ข่าวเศร้า 12 ธ.ค. 2568: สมาคมเชฟประเทศไทยประกาศอาลัยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เพจ Thailand Chefs Association : สมาคมเชฟประเทศไทย โพสต์แจ้งข่าวสะเทือนใจต่อคนในวงการอาหารและแฟนรายการทำอาหารทั่วประเทศว่า “เชฟสมศักดิ์ รารองคำ” นายกสมาคมเชฟประเทศไทย ได้จากไปอย่างสงบ พร้อมข้อความแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงคุณงามความดี ตลอดช่วงเวลาที่ท่านอุทิศตนทำงานเพื่อสมาคมฯ อย่างต่อเนื่อง
สารสำคัญที่สมาคมฯ ย้ำชัดคือ “ท่านเป็นผู้นำที่ทรงคุณค่า และเป็นที่เคารพรักของพวกเราทุกคน” ขณะที่รายละเอียดเรื่อง กำหนดการสวดพระอภิธรรมและพิธีฌาปนกิจ ทางสมาคมฯ ระบุว่าจะประกาศแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อมีความชัดเจน
กระแสอาลัยหลั่งไหล: คนครัว-ศิษย์-แฟนรายการ ร่วมส่งกำลังใจให้ครอบครัว
หลังโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป บรรยากาศในคอมเมนต์เต็มไปด้วยข้อความแสดงความเสียใจและความรักจากหลายกลุ่ม ตั้งแต่เชฟมืออาชีพ ร้านอาหาร โรงแรม สถาบันการสอนทำอาหาร ตลอดจนแฟนรายการแข่งขันทำอาหารที่ติดตามผลงานของท่านมายาวนาน
ในรายชื่อผู้ร่วมอาลัยมีทั้งคนในแวดวงอาหารที่ถูกเอ่ยถึง เช่นเชฟจากรายการดัง อาทิ เชฟชัชชญา รักตะกนิษฐ และ เชฟใบตอง กมเลศ ฤทธิ์เดชา จากรายการ Hell’s Kitchen ซึ่งสะท้อนชัดว่า “เชฟสมศักดิ์” ไม่ใช่แค่ผู้นำในตำแหน่ง แต่เป็น “ศูนย์รวมใจ” ของคนครัวหลายรุ่นจริงๆ

รู้จัก “เชฟสมศักดิ์ รารองคำ” ให้ลึกขึ้น: ชีวิตที่เดินทางไกลจากความตั้งใจสู่การเป็นผู้นำวงการ
ข้อมูลประวัติที่ถูกเล่าต่อในแวดวงระบุว่า เชฟสมศักดิ์ รารองคำ เกิดวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2501 และจากไปในวัย 67 ปี เส้นทางชีวิตของท่านมีมุมที่น่าสนใจ เพราะไม่ได้เริ่มจาก “ภาพจำเชฟทีวี” ทันที แต่ค่อยๆ ไต่ระดับด้วยประสบการณ์จริงและการทำงานหนัก
ด้านการศึกษา มีการระบุว่าท่านสำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และได้รับ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านอาหารและโภชนาการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการได้รับการยอมรับในฐานะบุคลากรที่สร้างคุณูปการให้วงการอาหารไทย
ในบทบาทการทำงาน ท่านดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งในฐานะ นายกสมาคมเชฟประเทศไทย และยังเป็นหัวหน้าเชฟในสายโรงแรม ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งมาตรฐาน ความละเอียด และภาวะผู้นำแบบ “คนครัวตัวจริง”
ทำไมการจากไปครั้งนี้จึงสะเทือนทั้งวงการ: เพราะท่านคือคนยกระดับ “มาตรฐานเชฟไทย”
การเป็นนายกสมาคมเชฟประเทศไทย ไม่ใช่ตำแหน่งที่มีไว้สวยๆ แต่เป็นจุดศูนย์กลางของการผลักดันมาตรฐานวิชาชีพ ตั้งแต่การพัฒนาทักษะเชฟรุ่นใหม่ ไปจนถึงการประสานงานกับองค์กรต่างๆ เพื่อผลักดันวงการอาหารไทยให้เดินหน้า
หลายคนรู้จัก “เชฟสมศักดิ์” ในฐานะกรรมการรายการทำอาหาร โดยเฉพาะ Iron Chef Thailand (เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย) ที่ทำให้ภาพของท่านกลายเป็น “ความน่าเชื่อถือ” ในสายตาผู้ชม ด้วยบุคลิกที่จริงจัง ตรงไปตรงมา และวัดกันที่ฝีมือ ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์
นี่แหละคือเหตุผลที่ข่าวเศร้านี้ไปไกลกว่าข่าวบุคคลสำคัญจากไป แต่เป็นการสูญเสีย “เสาหลัก” ที่หลายคนเคยยืนพิงในวันที่ต้องการคำแนะนำและมาตรฐาน
บทบาทในงานวิชาการ-องค์กร-นโยบาย: มากกว่าเชฟคือคนทำระบบให้วงการ
ประวัติผลงานที่ถูกกล่าวถึงยังโยงไปถึงการมีส่วนร่วมในงานระดับประเทศ เช่น
- การร่วมเป็นทีมจัดตั้งสถาบันด้านอาหาร/การเรียนการสอนทำอาหาร
- บทบาทเกี่ยวกับแนวคิดผลักดันครัวไทยในภาพใหญ่ (แนวทางยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ประเทศ)
