บ้านผลบอล สรุปหลังเกม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก คืนดุเดือดที่ซานมาเมส! อาเรโซ่ไฮไลท์เกมรับ แอธเลติก บิลเบา ฮึดต้าน เปแอสเช 0-0 ยังต้องลุ้นอนาคตบนเวทียุโรปต่อไป

จาก : ผลบอลสด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ระหว่าง แอธเลติก บิลเบา 0-0 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง วันนี้ 11/12/68 – บ้านกีฬา

เกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่ซาน มาเมส คืนนี้ บรรยากาศร้อนแรงตั้งแต่นกหวีดแรก แม้สกอร์จะจบที่ 0-0 แต่รูปเกมจัดว่าเข้มข้นเกินตัว ทั้งแฟนเจ้าบ้านและทีมเยือนต่างลุ้นกันตัวเกร็ง โดยเฉพาะฝั่งปารีสที่บุกอยู่แทบจะฝ่ายเดียว ขณะที่แฟนบอลก็คอยเช็ก ผลบอลสด กันแบบห้ามกระพริบตา เพราะรู้ดีว่าทุกแต้มในรอบลีกเฟสมีความหมายต่อเส้นทางเข้ารอบ

🕐 ครึ่งแรก: เปแอสเชบุกทั้งเกม บิลเบายันด้วยใจ

ครึ่งแรกเปิดมา เปแอสเชของหลุยส์ เอ็นริเก้ เดินหน้าครองบอลเหนือกว่าชัดเจน ตัวเลขการครองบอล 71% ต่อ 29% บอกทุกอย่างได้หมด บาร์เซาล่า, วิธีนญา และเนเวส ขยับเชื่อมเกมรุกอย่างต่อเนื่อง จนแนวรับบิลเบาต้องถอยมาตั้งโซนรับแน่นหน้าเขตโทษ

อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านของเออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ วางแท็กติกเน้นวินัยเกมรับเต็มสูบ แผงแบ็กโฟร์นำโดย อูไน ซิโมน, ยูรี เบร์ชีเช และฮีโร่ของเกมอย่าง เฆซุส อาเรโซ่ ช่วยกันบล็อกทั้งลูกครอสและลูกยิงไกลของแข้งปารีส จนโอกาสยิง 8 ครั้งในครึ่งแรกของทีมเยือนยังไม่แปรเปลี่ยนเป็นประตู ขณะที่บิลเบาได้ลุ้นสวนกลับบ้างจาก นิโก วิลเลียมส์ และ เกอร์เซต้า แต่ยังไม่คมพอ

ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมเริ่มดุเดือด การเข้าบอลหนักทำให้ มิเกล ฮาอูเรกิซาร์ กับ วาร์เรน แซร์-เอเมรี โดนใบเหลืองคนละใบ ก่อนจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-0 แต่ความกดดันถาโถมใส่เจ้าบ้านไม่หยุด

🕑 ครึ่งหลัง: เปแอสเชโหมหนัก แต่เจาะไม่เข้า

ครึ่งหลัง เปแอสเชปรับเกมทันที ส่ง อิลยา ซาบาร์นยี ลงมาแทน มาร์ควินญอส ที่มีอาการเจ็บเล็กน้อย เกมบุกยังไหลต่อเนื่องเหมือนเดิม แต่จังหวะสุดท้ายยังติดเซฟสุดหนึบของ อูไน ซิโมน รวมถึงบล็อกจากแนวรับบิลเบาที่ช่วยกันเคลียร์บอลแบบทุ่มสุดตัว

ฝั่งเจ้าบ้านเองพยายามกระตุกเกมรุกด้วยการส่ง อูไน โกเมซ, อาเลฆันโดร เรโก, อาเซียร์ เอียร์โร และ อันดอนี โกโรซาเบล ลงมาเติมความสด ทำให้บิลเบากลับมาครองบอลได้มากขึ้นในช่วง 20 นาทีท้าย แต่จังหวะลุ้นประตูยังไม่เฉียบคม

เปแอสเชส่ง กอนซาโล รามอส กับ เดซีเร ดูเอ ลงมาเติมมิติในแดนหน้า หวังปิดบัญชีให้ได้ ทว่าทุกลูกยิงยังถูกอาเรโซ่ บล็อกหรือบังคับให้ยิงยากทั้งหมด ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ความดราม่ายังไม่จบเมื่อ อูไน โกเมซ มาโดนใบเหลืองจากจังหวะตัดเกม แต่สุดท้ายทั้งสองทีมเจาะกันไม่เข้า จบเกมที่ซาน มาเมส แบบไร้สกอร์ 0-0

