กรีฑาไทยเร่งสปีดล่าเจ้าทองซีเกมส์
โค้งสุดท้ายของทีม กรีฑาไทย เดินหน้าเต็มกำลังสู่ภารกิจใหญ่ในมหกรรมกีฬา ซีเกมส์ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 เป้าหมายชัดเจนคือการเก็บให้ครบ 17 เหรียญทอง เพื่อยึดบัลลังก์ เจ้าทองซีเกมส์ มาครองอีกสมัย ท่ามกลางสายตาแฟนกีฬาไทยที่จับจ้องว่าเจ้าลมกรดรุ่นใหม่จะพาธงไตรรงค์โบกสะบัดบนโพเดียมกี่ครั้งในบ้านเราเอง
สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยวางแผนเตรียมทีมอย่างยาวนาน ทั้งการเก็บตัว, วางโปรแกรมซ้อม และดึงทีมโค้ชชั้นนำมาช่วยยกระดับศักยภาพ เพื่อให้ทัพกรีฑาไทยไม่ใช่แค่ลุ้นเหรียญ แต่ต้องลงไปวิ่ง–กระโดด–ทุ่ม ในฐานะตัวเต็งเกือบทุกประเภทที่ส่งชื่อเข้าชิง
บิว ภูริพล ลมกรดความหวังใหญ่ของทีมชาติไทย
ในกลุ่มนักกรีฑาไทยชุดซีเกมส์ครั้งนี้ ชื่อของ ภูริพล บุญสอน ถูกยกให้เป็นหัวใจสำคัญของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าของสถิติประเทศไทยวิ่ง 100 เมตร และ 200 เมตรชาย คือความหวังเบอร์หนึ่งในลู่วิ่งสั้น ทั้งในมุมของผลงานและในมุมของการสร้างความเชื่อมั่นให้เพื่อนร่วมทีม
ซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชาเมื่อปี 2566 “บิว” ต้องเจอช่วงเวลาน่าผิดหวัง เมื่ออาการบาดเจ็บเล่นงานจนไม่สามารถลงแข่งขันครบทั้ง 3 ประเภทตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ความรู้สึกค้างคาใจจากครั้งนั้น กลายเป็นเชื้อไฟชั้นดีให้เขากลับมามุ่งมั่นหนักกว่าเดิมในศึกซีเกมส์บนแผ่นดินไทยครั้งนี้
ภูริพล กล่าวว่า สำหรับซีเกมส์ครั้งนี้ ตนจะลงแข่งขัน 3 รายการ และตั้งใจจะคว้าให้ได้ทั้งหมด 3 เหรียญทอง เพื่อเป็นการแก้ตัวจากซีเกมส์ครั้งที่แล้ว ขณะนี้สภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อยและอยู่ระหว่างการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นร่วมกับทีมผลัด 4×100 เมตรชาย ภายใต้การดูแลของ เจนทรี แบรดลีย์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมสปรินท์ชาวอเมริกัน เพื่อเสริมศักยภาพนักกรีฑาไทยให้ดียิ่งขึ้น
คำพูดนี้สะท้อนชัดว่าบิวไม่ได้มองซีเกมส์ครั้งนี้แค่การกลับมา แต่คือการ “เคลียร์บัญชีใจ” ทั้งกับตัวเองและกับแฟนกีฬาไทย เขาไม่เพียงซ้อมเดี่ยวในประเภท 100 และ 200 เมตรเท่านั้น แต่ยังใส่เต็มกับทีมผลัด 4×100 เมตร เพื่อให้การประสานงาน, จังหวะส่งไม้ และความมั่นใจร่วมกันของทั้ง 4 คนแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ล่า 3 เหรียญทอง พร้อมท้าทายสถิติต่ำกว่า 10 วินาที
เป้าหมายหลักของบิวในซีเกมส์ครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่คำว่า “แชมป์” แต่ยังมีภารกิจส่วนตัวที่โหดไม่แพ้กัน นั่นคือการกดเวลา 100 เมตรให้ต่ำกว่า 10 วินาที ซึ่งถือเป็นมาตรฐานระดับโลกของลมกรดตัวท็อป
นอกจากการคว้าเหรียญทองแล้ว ซีเกมส์ครั้งนี้ผมอยากทำสถิติวิ่ง 100 เมตรให้ต่ำกว่า 10 วินาทีให้ได้ เพราะว่าครั้งนี้แข่งที่ประเทศไทย แล้วก็แข่งสนามศุภชลาศัย ซึ่งเป็นสนามที่ผมได้ลงแข่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นสนามโปรดของผมอยากที่จะวิ่ง 9 วินาทีให้ได้ ลมกรดหนุ่มวัย 19 ปี กล่าว
ประโยคนี้บอกทุกอย่างทั้งเรื่องแรงขับเคลื่อน, ความผูกพันกับสนาม และความกล้าตั้งเป้าหมายระดับ “ก้าวข้ามเอเชีย” หากบิวทำได้จริงในซีเกมส์ นอกจากจะเป็นประวัติศาสตร์ของตัวเขาเองแล้ว ยังอาจจุดประกายให้เด็กไทยรุ่นใหม่หันมาฝันไกลบนลู่กรีฑามากขึ้นอย่างชัดเจน
การสนับสนุนจาก กกท. และเป้าหมายใหญ่ 17 เหรียญทอง
