แมนยูโดนเต็มๆ ช่วง AFCON กลางซีซั่น
ศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ (AFCON) กลางฤดูกาลคือของแสลงสำหรับหลายสโมสรในยุโรป และหนึ่งในทีมที่โดนผลกระทบแบบจังๆ ก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะทัวร์นาเมนต์นี้จัดทุกสองปี แถมเตะคาบเกี่ยวกับโปรแกรมโหดในลีก ทำให้การจัดทีมต้องคิดให้ลึกกว่าปกติ
ทันทีที่จบเกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดรังเจอ บอร์นมัธ ในคืนวันจันทร์ บรรดาแข้งแอฟริกันของผีแดงอย่าง ไบรอัน เอ็มเบอโม่, นุสแซร์ มาซราวี และ อาหมัด ดิยัลโล่ จะต้องเก็บกระเป๋าไปรับใช้ชาติแบบยกแพ็ก เพื่อช่วย แคเมอรูน, โมร็อกโก และ ไอวอรี่ โคสต์ ลุยล่าถ้วยแชมป์ทวีป
จุดสำคัญคือ ยังไม่มีใครตอบได้ชัดๆ ว่า รูเบน อโมริม จะต้องอยู่แบบไร้ 3 สตาร์แอฟริกันนานแค่ไหน เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าทีมชาติของพวกเขาจะไปได้ไกลถึงรอบไหนใน AFCON ถ้าใครทะลุเข้ารอบลึก ผีแดงก็ต้องยอมเสียแข้งตัวหลักไปแบบยาวๆ
อโมริมรู้ก่อนอยู่แล้ว วางแผนแก้เกมล่วงหน้า
ข้อดีคือ กุนซือโปรตุกีสไม่ได้เพิ่งมารู้วันนี้ว่าทีมจะขาดตัวรุกและตัวรับจากแอฟริกา เขารู้ล่วงหน้ามานานแล้วว่าช่วง AFCON จะเป็น “หลุมพรางกลางซีซั่น” ของยูไนเต็ด ดังนั้นการวางแผนโรเตชั่น การเสริมทัพ และการดันดาวรุ่งจึงถูกเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า
เกมบุกไปถล่ม วูล์ฟส์ 4-1 ในลีกคือหลักฐานชัดเจนว่าทั้ง 3 คนเป็นตัวจริงแบบ “คีย์แมน” ของระบบ แต่ในเมื่อรู้ว่าจะต้องเสียพวกเขาแน่ๆ อโมริมจึงจำเป็นต้องออกแบบแผนสำรอง ทั้งเรื่องระบบการเล่นและตัวเลือกในแต่ละตำแหน่ง เพื่อให้ทีมไม่สะดุดในช่วงที่ตารางแข่งยังโหดเหมือนเดิม
สามสตาร์แอฟริกันของผีแดง สำคัญแค่ไหน
ในมุมแท็กติก ทั้ง ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มาซราวี และ อาหมัด ล้วนเป็นตัวสร้างมิติให้เกมของยูไนเต็ด
- เอ็มเบอโม่ เพิ่มสปีดและความอันตรายทางริมเส้น รวมถึงการสอดเข้าในกรอบเขตโทษ
- มาซราวี เติมเกมรุกจากแบ็กขวาได้จัดจ้าน และครองบอลจากหลังไปหน้าได้ดี
- อาหมัด เป็นอาวุธลับในพื้นที่ครึ่งช่อง (half-space) และการเลี้ยงกินตัวแนวรับคู่แข่ง
การหายไปพร้อมกันสามคนทำให้โครงสร้างเกมรุกและเกมรับของผีแดงต้องปรับใหม่ทั้งแผง นี่คือโจทย์ใหญ่ที่อโมริมต้องแก้ให้เนียนที่สุด
ผู้รักษาประตู: ลัมเมนส์ยังยึดมือหนึ่ง
ตำแหน่งโกลคือจุดที่แฟนผีโล่งใจที่สุด เพราะไม่โดนผลกระทบตรงๆ จาก AFCON เซนเน่อ ลัมเมนส์ จะยังยึดตำแหน่งนายทวารมือหนึ่งของทีมต่อไปแบบไม่มีข้อกังขา
สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ อ็องเดร โอนาน่า ถูกปล่อยให้ แทรบซอนสปอร์ ยืมตัวไปลุยลีกตุรกี และที่ช็อกไปกว่านั้นคือ นายทวารทีมชาติแคเมอรูนรายนี้ไม่ได้ถูกเรียกติดทัพไปเล่น AFCON ครั้งนี้ ทั้งที่โชว์ฟอร์มได้ดีมากในแดนไก่งวง ทำให้แมนยูไม่ต้องกังวลเรื่องผู้รักษาประตูไปเล่นทีมชาติ แต่ก็ไม่ได้ดึงประโยชน์จากเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด อยู่ดี
กองหลัง: โยโร่คัมแบ็ก แบกหลังบ้านร่วมชอว์และเฮฟเว่น
แนวรับคือจุดที่ต้องขยับแท็กติกชัดเจน เมื่อ มาซราวี ต้องไปช่วยทีมชาติโมร็อกโก ทำให้โควตาแบ็กขวาเปิดทางให้ เลนี่ โยโร่ กลับมาลงสนามในบทบาทตัวจริง
อโมริมจะใช้ โยโร่ ยืนเป็นหนึ่งในแผงหลัง โดยมี อายเด็น เฮฟเว่น ยืนคุมเกมรับต่อหาก มาตไตส์ เดอ ลิกต์ ยังไม่ฟิตเต็ม 100 ส่วน ลุค ชอว์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญฝั่งซ้ายด้วยฟอร์มที่นิ่งและหวังผลได้ จนทำให้ ลิซานโดร มาร์ตีเนซ ยังต้องนั่งสำรองรอโอกาสไปก่อน
สาระสำคัญคือ แมนยูอาจเสียแบ็กขวาตัวจริง แต่ด้วยโครงสร้างกองหลังที่มีตัวทดแทนอย่าง โยโร่ และเฮฟเว่น ทีมยังไม่ถึงขั้นเสียสมดุลในทันที หากทั้งคู่รักษามาตรฐานและสื่อสารกันแน่นอน
กองกลาง: ดาโลต์โยกขวา ดอร์กูเฮบนซ้าย กลางสองตัวล็อกยาว
ในแผงมิดฟิลด์ อโมริมเลือกใช้ ดีโอโก้ ดาโลต์ เป็นตัวหมุนสำคัญ เพราะความสารพัดประโยชน์ของเขาทำให้สามารถโยกมาเล่นวิงแบ็กขวาแทน อาหมัด ได้แบบไม่เคอะเขิน
ฝั่งซ้ายถือเป็นข่าวดีของ แพทริค ดอร์กู ที่จะได้กลับมาสตาร์ตในฐานะวิงแบ็กซ้ายตัวจริง มีหน้าที่เติมเกมรุก ขึ้น-ลงตลอดทาง รวมถึงช่วยสร้างโอเวอร์แลปกับแนวรุกฝั่งซ้าย
ด้านในแดนกลาง สองคู่หูอย่าง กาเซมีโร่ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยังถือเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งแบบที่แทบไม่มีใครมาแย่งได้ กาเซมีโร่ รับบทตัดเกม ถอยต่ำคุมจังหวะ ช่วยเซ็นเตอร์ ขณะที่บรูโน่ทำหน้าที่เชื่อมเกมรุก สร้างสรรค์โอกาส และซัดประตูจากแถวสอง
กองหน้า: เมาท์ฟิตคืนสนาม ช่วยปลดล็อกเกมรุกผีแดง
แผงรุกคือจุดที่แฟนผีมีลุ้นสนุก เมื่อ เมสัน เมาท์ กลับมาฟิตและเริ่มเรียกฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง จุดแข็งของเมาท์คือเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนหน้า ทั้งหน้าต่ำ ตัวรุกริมเส้น หรือแม้แต่ลงต่ำมาช่วยเชื่อมเกมกลางสนาม ทำให้อโมริมมีตัวเลือกในการปรับแท็กติกทันที แม้จะขาดตัวรุกแอฟริกันไปพร้อมกันหลายคน
ตำแหน่งหน้าเป้าถูกวางให้ โจชัว เซิร์กซี่ ยืนค้ำเป็นหัวหอกตัวจริงในช่วงที่ไม่มี เอ็มเบอโม่ และ อาหมัด โดยสโมสรไม่คิดปล่อยให้เขาย้ายไป โรม่า แบบยืมตัวในตลาดเดือนมกราคม เว้นแต่ว่าทั้งสองคนจะกลับจาก AFCON เร็วกว่ากำหนด ซึ่งโอกาสแทบจะน้อยมากในเชิงความเป็นจริง
ขณะเดียวกัน มาเตอุส คุนญ่า จะทำหน้าที่เป็นตัวรุกที่เคลื่อนที่หาพื้นที่ วางบอล และจบสกอร์ได้ในตัว ช่วยผ่อนแรงให้เซิร์กซี่ และเพิ่มมิติการเล่นบอลเร็วในพื้นที่สุดท้าย
สิ่งที่แฟนผีควรจับตาช่วงไร้ 3 สตาร์ AFCON
ช่วงที่ขาดแข้งแอฟริกันคือเวลาแห่งการพิสูจน์ “ความลึกของขุมกำลัง” แฟนบอลควรจับตา 3 เรื่องสำคัญ
- ฟอร์มของตัวแทนอย่าง โยโร่, ดอร์กู และเซิร์กซี่ ว่าจะยืนระยะได้แค่ไหน
- การหมุนเวียนของอโมริมในโปรแกรมถี่ๆ ว่าจะทำให้ทีมรักษามาตรฐานผลงานในลีกได้หรือไม่
- เคมีของทีม เมื่อสตาร์บางคนหายไป อาจเปิดโอกาสให้คนอื่นแจ้งเกิดและยึดตัวจริงในระยะยาว
ถ้าผีแดงผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยผลงานที่ดี มันจะส่งผลต่อบรรยากาศในทีมและอันดับบนตารางอย่างมหาศาล
บทเรียนจากทุกครั้งที่เสียแข้งไปเล่นทีมชาติ
ทุกยุคทุกสมัย ทีมใหญ่ที่มีสตาร์ทีมชาติเต็มห้องแต่งตัว มักต้องเจอช่วงเวลาที่ “ทีมชาติแย่งตัวไป” ไม่ว่าจะเป็น AFCON, เอเชียนคัพ หรือโคปา อเมริกา สิ่งที่แยกทีมระดับแชมป์ออกจากทีมธรรมดา คือความสามารถในการจัดการช่วงวิกฤตแบบนี้ให้กลายเป็นโอกาส
การใช้ดาวรุ่งให้ถูกเวลา การเลือกโรเตชั่นโดยไม่ทำลายโครงสร้างแท็กติก และการไม่ตื่นตระหนกเมื่อขาดคีย์แมน คือหัวใจสำคัญของฟุตบอลยุคใหม่ ถ้าแมนยูสร้างวัฒนธรรม “ทีมสำคัญกว่าชื่อบนหลังเสื้อ” ได้จริง การขาด 3 สตาร์ AFCON ก็จะกลายเป็นแค่บททดสอบหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่จุดหักเหของฤดูกาล
ช่วงเวลาทดสอบอโมริม และศักยภาพขุมกำลังผีแดง
ท้ายที่สุด ช่วงที่ไร้ เอ็มเบอโม่, มาซราวี และ อาหมัด คือเวลาที่จะตอบคำถามสำคัญว่า อโมริมเอาอยู่จริงหรือไม่ ทั้งในแง่การวางแผน ระบบการเล่น และความเชื่อมั่นจากนักเตะในห้องแต่งตัว
ถ้าเขาพาทีมเก็บแต้มในลีกต่อเนื่องแม้จะขาดคีย์แมนไปพร้อมกัน นั่นไม่ใช่แค่ชัยชนะในสนาม แต่คือการยืนยันว่าโครงการสร้างผีแดงยุคใหม่กำลังเดินมาถูกทางแล้ว และเมื่อสามสตาร์แอฟริกันกลับเข้ามาสมทบ ทีมจะยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมไปอีกขั้น
แฟนบอลที่ไม่อยากพลาดทุกจังหวะสำคัญของแมนยู รวมถึงข่าวบอลเดือดๆ จากทุกลีกดัง อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

