บ้านผลบอล สรุปหลังเกม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ดราม่าปลายเกม! โซบอสซไลสังหารโทษพาลิเวอร์พูลบุกเชือดอินเตอร์ 1-0 ลุ้นพื้นที่บนตารางคะแนนเดือดต่อ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

จาก : ผลบอลสด ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ระหว่าง อินเตอร์ มิลาน 0-1 ลิเวอร์พูล วันนี้ 10/12/68 – บ้านกีฬา

ค่ำคืนที่สนามจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านรับการมาเยือนของลิเวอร์พูลในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกแบบลีกเดียว 36 ทีม เกมนี้แฟนบอลเปิดดูผ่านสกอร์แบบเรียลไทม์กันแน่น เพราะทั้งสองทีมกำลังเบียดอันดับบนตารางอย่างเข้มข้น ใครตามเช็ก ผลบอลสด อยู่จะรู้เลยว่าเกมนี้ตึงตั้งแต่นาทีแรกยันช่วงทดเวลา ก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนในช่วงท้ายเมื่อ โดมินิค โซบอสซไล กดจุดโทษนาที 88 พาหงส์แดงบุกเก็บสามแต้มสุดโหดออกจากบ้านงูใหญ่

🔵 ครึ่งแรก: งูใหญ่กดดัน วีเออาร์ช่วยชีวิตหงส์

อินเตอร์ของคริสเตียน ชิฟู จัด 3-5-2 เน้นครองบอลกลางสนาม บาร์เรลล่า–มคิตาร์ยาน–ชัลฮาโนกลู คุมจังหวะ เกมช่วงต้นเจ้าถิ่นพยายามบีบสูง ตัดบอลแดนกลางแล้วต่อเร็วไปคู่หน้า เลาตาโร่–มาร์คุส ตูราม ทำให้แนวรับลิเวอร์พูลต้องถอยลงมารับลึก

อย่างไรก็ตาม อินเตอร์เสียจังหวะแท็กติกเร็ว เมื่อ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู เจ็บจนต้องถูกถอดออกตั้งแต่นาที 11 ให้ปีออตร์ ซีลินสกี้ลงมาแทน ต่อด้วยการเปลี่ยนเอา ยานน์ บิสเซ็ค ลงแทน ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ ในนาที 31 ทำให้แผงหลังต้องปรับตัวใหม่ทั้งบล็อก

นาที 35 สนามแทบแตกเมื่อ ฮูโก้ เอกิติเก้ ซัดบอลตุงตาข่ายให้ลิเวอร์พูล แต่ต้องเงียบกริบเพราะ VAR เช็กแล้วเป็นประตูที่ไม่ให้ เนื่องจากจังหวะล้ำหน้าก่อนหน้า งูใหญ่รอดตายหวุดหวิด ก่อนที่เอกิติเก้จะไปเสียใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์หนักในนาที 39

อินเตอร์ได้เหลืองอีกใบจาก เลาตาโร่ มาร์ติเนซ นาที 13 ส่วนลิเวอร์พูลเล่นแบบรอจังหวะสวนกลับ ใช้สปีดของ เคอร์ติส โจนส์ และคู่หน้าไอแซ็ค–เอกิติเก้ วิ่งชนแนวรับ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คม จบครึ่งแรกเสมอ 0-0 แม้มีทดเวลาเพิ่มถึง 7 นาที ก็ยังเจาะกันไม่เข้า

🔴 ครึ่งหลัง: เวิร์ตซ์เรียกโทษ โซบอสซไลปิดบัญชี

ครึ่งหลังรูปเกมยังสูสี อินเตอร์พยายามเร่งเกมด้านข้างให้ ดิมาร์โก และ เอ็นริเก้ เติมเกมรุก ขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มขยับเพรสสูงกว่าเดิม มคิตาร์ยานโดนใบเหลืองในนาที 57 จากจังหวะตัดเกมกลางสนาม แสดงให้เห็นว่ากลางงูใหญ่เริ่มไล่ไม่ทันจังหวะหมุนบอลของทีมเยือน

