ตัวอย่างแรก” ถูกปล่อยให้รับชมผ่านช่อง YouTube ของ Black Dragon Entertainment และมีการระบุว่าจะพบกันในโรงภาพยนตร์ช่วงพุทธศักราช 2569

สรุป: “อัศจรรย์วันทอง” ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่มาวางหมากให้วงการหนังไทยต้องหันมามอง
ถ้าทีมสร้างทำได้ตามที่ประกาศไว้ “อัศจรรย์วันทอง” มีสิทธิ์เป็นทั้งหนังรัก-แฟนตาซี-ผจญภัยที่ดูสนุก และเป็นหนังที่ชวนสังคมคุยเรื่อง “การตัดสินผู้หญิง” แบบไม่ต้องเทศนาให้หนักหัว—แต่ใช้เรื่องเล่า ใช้ภาพ ใช้อารมณ์พาคนดูไปเอง
จากนี้เกมจะเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแค่ทีเซอร์แรกก็ทำให้คนดูตั้งคำถามกันทั้งไทม์ไลน์แล้วว่า… “ครั้งนี้วันทองจะเลือกยังไง” และ “ใครกันแน่ที่ควรถูกตัดสิน”
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