- การเป็นกรรมการ/ที่ปรึกษา/ผู้ทรงคุณวุฒิในหน่วยงานและการแข่งขันด้านอาหาร
สำหรับวงการเชฟ สิ่งเหล่านี้คือ “งานหลังบ้าน” ที่คนทั่วไปอาจไม่เห็น แต่เป็นหัวใจของระบบ เพราะเมื่อมีมาตรฐาน มีเวทีแข่งขัน มีหลักสูตร มีการฝึกที่ถูกทาง เด็กครัวถึงจะมีเส้นทางเติบโตแบบชัดเจน ไม่หลงทาง ไม่หมดไฟง่าย
ด้านสังคมและการช่วยเหลือ: ครัวของท่านไม่เคยปิดไฟตอนคนเดือดร้อน
อีกมุมที่ทำให้ชื่อของเชฟสมศักดิ์ถูกยกย่อง คือบทบาทเชิงสังคมที่ถูกกล่าวถึง เช่นการสนับสนุนกิจกรรมช่วยเหลือชุมชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 การร่วมสนับสนุนโครงการที่เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ห่างไกล รวมถึงการผลักดันกิจกรรมที่ช่วยให้ “อาหาร” กลายเป็นพลังในการดูแลผู้คน
ในโลกของคนครัว หลายครั้ง “ความเป็นเชฟ” ไม่ได้จบแค่ทำให้อร่อย แต่คือการใช้ทักษะเลี้ยงคนในวันที่คนลำบาก และนี่คือคุณค่าที่สังคมจำได้เสมอ
ความเกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษา: สร้างเชฟรุ่นใหม่ให้ไปได้ไกลกว่าที่เคย
มีการระบุถึงการสนับสนุนและทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาด้านเทคโนโลยีและคหกรรมศาสตร์ การช่วยฝึกซ้อมและเตรียมทีมแข่งขันอาหารทั้งระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งเป็นงานที่ “เหนื่อย” และ “กินเวลา” แต่สำคัญมาก เพราะการแข่งขันคือสนามที่ทำให้เด็กครัวรู้จักมาตรฐานจริง รู้จักแรงกดดันจริง และเติบโตเป็นมืออาชีพได้ไวขึ้น
พูดให้ถึงแก่น: การที่วงการจะมีเชฟเก่งๆ เพิ่ม ไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์ล้วนๆ แต่มาจาก “ครู” และ “เมนเทอร์” ที่ยอมเดินไปด้วยกัน — และเชฟสมศักดิ์ถูกจดจำว่าเป็นหนึ่งในคนแบบนั้น

ทำความเข้าใจ “สมาคมเชฟประเทศไทย” และความหมายต่อวงการอาหารไทย
ในมุมของ บ้านกีฬา ขอพาไปรู้จักภาพรวมแบบเข้าใจง่ายว่า สมาคมเชฟฯ มีความสำคัญอย่างไรต่อวงการ
- เป็นเครือข่ายรวมตัวของเชฟและผู้ประกอบวิชาชีพอาหาร
- เป็นพื้นที่ผลักดันมาตรฐาน การอบรม เวทีแข่งขัน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
- เป็นสะพานเชื่อม “คนครัว” กับ “อุตสาหกรรม” ตั้งแต่โรงแรม ร้านอาหาร การท่องเที่ยว ไปจนถึงการพัฒนาบุคลากร
เพราะฉะนั้น การสูญเสียผู้นำของสมาคม จึงกระทบทั้งเชิงสัญลักษณ์และเชิงระบบ แต่สิ่งที่ท่านทิ้งไว้คือ “แนวทาง” และ “แรงบันดาลใจ” ที่คนรุ่นหลังยังเดินตามได้
วิธีร่วมอาลัยอย่างเหมาะสม: เคารพครอบครัว เคารพพื้นที่ความรู้สึก
ช่วงเวลาแบบนี้ สิ่งที่สังคมทำได้ดีที่สุดคือ “ให้เกียรติ”
- ติดตามกำหนดการอย่างเป็นทางการจากสมาคมฯ หรือครอบครัว
- ร่วมแสดงความอาลัยด้วยถ้อยคำสุภาพและจริงใจ
- งดคาดเดาหรือแชร์ข้อมูลที่ยังไม่ยืนยัน
- เคารพพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวในช่วงสูญเสีย
บางครั้ง “ความเงียบที่สุภาพ” ก็เป็นการให้เกียรติที่ดังที่สุด
บทสรุป: ชื่อของ “เชฟสมศักดิ์ รารองคำ” จะไม่หายไปจากครัวไทย
การจากไปของ เชฟสมศักดิ์ รารองคำ คือข่าวเศร้าที่ไม่มีใครอยากได้ยิน แต่ในอีกด้านหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมได้หันกลับมามองคุณค่าของ “คนครัว” ที่สร้างทั้งอาชีพ สร้างมาตรฐาน สร้างคน และสร้างความหวังให้วงการอาหารไทยมาอย่างยาวนาน
บ้านกีฬา ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และขอให้งานและคุณงามความดีของท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เชฟรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาสานต่อ “มาตรฐาน” และ “หัวใจของครัวไทย” ให้เดินหน้าต่อไปอย่างสง่างาม
ขอขอบคุณรูปภาพจาก Thailand Chefs Association : สมาคมเชฟประเทศไทย
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