อาร์เน่ สลอตปรับแท็กติกสำคัญในนาที 68 ส่ง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ลงแทนอเล็กซานเดอร์ ไอแซ็ค และให้ คอนอร์ แบรดลีย์ ลงมาแทน โจ โกเมซ เพื่อเติมความสดทางกราบขวา ก่อนที่ เคอร์ติส โจนส์ จะมาโดนเหลืองนาที 73 จากจังหวะเสียบแรงกลางสนาม

ฝั่งอินเตอร์รีบสวนด้วยการส่ง เปตาร์ ซูซิช (82’) รวมถึง คาร์ลอส ออกุสโต้ กับ อองเช์-โยอัน บอนนี (83’) ลงมาเติมเกมรุกแทนมคิตาร์ยาน, ดิมาร์โก และตูราม เพื่อทุ่มหมดหน้าตัก หวังกดหงส์กลับบ้านมือเปล่า

แต่แล้วเกมก็หักมุมในนาที 86 เมื่อ เวิร์ตซ์ ใช้ความคล่องลากตัดเข้าเขตโทษก่อนโดนทำฟาวล์ ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วชี้จุดโทษให้ลิเวอร์พูลทันที อินเตอร์พยายามประท้วงแต่ไม่เป็นผล แถมก่อนนั้น อเลสซานโดร บาสโตนี่ เพิ่งโดนเหลืองในนาที 87 จากจังหวะเข้าบอลช้า

นาที 88 โดมินิค โซบอสซไล รับหน้าที่สังหารจุดโทษกดบอลไปทางหนึ่ง นายด่านยานน์ ซอมเมอร์ พุ่งอีกทาง ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 ช่วงทดเวลา 6 นาทีสุดท้ายอินเตอร์บุกแหลกแต่เจอแนวรับนำโดย เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เก็บกวาดเรียบ จบเกมหงส์แดงบุกอัดงูใหญ่ 1-0 คว้าชัยสำคัญในถ้วยใหญ่ยุโรป

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริง, คะแนน และการเปลี่ยนตัว

🔵 อินเตอร์ มิลาน (ระบบ 3-5-2, เรตติ้งเฉลี่ย 6.63)

ผู้รักษาประตู

  • ยานน์ ซอมเมอร์ 6.5

กองหลัง

  • อเลสซานโดร บาสโตนี่ 6.7 (ใบเหลือง 87’)
  • ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ 6.9 (เปลี่ยนออก 31’)
  • มานูเอล อคันจี 7.1

วิงแบ็ก / กองกลาง

  • เฟเดริโก้ ดิมาร์โก 6.8 (เปลี่ยนออก 83’)
  • ลูคัส เอ็นริเก้ 6.5
  • เฮนริค มคิตาร์ยาน 7.2 (ใบเหลือง 57’, เปลี่ยนออก 82’)
  • ฮาคาน ชัลฮาโนกลู 6.6 (เปลี่ยนออก 11’)
  • นิโคโล่ บาเรลล่า 7.0

กองหน้า

  • เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (กัปตัน) 6.4 (ใบเหลือง 13’)
  • มาร์คุส ตูราม 6.2 (เปลี่ยนออก 83’)

ตัวสำรองที่ลงสนาม

  • ปีออตร์ ซีลินสกี้ 6.7 (ลงแทน ชัลฮาโนกลู 11’)
  • ยานน์ บิสเซ็ค 6.2 (ลงแทน อาแชร์บี้ 31’)
  • เปตาร์ ซูซิช 6.4 (ลงแทน มคิตาร์ยาน 82’)
  • คาร์ลอส ออกุสโต้ 6.3 (ลงแทน ดิมาร์โก 83’)
  • อองเช์-โยอัน บอนนี 6.5 (ลงแทน ตูราม 83’)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง