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว

🔴 แอธเลติก บิลเบา

ระบบ 4-2-3-1

• ผู้รักษาประตู: อูไน ซิโมน (7.7)
• กองหลัง: เฆซุส อาเรโซ่ (7.9), ดานี บีเบียน (6.9), ยูรี เบร์ชีเช (กัปตัน, 7.8), อันเดร์ บอยโร (7.1)
• กองกลางรับ: อิญีโก รูอิซ เด กาลาร์เรตา (7.0), มิเกล ฮาอูเรกิซาร์ (6.8)
• กองกลางรุก: ออยฮาน ซานเซต (6.6), อเล็กซ์ เบเรนเกร์ (6.1), นิโก วิลเลียมส์ (6.9)
• กองหน้า: เกอร์เซ กุรูเซต้า (6.5)

ตัวสำรองที่ลงเล่น

• อูไน โกเมซ (6.1) แทน กุรูเซต้า นาที 62
• เดซีเร… (อ๊ะ ไม่ใช่ทีมนี้) → อันดอนี โกโรซาเบล (6.7) แทน อาเรโซ่ นาที 73
• อาเลฆันโดร เรโก (6.5) แทน ฮาอูเรกิซาร์ นาที 73
• อาเซียร์ เอียร์โร (6.5) แทน ซานเซต นาที 73
• มิเกล เวสกา (6.8) แทน รูอิซ เด กาลาร์เรตา นาที 78

ตัวสำรองไม่ได้ลง: อเล็กซ์ ปาดิยา, มิเกล ซานโตส, อินญิโก เลกูเอ, ฆอน เด ลุยส์, อินญากี วิลเลียมส์, นิโก เซร์ราโน, เซลตัน ซานเชซ

🔵 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ระบบ 4-3-3

• ผู้รักษาประตู: มัตเวย์ ซาฟอนอฟ (7.7)
• กองหลัง: นูโน เมนเดส (6.9), วิลเลียน ปาโช (7.4), มาร์ควินญอส (กัปตัน, 7.1) / อิลยา ซาบาร์นยี (7.1) ลงแทน นาที 46, วาร์เรน แซร์-เอเมรี (7.1)
• กองกลาง: ฟาเบียน รูอิซ (6.7), วิตินญา (7.4), ควิชา ควารัตสเคเลีย (6.8)
• กองหน้า: แบรดลีย์ บาร์โกล่า (6.9) / กอนซาโล รามอส (6.7) ลงแทน นาที 78, ซามูเอล มายูลู (6.3) / เดซีเร ดูเอ (6.6) ลงแทน นาที 62, เชา เนเวส (7.1)

ตัวสำรองไม่ได้ลง: เรนาโต มาริน, มาร์ติน เจมส์, อี คังอิน, กเวนแต็ง เอ็นเดฌานตู, อิบราฮิม เอ็มบาย

ผู้เล่นบาดเจ็บและติดโทษแบนที่ไม่มีชื่อ: อัชราฟ ฮาคิมี, ลูคัส เบรัลโด, ลูคัส เอร์นานเดซ (แบน), อุสมาน เดมเบเล, ลูคัส เชอวาลิเยร์

📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ

หากมองในมุมแท็กติก เกมนี้คือบทพิสูจน์มาตรฐานของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอย่างแท้จริง ฝั่งเจ้าบ้านตั้งรับในระบบ 4-2-3-1 แบบ “บล็อกกลางลึก” ให้คู่มิดฟิลด์รับอย่าง กาลาร์เรตา กับ ฮาอูเรกิซาร์ ถอยลงมาปิดพื้นที่หน้าเขตโทษ ปล่อยให้ปีกทั้งสองข้างวิ่งช่วยแบ็กซ้อนอีกชั้น ทำให้พื้นที่ระหว่างไลน์แคบจนตัวรุกเทคนิคจัดของเปแอสเชหาช่องเจาะยาก

เกมรุกของบิลเบาเน้นบอลยาวออกด้านข้างให้ นิโก วิลเลียมส์ และเบเรนเกร์ ดึงแนวรับเปแอสเชให้หลุดตำแหน่ง ก่อนแทงทะลุช่องให้กุรูเซต้า แต่ปัญหาคือการขึ้นบอลช้าและเสียบอลง่ายกลางทาง เพราะโดนเพรสซิ่งสามตัวรุกของทีมเยือนบีบพื้นที่ตลอด

