
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 ลิเวอร์พูล วันนี้ 7/12/68 – บ้านกีฬา
เกม พรีเมียร์ลีก ที่แฟนบอลเปิดดูผ่านสกอร์แบบเรียลไทม์ตามสไตล์ ผลบอลสด ต้องมีหัวใจหล่นไปกองกับพื้น เมื่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 3-3 ทั้งที่หงส์แดงนำห่าง 2-0 และ 3-2 แต่ปิดบัญชีไม่ได้ โดนเจ้าถิ่นฮึดกดประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาที 90+6 แบบสุดระทึก
🕒 ครึ่งแรก – เกมรัดกุม จบ 0-0 แต่ใบเหลืองเพียบ
ครึ่งแรกทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระมัดระวัง ลีดส์ใช้แผน 3-5-2 เน้นแพ็กเกมรับแน่นแล้วหาจังหวะสวนกลับผ่าน โนอาห์ โอกาฟอร์ กับ โดมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน ส่วนลิเวอร์พูลของอาร์เน่ สลอตยืน 4-2-3-1 ให้ฮูโก้ เอกิติเก้ยืนหน้าเป้า โดยมี โดมินิค โซบอสซ์ไล, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และโคดี้ กั๊คโป ป้อนบอลอยู่ด้านหลัง
แม้สกอร์ยังไม่ขยับ แต่ความเดือดมีให้เห็นตั้งแต่นาที 20 เมื่อ เจย์เดน โบเกิล โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์ ก่อนที่ กุ๊ดมุนด์สสันจะตามมาโดนอีกใบในนาที 26 ขณะที่ฝั่งลิเวอร์พูลก็ไม่ยอมน้อยหน้า คอเนอร์ แบรดลีย์ รับใบเหลืองท้ายครึ่งแรกช่วงทดเวลา 45+3 จากการเข้าบอลหนัก ทำให้เกมเริ่มเดือดตั้งแต่ยังไม่พ้น 45 นาทีแรก ทว่าจังหวะจบสกอร์ยังไม่คมพอ ทั้งสองฝ่ายจึงเข้าห้องแต่งตัวด้วยสกอร์ 0-0
🔁 ครึ่งหลัง – ฝันหวานของหงส์แดง กลายเป็นฝันร้ายช่วงทดเจ็บ
ครึ่งหลังเกมเปลี่ยนหน้าอย่างรวดเร็ว นาที 48 ลิเวอร์พูลออกนำ 1-0 จากจังหวะที่บอลทะลุมาถึง ฮูโก้ เอกิติเก้ หลุดเข้าไปยิงไม่พลาด ก่อนที่นาที 50 ดาวยิงเลือดฝรั่งเศสคนเดิมจะซัดเม็ดสองให้ทีมเยือนหนีเป็น 2-0 เหมือนทุกอย่างจะเข้าทางหงส์แดงเต็มตัว
แต่ลีดส์ไม่ยอมจม นาที 65 ดาเนียล ฟาร์เค้แก้เกมทีเดียวสามคน ส่ง อาโอะ ทานากะ, เบรนเดน อารอนสัน และ วิลฟรีด นอนโต้ ลงมาเพิ่มพลังเกมรุก และการเปลี่ยนตัวนี้ก็เปลี่ยนเกมจริง นาที 71 ลีดส์ได้จุดโทษหลังนอนโต้เรียกฟาวล์ในเขตโทษ ก่อนที่ แคลเวิร์ต-ลูอิน จะลุกมาซัดไม่เหลือ ไล่มา 1-2 ในนาที 73
โมเมนตัมยังอยู่กับเจ้าถิ่น นาที 75 อันตอน สตัค ทำประตูตีเสมอ 2-2 จากการประสานงานกับอารอนสัน ทำให้อีลแลนด์ โรดระเบิดเฮลั่น ทว่าลิเวอร์พูลไม่ปล่อยให้ดีใจนาน นาที 80 โซบอสซ์ไลยิงจังหวะสองในเขตโทษให้ทีมเยือนพลิกนำ 3-2 อีกครั้ง
ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลถอยไปรับลึก หวังเก็บสามแต้ม แต่กลับโดนบุกใส่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนาที 90+3 ลีดส์ส่ง เซบาสเตียน บอร์เนาว์ ลงมาเสริมเกมรับแทนโบเกิล ก่อนที่ในนาที 90+6 ทานากะจะสอดขึ้นมาซัดประตูตีเสมอ 3-3 ให้เจ้าถิ่นแบบสุดช็อก ปล่อยให้แฟนหงส์กุมขมับว่าทำแต้มหล่นอีกเกม ทั้งที่เคยนำห่างถึงสองลูก

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริง, ตัวเด่น และการเปลี่ยนตัว
🟡 ลีดส์ ยูไนเต็ด (ระบบ 3-5-2)
ผู้รักษาประตู
- ลูอิส แพร์รี (6.4) – เซฟได้หลายจังหวะสำคัญ แม้เสียถึงสามประตูแต่ยังพอยืนระยะได้
กองหลังสามคน
- โจ โรดอน (5.9) – มีจังหวะหลุดตำแหน่งให้เอกิติเก้เล่นงาน
- ยาน บีโยล (6.5) – คุมโซนกลางเกมรับพอใช้ ก่อนถูกเปลี่ยนออกนาที 65
- ปาสกาล สตรอย์ค (6.3) – ได้ใบเหลืองช่วงท้ายจากการฟาวล์หนัก แต่ยังช่วยไล่บีบแดนหลังอย่างไม่ย่อท้อ
วิงแบ็ก & มิดฟิลด์ตัวรับ
- เจย์เดน โบเกิล (6.0) – ขึ้นลงทางขวาแต่เสียใบเหลืองเร็ว นาที 20
- กุ๊ดมุนด์ กุ๊ดมุนด์สสัน (6.4) – เติมเกมรุกทางซ้ายได้ดี มีลูกครอสลุ้นประตู
- อิลิย่า กรูเยฟ (6.6) – ตัดเกมแดนกลาง ก่อนถูกถอดออกช่วงตามหลัง
- อิธาน อัมปาดู กัปตันทีม (6.7) – ยืนคุมจังหวะและเชื่อมบอลจากหลังขึ้นหน้า
- อันตอน สตัค (8.1) – มิดฟิลด์ตัวเด่น ซัดหนึ่งประตูสำคัญให้ทีมตีเสมอ 2-2
กองหน้า
- โนอาห์ โอกาฟอร์ (6.4) – เคลื่อนที่หาช่องดี แต่จังหวะจบยังไม่เฉียบ
- โดมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน (6.0) – รับหน้าที่สังหารจุดโทษตีตื้น 1-2 ในนาที 73
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- อาโอะ ทานากะ (7.8) – ซูเปอร์ซับตัวจริง ยิงประตู 3-3 นาที 90+6 เปลี่ยนเกมโดยสมบูรณ์
- เบรนเดน อารอนสัน (6.5) – ลงมาช่วยกระตุ้นเกมรุก มีส่วนกับประตู 2-2
- วิลฟรีด นอนโต้ (7.1) – เรียกจุดโทษให้ทีม เป็นตัวป่วนแนวรับหงส์ตลอดครึ่งหลัง
- โยเอล ปิเรา (6.4) – ลงมาช่วงท้าย คอยเก็บบอลสองหน้ากรอบเขตโทษ
- เซบาสเตียน บอร์เนาว์ (6.7) – เสริมความสดในแนวรับช่วงทดเวลา
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน: คาร์ล ดาร์โลว์, แซม ไบรัม, เจมส์ จัสติน, แจ็ค แฮร์ริสัน
🔴 ลิเวอร์พูล (ระบบ 4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู
- อลิสซอน เบ็คเกอร์ (5.8) – ครึ่งหลังเจองานหนัก เสียสามประตูจากลูกยิงระยะหวังผลทั้งหมด