เบื้องหลังความหวังในลู่กรีฑา คือการทำงานอย่างต่อเนื่องของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่คอยหนุนหลังสมาคมกีฬาในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณเก็บตัว, วิทยาศาสตร์การกีฬา, ทีมแพทย์–ฟื้นฟู รวมถึงการจัดโปรแกรมแข่งขันอุ่นเครื่อง เพื่อให้ทุกคนเข้าสู่ซีเกมส์ด้วยสภาพร่างกายและสภาพจิตใจที่พร้อมที่สุด
ในการประชุม “มีตเดอะเพรส” ของสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยย้ำชัดถึงเป้าหมายในการคว้า เหรียญทอง ให้ได้ 17 เหรียญ ในซีเกมส์ครั้งที่ 33 พร้อมตั้งเป้าป้องกันตำแหน่งเจ้าเหรียญทองในชนิดกรีฑาให้ได้อีกสมัย ภายใต้ความคาดหวังจากแฟนกีฬาไทยที่อยากเห็นธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาแบบรัว ๆ ทั้งในช่วงเช้าและเย็นของทุกวันแข่งขัน
สนามศุภชลาศัย เวทีประวัติศาสตร์ที่บิวคุ้นเคย
การแข่งขันกรีฑาในซีเกมส์ครั้งที่ 33 จะจัดขึ้นที่ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 11-16 ธันวาคม 2568 นี่ไม่ใช่แค่สนามแข่งธรรมดา แต่คือเวทีประวัติศาสตร์ของนักกรีฑาไทยมาหลายยุค ทั้งในระดับเยาวชน, ชิงแชมป์ประเทศไทย และรายการนานาชาติที่เคยจัดขึ้น
สำหรับบิว ภูริพล สนามแห่งนี้ยิ่งมีความหมายเป็นพิเศษ เพราะเป็นลู่วิ่งที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเป็นนักวิ่งเยาวชน การได้กลับมาลงแข่งในซีเกมส์ต่อหน้าแฟนกีฬาไทยในสนามโปรดของตัวเอง คือเชื้อเพลิงชั้นดีที่อาจผลักดันให้เขากดเวลาได้ดีที่สุดตั้งแต่เริ่มวิ่งอาชีพมา บวกกับแรงเชียร์จากกองเชียร์แน่นสแตนด์ ยิ่งทำให้ทุกก้าวออกตัวมีน้ำหนักของความหวังทั้งประเทศแบกอยู่บนบ่า
กรีฑาไทยกับก้าวต่อไปบนเวทีนานาชาติ
แม้ซีเกมส์จะถูกมองว่าเป็นเวทีระดับภูมิภาค แต่สำหรับวงการกรีฑา มันคือบันไดขั้นสำคัญสู่ระดับเอเชียนเกมส์และโอลิมปิก นักวิ่งสปรินท์, นักกระโดดไกล, นักทุ่ม–ขว้าง และนักวิ่งระยะกลาง–ระยะไกลหลายคน ใช้ซีเกมส์เป็นสนามพิสูจน์ตัวเองว่าพร้อมจะยกระดับไปท้าชนกับระดับทวีปและระดับโลกหรือยัง
หากทีมกรีฑาไทยทำผลงานได้ตามเป้าที่วางไว้ นอกจากจะตอกย้ำสถานะความแข็งแกร่งในอาเซียนแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้วงการกีฬาลู่วิ่ง–ลานในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการดึงเยาวชนเข้าสู่ระบบ, การผลักดันให้เกิดโปรแกรมแข่งภายในประเทศที่ถี่ขึ้น หรือการดึงผู้สนับสนุนรายใหม่เข้ามาเติมทรัพยากรให้สมาคมเดินหน้าอย่างมั่นคงในระยะยาว
แฟนกีฬาไทยเตรียมระเบิดเสียงเชียร์ไปกับภารกิจเจ้าทอง
ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ไม่ได้เป็นเพียงการลุ้นตัวเลขเหรียญรางวัลบนตารางสรุป แต่คือเวทีพิสูจน์หัวใจของนักกีฬาไทยทุกคน โดยเฉพาะทัพกรีฑาที่ต้องรับศึกหนักแทบทุกช่วงเวลา บนลู่วิ่งไม่กี่วินาทีอาจตัดสินทั้งเหรียญ, สถิติ และความฝันที่ซ้อมกันมานับปี
แฟนกีฬาไทย โดยเฉพาะคอลูกหนังที่ชอบเสพความมันส์ของการแข่งขันระดับทัวร์นาเมนต์ ลองหันมาจับตาลู่วิ่งศุภชลาศัยให้มากขึ้น เพราะทุกการออกตัวของบิว ภูริพล และเพื่อนร่วมทีมกรีฑาไทย คือจังหวะที่ทั้งประเทศกำลังร่วมลุ้นไปพร้อมกัน ว่าภารกิจล่าเจ้าทองซีเกมส์ของทีมชาติไทยจะสำเร็จสวยงามตามเป้าหรือไม่ และจะมีสถิติใหม่ระดับประวัติศาสตร์แตกออกมาให้จารึกลงหน้ากีฬาอีกกี่ครั้ง
แฟนกีฬาไทยที่ไม่อยากพลาดทุกจังหวะสำคัญของซีเกมส์ 33 และข่าวเด็ดจากทุกชนิดกีฬา อย่าลืมติดตามอัปเดตมันส์ ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา

