ประเด็นเดือดที่แฟนบอลต้องรู้
วงการลูกหนังอิตาลีมีเรื่องให้ฮือฮาอีกครั้ง เมื่อดาวยิงจอมเก๋าวัย 39 ปีของ เครโมเนเซ่ อย่าง วาร์ดี้ ผงาดคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน ของลีก เซเรีย อา ประจำเดือนพฤศจิกายน กลายเป็นนักเตะชาวอังกฤษคนแรกที่ทำได้ นับตั้งแต่ลีกเริ่มมอบรางวัลนี้ใน ปี 2019 เป็นต้นมา
จุดที่ทำให้เรื่องนี้ “ตึง” ยิ่งกว่าเดิม คือมันเกิดขึ้นในช่วงที่ต้นสังกัดผลงานไม่สวย แพ้รวด 3 เกมติด แต่เจ้าตัวกลับชนะคะแนนโหวตเหนือกลุ่มผู้ท้าชิงชื่อดังหลายคนแบบหน้าตาเฉย
เส้นทางใหม่ของวาร์ดี้ จากอังกฤษสู่เวทีพิซซ่า
วาร์ดี้กำลังจะอายุครบ 39 ปีในเดือนหน้า และนี่คือช่วงเวลาที่หลายคนคิดว่า “น่าจะชะลอฝีเท้าได้แล้ว” แต่เจ้าตัวเลือกสวนทางด้วยการอำลา เลสเตอร์ ซิตี้ หลังค้าแข้งยาวนานถึง 13 ปี ก่อนออกไปหาความท้าทายครั้งใหม่ในอิตาลีช่วงซัมเมอร์ ในฐานะนักเตะ ฟรีเอเจนต์
การขยับมาเล่นบอลอิตาลีไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกองหน้าอังกฤษ เพราะเกมที่นี่เน้นแท็กติก วินัยเกมรับ และการอ่านสถานการณ์ละเอียดทุกจังหวะ แต่ในเดือนพฤศจิกายน วาร์ดี้กลับทำให้แฟนบอลจำนวนมาก “เห็นอะไรบางอย่าง” จนยอมกดโหวตให้เขาแบบไม่ลังเล
สถานการณ์ทีมล่าสุด และวันที่ประกาศรางวัล
จากสถานการณ์ล่าสุด เครโมเนเซ่รั้งอันดับ 9 ของตารางเซเรีย อา ก่อนที่วันที่ 11 ธันวาคม ลีกสูงสุดแดนพิซซ่าจะประกาศผลรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งชื่อของวาร์ดี้ถูกประกาศเป็นผู้ชนะ ด้วย เสียงโหวตสูงสุด และทำสถิติเป็นแข้งอังกฤษคนแรกที่ได้รางวัลนี้อย่างเป็นทางการ
ผลงานเดือนพฤศจิกายน: ทีมแพ้รวด แต่เขายังฝากร่องรอย
ตลอดเดือนก่อนหน้า เครโมเนเซ่ลงเล่น 3 นัด และแพ้ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่แพ้ ยูเวนตุส 2-1, แพ้ ปิซ่า 1-0 และแพ้ โรม่า 3-1 โดยวาร์ดี้ยิงได้ 1 ประตู ในเกมพ่าย “ม้าลาย” ยูเวนตุส
แม้ตัวเลขประตูจะไม่ได้ถล่มทลาย แต่การได้รางวัลนี้สะท้อนว่าคะแนนไม่ได้มองแค่ “ใครยิงเยอะสุด” เพราะบางครั้ง สิ่งที่แฟนบอลเห็นในสนาม—การวิ่งไล่ การหาช่อง การข่มแนวรับ และความอันตรายทุกครั้งที่บอลถึงเท้า—มันสร้างอิมแพ็กต์ได้มากพอจะชนะใจคนดู
ทำไมวาร์ดี้ถึงชนะโหวต? ระบบตัดสินไม่ได้ดูแค่ความดัง
รางวัลดังกล่าวใช้วิธีตัดสินจาก แฟนบอลโหวต ร่วมกับสถิติในเกม ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลออกมา “พลิกอารมณ์” ได้ แม้ทีมจะแพ้รวดก็ตาม
และที่สำคัญ วาร์ดี้ต้องชนะผู้ท้าชิงระดับท็อปหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ไมค์ เมนญอง (เอซี มิลาน), เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ (อินเตอร์ มิลาน), ดาวิด เนเรส (นาโปลี), เลโอ ออสติการ์ด (เจนัว) และ นิโคโล่ ซานิโอโล่ (อูดิเนเซ่) ซึ่งล้วนเป็นชื่อที่แฟนบอลคุ้นหูทั้งนั้น นี่จึงไม่ใช่รางวัลที่ได้มาเพราะกระแสลอยๆ แต่มันคือการชนะในระบบที่วัด “ผลงาน+ความประทับใจ” แบบตรงไปตรงมา
เกร็ดบอลที่แฟนไทยควรรู้ก่อนลุ้นเดือนต่อไป
รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมรายเดือนในลีกยุโรปยุคนี้ มักเป็นการผสมระหว่างข้อมูลเชิงสถิติ (เช่นอิทธิพลต่อเกม ความอันตราย การมีส่วนร่วมในจังหวะสำคัญ) กับเสียงของแฟนบอล ทำให้บางครั้งผู้ชนะอาจไม่ใช่คนที่ยิงเยอะที่สุดเสมอไป แต่เป็นคนที่ “ยกระดับทีม” หรือทำให้เกมของทีมมีมิติชัดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ
และสำหรับแฟนบอลไทย นี่คืออีกตัวอย่างที่ตอกย้ำว่า ฟุตบอลไม่ได้ตัดสินกันแค่สกอร์สุดท้าย เกมในสนามมีรายละเอียดมากกว่าที่เห็นในไฮไลท์ การเคลื่อนที่ การตัดสินใจ และความสม่ำเสมอใน 90 นาที ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้รางวัลใหญ่ๆ เลือกมองคนหนึ่งคนเป็นพิเศษได้
ส่งท้ายแบบคนดูบอลเป็น: เดือนต่อไปมีอะไรให้ตามอีก
เมื่อวาร์ดี้เปิดหัวเส้นทางในอิตาลีด้วยการสร้างประวัติศาสตร์แบบนี้ มันทำให้ทุกเกมหลังจากนี้ของเครโมเนเซ่น่าติดตามขึ้นทันทีว่า เขาจะต่อยอดโมเมนตัมได้แค่ไหน และทีมจะเปลี่ยนจาก “แพ้รวด” ไปสู่การเก็บแต้มจริงจังได้เมื่อไร แฟนบอลที่อยากเกาะติดความเดือดของเซเรีย อา และเรื่องเล่าลูกหนังที่มันส์แบบถึงอารมณ์ อย่าลืมติดตาม ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา ไว้ให้ดี เพราะจังหวะต่อไปอาจมีดราม่าให้ลุ้นหนักกว่าเดิม