กองหลังสี่คน
- คอเนอร์ แบรดลีย์ (7.3) – เกมรุกทางขวาอันตรายมาก แต่พลาดโดนใบเหลืองก่อนถูกเปลี่ยนออก
- อิบราฮิมา โกนาเต้ (6.2) – รับมือกับลูกโด่งได้ระดับหนึ่ง แต่มีหลุดจังหวะตามแนวลึก
- เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีม (7.2) – เก็บกวาดหลายจังหวะ ทว่าช่วงท้ายเริ่มถอยลึกจนทีมเสียความคุมเกม
- มิลอส เคอร์เคซ (6.1) – เติมเกมซ้ายบ้าง แต่โดนลีดส์โจมตีด้านนี้ช่วงท้าย
คู่มิดฟิลด์ตัวคุมเกม
- ไรอัน กราเวนเบิร์ช (7.0) – แอสซิสต์ให้โซบอสซ์ไลยิงขึ้นนำ 3-2
- เคอร์ติส โจนส์ (6.8) – ช่วยวิ่งเชื่อมระหว่างกลางกับแนวรุก แต่เริ่มหมดแรงปลายเกม
ตัวรุกสามคนหลังหน้าเป้า
- โดมินิค โซบอสซ์ไล (8.1) – ยิงประตูสุดคมเป็น 3-2 เป็นหัวใจเกมรุกด้านขวา
- ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ (6.3) – พยายามหาช่องระหว่างไลน์ แต่ยังไม่เด่นเท่าที่ควร
- โคดี้ กั๊คโป (6.4) – มีส่วนกับการขึ้นเกมฝั่งซ้าย ก่อนถูกถอดออกช่วงท้าย
ศูนย์หน้า
- ฮูโก้ เอกิติเก้ (8.2) – กดสองประตูรวดช่วงต้นครึ่งหลัง พาทีมออกนำ 2-0 ก่อนถูกเปลี่ยนออกนาที 84
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- โจ โกเมซ (5.6) – ลงมาแทนแบรดลีย์และโดนใบเหลืองช่วงทดเวลา 90+1
- อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (6.3) – ช่วยคุมจังหวะกลางสนามแต่ไม่สามารถปิดเกมได้
- วาตารุ เอนโด (6.4) – ลงมาช่วยตัดเกมแต่รับมือสปีดของนอนโต้ไม่หมด
- อเล็กซานเดอร์ อิซัค (6.4) – เสริมมิติในแดนหน้าช่วงท้าย แต่ไม่ได้โอกาสทองจัง ๆ
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน: จอร์จี มามาร์ดาชวิลี, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟเดริโก้ เคียซ่า, ริโอ งูโมฮา
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับเชิงแท็กติก
ถ้ามองในมุม วิเคราะห์บอล เกมนี้คือการต่อสู้ระหว่างแท็กติก 3-5-2 ของฟาร์เค้กับ 4-2-3-1 ของสลอต ช่วงแรก ลิเวอร์พูลพยายามเพรสสูงให้แนวรุกสี่คนบีบใส่สามเซ็นเตอร์ของลีดส์ ทำให้เจ้าถิ่นต้องเล่นบอลยาวขึ้นหน้าไปให้แคลเวิร์ต-ลูอินดวลลูกกลางอากาศ ซึ่งฟาน ไดค์ และโกนาเต้รับมือได้ดี จึงไม่ค่อยมีโอกาสจะแจ้งในครึ่งแรก
พอเริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเร่งสปีดเกมรุกเต็มที่ ใช้การเคลื่อนที่ของเอกิติเก้ดึงแนวรับให้หลุดตำแหน่ง ก่อนเปิดช่องให้เพลย์เมกเกอร์อย่างโซบอสซ์ไลและเวิร์ตซ์จ่ายทะลุช่อง จังหวะสองประตูของเอกิติเก้จึงเกิดจากการสลับการวิ่งตัดหน้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเฉียบคม เมื่อขึ้นนำ 2-0 หงส์แดงเลือกถอยบล็อกลงมาเป็น 4-4-1-1 หวังเล่นสวนกลับด้วยความเร็วของกั๊คโป
แต่การตัดสินใจตรงนี้กลับเปิดโอกาสให้ลีดส์ดันไลน์สูงขึ้นแทบทั้งทีม การเปลี่ยนมาใช้สามตัวรุกจิ๋วอย่างทานากะ–อารอนสัน–นอนโต้ ทำให้แนวรับลิเวอร์พูลต้องรับมือกับการเคลื่อนที่เร็วระหว่างช่องฮาล์ฟสเปซอย่างต่อเนื่อง จุดโทษที่เสียมาจากการเล่นดุดันเกินไปในกรอบเขตโทษ ขณะที่ประตู 2-2 และ 3-3 เกิดจากการที่แผงมิดฟิลด์หงส์ปล่อยให้คู่แข่งได้ตั้งลำยิงจากนอกกรอบ/หน้ากรอบโดยไม่มีคนบล็อก
ในเกมรับของลีดส์ แม้จะเสียสามลูก แต่โครงสร้าง 3-5-2 ทำให้ยังมีตัวเซฟโซนในเขตโทษเสมอ การเสียประตูส่วนใหญ่เป็นจังหวะหลุดโฟกัสไม่กี่วินาที แต่พอปรับมาเล่นเกมรุกเต็มที่ก็สามารถกดลิเวอร์พูลถอยไปจนแทบออกบอลจากแดนตัวเองไม่ได้ ถือเป็นเกมที่สองฝั่งโชว์ให้เห็นทั้งข้อดีและรูรั่วอย่างชัดเจน

📈 สถิติการแข่งขัน
เมื่อดูจากตัวเลข ลีดส์ยิงทั้งสิ้น 12 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลกดไป 16 ครั้ง เข้ากรอบเท่ากันที่ 7 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าโอกาสทองของทั้งสองทีมใกล้เคียงกันมาก แม้หงส์แดงจะครองบอลมากกว่าที่ 55% ต่อ 45% และจ่ายบอล 414 ต่อ 388 ครั้ง แต่ความแม่นยำในการจ่ายบอลก็สูสีที่ 85% ต่อ 81% เท่านั้น
เกมนี้มีการปะทะดุดันตลอด 90 นาที ลีดส์ทำฟาวล์ 13 ครั้ง ลิเวอร์พูล 12 ครั้ง ใบเหลืองแบ่งกันไปทีมละ 3 ใบ ไม่มีใบแดงออกมาทำลายเกม ถึงอย่างนั้นจังหวะปะทะปลายเกมส่งผลชัดเจน เมื่อแนวรับลิเวอร์พูลเริ่มล้าและตัดสินใจช้า จึงปล่อยให้เจ้าถิ่นบุกเป็นพายุจนเจาะได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่วนเตะมุม ลีดส์ได้ 5 ครั้ง ลิเวอร์พูล 4 ครั้ง สะท้อนว่าทั้งสองฝั่งมีการบุกกดดันสลับกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีทีมไหนตั้งกำแพงรับอย่างเดียวเลย
⏱ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚠️ 20′ เจย์เดน โบเกิล (ลีดส์) ฟาวล์ โดนใบเหลืองใบแรกของเกม
- ⚠️ 26′ กุ๊ดมุนด์ กุ๊ดมุนด์สสัน (ลีดส์) ฟาวล์ โดนใบเหลือง
- ⚠️ 45+3′ คอเนอร์ แบรดลีย์ (ลิเวอร์พูล) ฟาวล์ โดนใบเหลือง ก่อนจบครึ่งแรก
- ⚽ 48′ ประตู 0-1 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ – ฮูโก้ เอกิติเก้ ยิงให้ทีมเยือนออกนำ