  • อแล็ง ทาโฮ
  • โฆเซป มาร์ติเนซ
  • สเตฟาน เดอ ฟราย
  • มาเตโอ โคคคี
  • ดาวิเด้ ฟรัตเตซี
  • แอนดี้ ดียูฟ
  • ฟรานเชสโก ปีโอ เอสโปซิโต

🔴 ลิเวอร์พูล (ระบบ 4-3-1-2, เรตติ้งเฉลี่ย 6.93)

ผู้รักษาประตู

  • อลิสซอน เบ็คเกอร์ 6.9

กองหลัง

  • โจ โกเมซ 6.5 (เปลี่ยนออก 68’)
  • อิบราฮิม่า โกนาเต้ 7.2
  • เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (กัปตัน) 7.8
  • แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 6.9

กองกลาง

  • โดมินิค โซบอสซไล 7.2 (ยิงจุดโทษชัย 88’)
  • ไรอัน กราเวนเบิร์ช 7.3
  • อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ 7.0

มิดฟิลด์ตัวรุก / กองหน้า

  • เคอร์ติส โจนส์ 7.1 (ใบเหลือง 73’)
  • อเล็กซานเดอร์ ไอแซ็ค 6.5 (เปลี่ยนออก 68’)
  • ฮูโก้ เอกิติเก้ 5.7 (ประตูถูกยกเลิก 35’, ใบเหลือง 39’)

ตัวสำรองที่ลงสนาม

  • คอนอร์ แบรดลีย์ 6.7 (ลงแทน โกเมซ 68’)
  • ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ 7.3 (ลงแทน ไอแซ็ค 68’ เรียกจุดโทษ 86’)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง

  • จอร์จี้ มามาร์ดัชวิลี
  • เฟร็ดดี้ วู้ดแมน
  • มิลอช เคอร์เกซ
  • เวลลิตี้ ลักกี้
  • เทรย์ นโยนี
  • ริโอ งูโมฮา

📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ

เกมนี้ถ้าเปิดมุมมองแบบสาย วิเคราะห์บอล แท้ ๆ จะเห็นชัดว่าอินเตอร์ยึดโครง 3-5-2 เพื่อคุมโซนกลางและออกบอลจากหลังอย่างเป็นระบบ สามเซ็นเตอร์พยายามดันไลน์ขึ้นสูงให้ทีมเล่นในแดนของลิเวอร์พูล ดิมาร์โก กับเอ็นริเก้เติมกว้างเพื่อดึงฟูลแบ็กหงส์แดงออกจากพื้นที่หน้าเขตโทษ แต่เมื่อชัลฮาโนกลูต้องออกเร็ว ทีมเสีย “สมอง” ในการคุมจังหวะ ทำให้บอลจากกลางไปหน้าขาดความคมและเสียบอลกลางทางหลายครั้ง

ลิเวอร์พูลในระบบ 4-3-1-2 เน้นบีบไลน์สองชั้น โซบอสซไล–กราเวนเบิร์ช–แม็ค อัลลิสเตอร์ ประสานกันบีบตรงกลาง เมื่อได้บอลจะปล่อยให้โจนส์หลุดขึ้นไปค้ำระหว่างไลน์กองหลังกับกองกลางอินเตอร์เพื่อเปิดทางให้คู่หน้า วิ่งทะลุช่อง บอลเปลี่ยนข้างจากแบ็กสองฝั่งทำได้แม่นยำเพราะเปอร์เซ็นต์จ่ายบอลสูงถึง 91% ช่วยให้หงส์แดงหลุดเพรสแรกของอินเตอร์ได้เรื่อย ๆ