ฝั่งเปแอสเชในระบบ 4-3-3 ใช้สามมิดฟิลด์คือ วิตินญา, ฟาเบียน รูอิซ และควารัตสเคเลีย คุมจังหวะและสลับกันเติมสูง ทำให้สามารถปักหลักบุกในแดนคู่แข่งได้เป็นส่วนใหญ่ การเคลื่อนที่ของ บาร์โกล่า ทางซ้ายและเนเวสทางขวาสร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง แต่จุดอ่อนคือจังหวะตัดสินใจหน้าเขตโทษยังไม่เฉียบคมพอ รวมถึงการดวลกับเกมรับที่ยืนกันเหนียวแน่นสุดๆ ของอาเรโซ่กับเบร์ชีเช

ภาพรวมแล้ว ถ้านั่ง วิเคราะห์บอล แบบละเอียดจะเห็นว่า เปแอสเชชนะทุกอย่างทั้งสถิติและรูปเกม แต่ขาดความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย ส่วนบิลเบาถึงจะตั้งรับแทบทั้งเกม แต่แผงหลังเล่นได้เกินมาตรฐานจนสมควรได้แต้มจากแมตช์นี้

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกม

ตัวเลขหลังจบเกมชี้ชัดว่าเปแอสเชเหนือกว่าเต็มๆ พวกเขายิงรวม 17 ครั้ง ตรงกรอบถึง 8 ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านยิงได้เพียง 8 ครั้ง และไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ลูกเดียว การครองบอลเจ้าบ้านมีแค่ 29% ส่วนทีมเยือนขึงเกมไว้ถึง 71% พร้อมยอดการจ่ายบอล 646 ครั้ง ความแม่นยำสูงถึง 88% เทียบกับบิลเบาที่จ่ายเพียง 209 ครั้ง ความแม่นยำ 73%

อย่างไรก็ตาม บิลเบาชดเชยด้วยการเล่นแบบกัดไม่ปล่อย ฟาวล์ถึง 18 ครั้ง และได้ใบเหลือง 3 ใบ แสดงให้เห็นถึงความดุในเกมรับ ส่วนเปแอสเชแม้จะครองบอลได้มาก แต่ฟาวล์เพียง 3 ครั้ง ใบเหลือง 1 ใบ สะท้อนรูปแบบการเล่นที่เน้นครองบอลและรุกรวมมิตร มากกว่าจะไล่เตะตัดเกม ขณะที่จำนวนเตะมุม เปแอสเชได้ 6 ครั้ง บิลเบา 4 ครั้ง บอกได้ว่าทีมเยือนบุกต่อเนื่องตลอด 90 นาที

⏱️ เหตุการณ์สำคัญในเกม

1. ⚠️ นาที 27 บิลเบาได้ใบเหลืองใบแรก เมื่อ มิเกล ฮาอูเรกิซาร์ เข้าตัดเกมกลางสนามรุนแรงไปหน่อย
2. ⚠️ นาที 30 เปแอสเชโดนบ้าง วาร์เรน แซร์-เอเมรี เข้าบอลช้าใส่คู่แข่ง รับใบเหลืองเตือนสติ
3. 🔁 ช่วงพักครึ่ง มาร์ควินญอสมีอาการไม่สมบูรณ์ หลุยส์ เอ็นริเก้ ส่ง อิลยา ซาบาร์นยี ลงมาแทนทันที
4. ⚠️ นาที 48 อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ทำฟาวล์หนักริมเส้น โดนใบเหลืองเพิ่มให้เจ้าบ้าน
5. 🔁 นาที 62 บิลเบาแก้เกมรุก ส่ง อูไน โกเมซ ลงแทน กุรูเซต้า ขณะเดียวกัน เปแอสเชถอด ซามูเอล มายูลู ส่ง เดซีเร ดูเอ ลงปั้นเกมรุก
6. 🔁 นาที 73 เจ้าบ้านเปลี่ยนรวดเดียวสามคน ส่ง อันดอนี โกโรซาเบล, อาเซียร์ เอียร์โร และอาเลฆันโดร เรโก ลงแทน อาเรโซ่, ซานเซต และฮาอูเรกิซาร์ เพื่อเติมความสดทั้งเกมรุกเกมรับ
7. 🔁 นาที 78 มิเกล เวสกา ลงแทน กาลาร์เรตา เพื่อปิดเกมแดนกลาง ส่วนเปแอสเชส่ง กอนซาโล รามอส แทน บาร์โกล่า เพิ่มความคมในกรอบเขตโทษ
8. ⚠️ นาที 90+3 ทดเจ็บท้ายเกม อูไน โกเมซ ทำฟาวล์ตัดเกม โดนใบเหลืองแต่ช่วยให้บิลเบารักษาหนึ่งแต้มเอาไว้ได้สำเร็จ

⭐ Player of the Match : เฆซุส อาเรโซ่

ดาวเด่นของเกมนี้ต้องยกให้ เฆซุส อาเรโซ่ แบ็กขวาแอธเลติก บิลเบา ที่ได้เรตติ้งสูงถึง 7.9 จากการเล่นเกมรับสุดโหด อ่านทางบุกของ เปแอสเช ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับ บาร์โกล่า หรือการซ้อนช่วยเซ็นเตอร์ก็ทำได้ไร้ที่ติ เขาบล็อกครอสสำคัญหลายครั้ง ตัดบอลทั้งบนพื้นและลูกกลางอากาศอย่างเยือกเย็น

นอกจากเกมรับแล้ว อาเรโซ่ยังช่วยดันเกมรุกทางขวาให้ทีมได้บ้างในช่วงที่บิลเบากลับมาตั้งหลัก เขาเติมขึ้นไปเปิดบอลให้แนวรุกหลายครั้ง แม้จะไม่ได้มีแอสซิสต์ แต่พลังวิ่งไม่มีหมดของเจ้าตัวคือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เปแอสเชเจาะไม่เข้า และสมควรอย่างยิ่งกับตำแหน่ง Player of the Match

📊 สถานการณ์ในตารางคะแนนยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

ผลเสมอ 0-0 ทำให้ เปแอสเช เก็บเพิ่มเป็น 13 คะแนนจาก 6 นัด สถิติชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ลูกได้ 19 เสีย 8 ผลต่างบวก 11 ยังคงรั้งอันดับ 3 ของตารางรวม 36 ทีม ไล่หลังจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลที่มี 18 คะแนน และบาเยิร์นที่มี 15 คะแนนอยู่ไม่ไกล เส้นทางลุ้นเข้ารอบลึกยังอยู่ในมือของพวกเขาเต็มๆ

ส่วน แอธเลติก บิลเบา หลังผ่าน 6 นัด มีเพียง 5 คะแนนจากผลงานชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ 4 เสีย 9 ผลต่างติดลบ 5 รั้งอันดับ 28 ของตาราง สถานการณ์เข้ารอบเริ่มเหนื่อย เพราะพื้นที่บนสำหรับไปเล่นรอบเพลย์ออฟกำลังหนาแน่น แต่การแบ่งแต้มจากทีมยักษ์ใหญ่อย่างเปแอสเชก็ถือว่าเป็นขวัญกำลังใจสำคัญ ก่อนลุยโปรแกรมหนักช่วงปลายปี

🗓️ ตารางบอลและโปรแกรมนัดถัดไปของทั้งสองทีม

มองไปข้างหน้า ตาม โปรแกรมบอล ที่รออยู่ แอธเลติก บิลเบา ต้องหันไปโฟกัสในเวทีภายในประเทศก่อน เริ่มจาก ลา ลีกา นัดสำคัญที่ต้องบุกเยือน เซลต้า บีโก้ วันที่ 14 ธันวาคม 2025 เวลา 22.15 น. ตามด้วยศึกโกปา เดล เรย์ ที่จะออกไปเยือน อูเรนเซ่ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ซึ่งสองเกมนี้สำคัญต่อความมั่นใจและการขยับอันดับในลีกสเปนอย่างมาก

ด้าน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลับไปลุย ลีก เอิง โดยมีคิวบุกเยือน เม็ตซ์ วันที่ 14 ธันวาคม 2025 เวลา 01.00 น. ก่อนจะไปเล่นบอลถ้วย Coupe de France กับ ฟงเตเนย์ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2025 ทั้งสองแมตช์คือโอกาสดีให้ทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้เรียกความมั่นใจและหมุนเวียนนักเตะ ก่อนกลับมาลุยศึกยุโรปในช่วงต่อไป

📢 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ๆ ที่ บ้านกีฬา

ใครที่อยากตามเช็กตารางคะแนน เช็กสกอร์สดแบบเรียลไทม์ หรือย้อนดูสรุปเกมสำคัญแบบจัดเต็ม อย่าลืมตามเช็ก บ้านผลบอล และคอนเทนต์ลูกหนังจัดหนักจาก “บ้านกีฬา” ได้ทุกวัน เราพร้อมเสิร์ฟทั้งสรุปผล, ไฮไลต์, เจาะลึกแท็กติก และมุมมองสายแฟนบอลตัวจริง ให้คอบอลได้อัปเดตกันแบบไม่ตกเทรนด์