- ⚽ 50′ ประตู 0-2 ลิเวอร์พูลหนีห่าง – เอกิติเก้คนเดิมซัดเบิ้ลอย่างเฉียบขาด
- 🔁 65′ ลีดส์เปลี่ยนสามคนรวด – อาโอะ ทานากะ แทนอิลิย่า กรูเยฟ, เบรนเดน อารอนสัน แทนยาน บีโยล และวิลฟรีด นอนโต้ แทนโนอาห์ โอกาฟอร์
- 🔁 68′ ลิเวอร์พูลเปลี่ยนสองคน – โจ โกเมซ แทนคอเนอร์ แบรดลีย์, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แทนฟลอเรียน เวิร์ตซ์
- 🧑⚖️ 71′ ลีดส์ได้จุดโทษ จากจังหวะที่นอนโต้โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ
- ⚽ 73′ ประตู 1-2 – โดมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน สังหารจุดโทษไม่พลาดให้ลีดส์ไล่มา
- ⚽ 75′ ประตู 2-2 – อันตอน สตัค กดเต็มข้อจากการทำเกมของอารอนสัน เจ้าถิ่นตีเสมอสำเร็จ
- ⚽ 80′ ประตู 2-3 – โดมินิค โซบอสซ์ไล ยิงให้ลิเวอร์พูลนำอีกครั้ง จากการแอสซิสต์ของไรอัน กราเวนเบิร์ช
- ⚠️ 80′ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โดนใบเหลืองจากจังหวะโวยผู้ตัดสิน
- 🔁 83′ ลิเวอร์พูลส่ง วาตารุ เอนโด แทนโคดี้ กั๊คโป เสริมความเหนียวแดนกลาง
- 🔁 84′ ลิเวอร์พูลส่ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค แทนฮูโก้ เอกิติเก้
- 🔁 87′ ลีดส์ส่ง โยเอล ปิเรา แทนอิธาน อัมปาดู เติมความสดแดนหน้า
- ⚠️ 89′ ปาสกาล สตรอย์ค รับใบเหลืองจากการฟาวล์
- ⚠️ 90+1′ โจ โกเมซ (ลิเวอร์พูล) โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์ในแดนตัวเอง
- 🔁 90+3′ ลีดส์เปลี่ยน เซบาสเตียน บอร์เนาว์ ลงมาแทนโบเกิล เสริมเกมรับ
- ⚽ 90+6′ ประตู 3-3 – อาโอะ ทานากะ ซัดดาบสุดท้ายให้ลีดส์ตีเสมอแบบสุดดราม่า เสียงเฮสะเทือนทั้งสนาม
⭐ Player of the match – ฮูโก้ เอกิติเก้
แม้จะไม่ได้สามแต้ม แต่รางวัล Man of the Match จาก Sofascore ตกเป็นของ ฮูโก้ เอกิติเก้ กองหน้าลิเวอร์พูลที่ได้คะแนนสูงถึง 8.2 ดาวยิงวัยหนุ่มเคลื่อนที่ฉลาด ดร็อปลงมารับบอลระหว่างเซ็นเตอร์กับฟูลแบ็กของลีดส์ตลอดเวลา ทำให้แนวรับเจ้าถิ่นต้องวิ่งตามจนเสียช่องว่าง ทั้งสองประตูของเขาในนาที 48 และ 50 แสดงให้เห็นสัญชาตญาณจบสกอร์ระดับหอกชั้นนำ รับบอลแล้วจบด้วยการยิงครั้งเดียว ไม่เปิดโอกาสให้กองหลังตั้งหลัก
นอกจากประตู เอกิติเก้ยังช่วยดึงตัวประกบ เปิดพื้นที่ให้โซบอสซ์ไลกับกั๊คโปมีโอกาสยิงหลายครั้ง ถ้าไม่ถูกเปลี่ยนออกนาที 84 แฟนหงส์หลายคนคงอยากเห็นเขาอยู่ปิดเกมจนจบ เพราะเมื่อไม่มีเขา ลิเวอร์พูลแทบไม่เหลือจุดพักบอลในแดนหน้าให้เพื่อนขึ้นตามเลย

📌 สถานการณ์บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกหลังเกมนี้
ผลเสมอ 3-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 23 แต้ม จาก 15 นัด สถิติ ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 6 ประตูได้–เสีย 24-24 ยังคงรั้งอันดับ 8 บนตาราง บ้านผลบอล ตามหลังโซนท็อปโฟร์ที่เชลซีครองอยู่เพียง 2 คะแนน และตามเอฟเวอร์ตันอันดับ 5 แค่แต้มเดียวเท่านั้น แปลว่าหงส์แดงยังมีโอกาสลุ้นพื้นที่ยุโรปเต็มตัว แต่ต้องแก้เรื่องเกมรับท้ายเกมให้เด็ดขาดกว่านี้
ด้าน ลีดส์ ยูไนเต็ด แม้จะยังจมอยู่ครึ่งล่างของตาราง แต่แต้มสำคัญในบ้านนัดนี้ทำให้พวกเขาขยับเป็น 15 คะแนน จาก 15 นัด (ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 8 ได้ 19 เสีย 29) อยู่ที่อันดับ 16 เหนือโซนตกชั้นเพียงผลต่างประตูได้เสียเหนือฟอเรสต์ ทีมงานสตาฟฟ์และแฟนบอลจึงยังต้องลุ้นหนีตกชั้นกันยาวๆ แต่การคัมแบ็กจากตาม 0-2 มาจบที่ 3-3 แบบนี้ ย่อมเพิ่มความมั่นใจให้ทีมไม่น้อย
📅 ตารางบอล & โปรแกรมบอล นัดถัดไปของทั้งสองทีม
ในแง่ โปรแกรมบอล หลังจากเกมดราม่าคืนนี้ ลีดส์ยังมีงานหนักรออยู่ต่อเนื่อง โดยต้องบุกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ดในลีกวันที่ 14 ธันวาคม เวลา 23:30 น. ก่อนจะกลับมาเล่นในบ้านพบคริสตัล พาเลซ วันที่ 21 ธันวาคม เวลา 03:00 น. สองเกมนี้คือบททดสอบสำคัญว่าพวกเขาจะยืนระยะหนีโซนแดงได้จริงหรือไม่
ฝั่งลิเวอร์พูลเจอโปรแกรมโหดไม่แพ้กัน เริ่มจากการออกไปเยือนอินเตอร์ มิลาน ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก วันที่ 10 ธันวาคม เวลา 03:00 น. ซึ่งเป็นเกมชี้ชะตาเข้ารอบยุโรป จากนั้นกลับมาเปิดแอนฟิลด์รับมือไบรท์ตันในลีก วันที่ 13 ธันวาคม เวลา 22:00 น. เกมในบ้านนัดนี้หงส์แดงแทบไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเก็บสามแต้มเพื่อไล่จี้กลุ่มหัวตารางต่อไป
📣 ติดตาม บ้านผลบอล ครบจบที่ บ้านกีฬา
คอบอลที่อยากตามทุกจังหวะเดือดของเกมระดับพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นสกอร์สดแบบเรียลไทม์ สถิติละเอียด สรุปหลังเกม หรืออัปเดตความเคลื่อนไหวตลาดนักเตะ สามารถเช็กได้ที่ บ้านกีฬา เรามีอัปเดตสไตล์ บ้านผลบอล ครบทุกคู่ ทุกลีก พร้อมบทวิเคราะห์จัดเต็มให้ตามลุ้นกันทุกสัปดาห์ ไม่อยากพลาดดราม่าแบบลีดส์เจ๊าลิเวอร์พูล 3-3 คืนนี้ เข้ามาเช็กทุกวันแล้วคุณจะไม่หลุดเทรนด์บอลโลกแน่นอน