ด้านเกมรับ อินเตอร์มีปัญหากับการสลับตำแหน่งเร็วของแนวรุกลิเวอร์พูล โดยเฉพาะช่วงท้ายเมื่อเวิร์ตซ์ลงมาเล่นระหว่างไลน์ เขาลากดึงตัวประกบได้ดี ทำให้ฟาน ไดค์ กับโกนาเต้สามารถดันสูงเก็บจังหวะสองได้ตลอด ขณะที่แนวรับหงส์แดงเล่นโครงสร้างดีมาก ไม่ปล่อยให้คู่หน้าของงูใหญ่มีจังหวะได้ยิงโล่ง ๆ ถือว่าแผงรับลิเวอร์พูลยืนตำแหน่งและอ่านเกมได้เฉียบคมกว่านิดหน่อย ซึ่งสุดท้ายก็คือความต่างของเกมนี้

📈 สถิติการแข่งขัน

เมื่อมองจากตัวเลข อินเตอร์กับลิเวอร์พูลยิงรวมฝั่งละ 12 ครั้งเท่ากัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือความคม ลิเวอร์พูลยิงเข้ากรอบถึง 6 ครั้ง ขณะที่อินเตอร์ทำได้เพียง 2 ครั้ง แม้อินเตอร์จะครองบอล 49% ใกล้เคียงกับลิเวอร์พูลที่ 51% และจำนวนการจ่ายบอลก็สูสี 488 ต่อ 484 แต่ความแม่นยำของหงส์แดงสูงกว่า 91% ต่อ 88% ทำให้ทีมเยือนพาบอลขึ้นหน้าด้วยความมั่นใจมากกว่า

อินเตอร์ทำฟาวล์ 13 ครั้งได้ใบเหลือง 3 ใบ ส่วนลิเวอร์พูลฟาวล์ 11 ครั้งโดนเหลือง 2 ใบ ไม่มีใครโดนใบแดง เกมรบกันดุเดือดแต่ยังอยู่ในกรอบ ขณะที่ลูกเตะมุมงูใหญ่ได้มากกว่า 6 ครั้งต่อ 3 แสดงให้เห็นว่ากดดันจากจังหวะครอสริมเส้นได้พอสมควร เพียงแต่เจอฟาน ไดค์โหม่งสกัดแทบทุกลูก ส่วนจังหวะล้ำหน้า อินเตอร์โดนจับ 2 ครั้ง ลิเวอร์พูล 1 ครั้ง

🕒 เหตุการณ์สำคัญของเกม

  • ⚽ 88’ โดมินิค โซบอสซไล ยิงจุดโทษให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
  • 🧾 86’ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วให้จุดโทษแก่ลิเวอร์พูล
  • 🟨 87’ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ทำฟาวล์หนัก รับใบเหลืองช่วงท้ายเกม
  • 🔁 83’ คาร์ลอส ออกุสโต้ ลงแทน เฟเดริโก้ ดิมาร์โก เพื่อเติมเกมรุกฝั่งซ้าย
  • 🔁 83’ อองเช์-โยอัน บอนนี ลงแทน มาร์คุส ตูราม เพิ่มความสดแดนหน้า
  • 🔁 82’ เปตาร์ ซูซิช ลงแทน เฮนริค มคิตาร์ยาน เปลี่ยนมิดฟิลด์ตัวทำเกม
  • 🟨 73’ เคอร์ติส โจนส์ ฟาวล์ตัดเกมกลางสนาม รับใบเหลือง
  • 🔁 68’ คอนอร์ แบรดลีย์ ลงแทน โจ โกเมซ เสริมพลังกราบขวาลิเวอร์พูล
  • 🔁 68’ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ลงแทน อเล็กซานเดอร์ ไอแซ็ค ปรับเกมรุกใหม่
  • 🟨 57’ เฮนริค มคิตาร์ยาน โดนเหลืองจากจังหวะเสียบช้า
  • 🔁 31’ ยานน์ บิสเซ็ค ลงแทน ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ หลังเจ้าถิ่นปรับแนวรับ
  • 🟨 39’ ฮูโก้ เอกิติเก้ ทำฟาวล์แรง รับใบเหลือง
  • ❌ 35’ ฮูโก้ เอกิติเก้ ซัดบอลเข้าประตู แต่ VAR ยกเลิกจากจังหวะล้ำหน้า
  • 🟨 13’ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ โดนใบเหลืองจังหวะเข้าปะทะกลางสนาม
  • 🔁 11’ ปีออตร์ ซีลินสกี้ ลงแทน ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ที่เจ็บเล่นต่อไม่ไหว

⭐ Player of the Match – เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

เกมนี้รางวัลแข้งยอดเยี่ยมตกเป็นของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เซ็นเตอร์กัปตันทีมลิเวอร์พูลที่ได้เรตติ้งสูงสุด 7.8 จาก Sofascore บ้านกีฬาเห็นด้วยแบบไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะทั้งเกมเขาอ่านทางบอลได้เฉียบคม ชนะดวลลูกกลางอากาศแทบทุกครั้ง ปิดพื้นที่ไม่ให้เลาตาโร่กับตูรามมีจังหวะหมุนยิงในเขตโทษ รวมถึงคอยสั่งไลน์เกมรับให้ดันขึ้นอย่างมีวินัย จังหวะบล็อกลูกครอสและเคลียร์บอลท้ายเกมก็สำคัญมาก เรียกได้ว่าเป็นผู้นำตัวจริงที่ยืนเป็นกำแพงเหล็กให้หงส์แดงเก็บคลีนชีตในค่ำคืนนี้

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

จากตารางคะแนนล่าสุด อินเตอร์ มิลาน แข่ง 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 12 เสีย 4 ลูก มี 12 แต้ม อยู่โซนหัวตารางแต่ความได้เปรียบเริ่มหายไป หลังพลาดเก็บแต้มในบ้านตัวเอง ส่วนลิเวอร์พูลแข่ง 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 2 เช่นกัน ยิงได้ 11 เสีย 8 มี 12 คะแนนเท่ากันแต่ประตูได้เสียเป็นรองนิดหน่อย ทำให้หงส์แดงยังต้องลุ้นอันดับท็อป 8 ในเกมที่เหลือ แต่ชัยชนะนัดนี้คือการยืนยันว่าทีมของสลอตพร้อมชนทุกใครในยุโรป

📅 ตารางบอลนัดถัดไป & โปรแกรมบอลของสองยักษ์ใหญ่

หลังศึกยุโรป อินเตอร์ต้องหันไปโฟกัสเกมลีกและถ้วยในประเทศ ตาม โปรแกรมบอล ที่รออยู่คือบุกเยือนเจนัวในศึกเซเรีย อา วันที่ 15/12/25 จากนั้นมีศึกใหญ่กับโบโลญญ่าในรายการซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า วันที่ 20/12/25 ซึ่งเป็นอีกสองเกมสำคัญที่แฟนงูใหญ่ห้ามพลาด

ด้านลิเวอร์พูลกลับอังกฤษไปลุยพรีเมียร์ลีกต่อทันที เปิดบ้านรับไบรท์ตันวันที่ 13/12/25 ก่อนจะออกไปเยือนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ วันที่ 21/12/25 ทั้งสองแมตช์คือบททดสอบความฟิตของนักเตะหลังกรำศึกยุโรป และจะส่งผลโดยตรงต่อการลุ้นหัวตารางลีกอังกฤษเช่นกัน

📣 ติดตามบ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ ๆ ได้ที่บ้านกีฬา

ใครที่อยากตามฟอร์มอินเตอร์ มิลาน และลิเวอร์พูลต่อเนื่อง ทั้งสกอร์สด ตารางคะแนน และบทวิเคราะห์ทุกมุมมอง บ้านกีฬาขอชวนมาเช็ก บ้านผลบอล อัปเดตสกอร์แบบเรียลไทม์ พร้อมข่าวร้อนฟุตบอลต่างประเทศให้ครบจบในที่เดียว จัดหนักทั้งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พรีเมียร์ลีก เซเรีย อา และทุกลีกใหญ่ แฟนบอลตัวจริงต้องไม่พลาดกดเข้ามาเช็กทุกวันกับบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา