
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ซันเดอร์แลนด์ วันนี้ 6/12/68 – บ้านกีฬา
ศึก พรีเมียร์ลีก ที่เอติฮัดคืนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาโชว์คลาสบอลระดับแชมป์เก่า ไล่บดซันเดอร์แลนด์แบบอยู่หมัดจนจบด้วยสกอร์ 3-0 จากประตูของ รูเบน ดิอัซ, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล และ ฟิล โฟเดน เกมนี้แฟนที่ตามเช็ก ผลบอลสด และหน้าเว็บ บ้านผลบอล ของบ้านกีฬา เห็นภาพชัดว่า “เรือใบสีฟ้า” ไม่ได้แค่เก็บสามแต้ม แต่ส่งสารตรงถึงอาร์เซนอลว่าการลุ้นแชมป์ซีซันนี้ยังไม่จบง่ายๆ
🔵 ครึ่งแรก: เรือใบโหมบุกก่อนยิงสองดอก
เปิดเกมมา แมนฯ ซิตี้ ของเป๊ป กวาร์ดิโอลา จัด 4-3-2-1 เปิดเกมรุกเต็มตัว ใช้ รายาน เชอร์กี้ ยืนฟรีโรลระหว่างไลน์กลางกับหน้าเป้า เออร์ลิง ฮาแลนด์ คอยถ่างเซ็นเตอร์ซันเดอร์แลนด์ให้รั่ว ขณะที่ ฟิล โฟเดน และ เจเรมี่ โดคู สลับกันโจมตีริมเส้น
ซันเดอร์แลนด์ตั้งรับด้วยแผงหลัง 5 ตัว พยายามบีบพื้นที่ในกรอบเขตโทษ แต่ต้านความนิ่งของเจ้าถิ่นได้แค่ครึ่งชั่วโมง นาที 31 ลูกเตะมุมเล่นสั้นก่อนเปิดเข้ากลาง บอลถูกเชอร์กี้โขกชงให้ รูเบน ดิอัซ เติมขึ้นมาซัดจ่อๆ ตุงตาข่ายให้แมนฯ ซิตี้ออกนำ 1-0
ยังไม่ทันตั้งตัว นาที 35 เกมรุกด้านซ้ายของซิตี้ก็ลงดาบซ้ำ ฟิล โฟเดน ที่วันนี้เคลื่อนที่หาพื้นที่ได้ยอดเยี่ยม จ่ายตัดหลังแนวรับให้ ยอชโก้ กวาร์ดิโอล สอดจากแบ็กขึ้นมายิงเสียบเสา เป็นประตู 2-0 แบบแนวรับ “แมวดำ” งงกันทั้งแผง ช่วงท้ายครึ่งแรก กวาร์ดิโอลไปทำฟาวล์หนักจนโดนใบเหลืองนาที 37 แต่รูปเกมยังเป็นของเจ้าถิ่นแบบเบ็ดเสร็จ
🔁 ครึ่งหลัง: คุมเกมอยู่หมัดปิดบัญชีสามเม็ด
ครึ่งหลัง ซันเดอร์แลนด์พยายามแก้เกม เปลี่ยนใช้ เชมสดีน ทัลบี กับ ไบรอัน บร็อบบีย์ ลงมาเติมความสดตั้งแต่นาที 56 หวังปรับเป็นการสวนกลับที่มีเขี้ยวเล็บมากขึ้น ทว่าการเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าหายไปเกือบหมด เมื่อโดนแดนกลางซิตี้ไล่เพรสตัดจังหวะได้เร็ว
นาที 65 เจ้าถิ่นมาปิดจ๊อบจากจังหวะเข้าทำสุดเนียน รายาน เชอร์กี้ ลากแหวกกลางสนามแล้วแทงทะลุช่องให้ ฟิล โฟเดน หลุดเดี่ยวก่อนแปผ่านมือผู้รักษาประตูซันเดอร์แลนด์เป็น 3-0 สกอร์นี้ทำให้เป๊ปเริ่มหมุนเวียนนักเตะ ส่ง ติจานี เรย์จ์นเดอร์ส, โอมาร์ มาร์มูช, เนธาน อาเก้, ริโก้ ลูอิส และ ซาวินโญ ลงมาปิดงานเนียนๆ
ท้ายเกมนาที 88 ซันเดอร์แลนด์ส่ง ลุค โอนีเอน ลงมาเติมเกมรับ แต่กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนด้านลบ เมื่อเจ้าตัวไปเสียบหนักช่วงทดเจ็บ นาที 90+5 ผู้ตัดสินแอนดี แมดลีย์แจกใบเหลืองก่อนจะถูก VAR เรียกดูจอ และเปลี่ยนเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามในนาที 90+6 ปิดฉากค่ำคืนสุดหินของทีมเยือนแบบสมบูรณ์

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริง, นักเตะเด่น และการเปลี่ยนตัว
🔵 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ระบบ 4-3-2-1 | เรตติ้งเฉลี่ย 7.28
- ผู้รักษาประตู
- จานลุยจิ ดอนนารุมมา (7.2)
- กองหลัง
- มาตูส นูเนส (27) แบ็กซ้าย (7.4)
- รูเบน ดิอัซ เซ็นเตอร์ (8.8) – ทำ 1 ประตู เปิดสกอร์ให้ทีม
- นิโก้ กอนซาเลซ เซ็นเตอร์ (7.2)
- ยอชโก้ กวาร์ดิโอล แบ็กขวา/ฟูลแบ็กผสมอินเวิร์ต (8.2) – ยิง 1 ประตู, มีส่วนร่วมทั้งรุกและรับ
- กองกลาง
- นีล โอ’เรลลี (33) มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (7.5)
- แบร์นาร์โด ซิลวา กัปตันทีม (20) จอมทัพเชื่อมเกม (6.7)
- นิโก้ กอนซาเลซ ยังช่วยยืนหน้าเซ็นเตอร์เวลาตั้งรับ
- ตัวรุก/แนวรุก
- ฟิล โฟเดน (47) ตัวรุกฝั่งขวา (7.7) – 1 ประตู 1 แอสซิสต์
- เจเรมี่ โดคู (11) ปีกซ้ายสปีดจัด (8.1)
- รายาน เชอร์กี้ (10) เพลย์เมกเกอร์หน้าต่ำ (9.3) – 2 แอสซิสต์, คุมเกมรุกทั้งคืน
- เออร์ลิง ฮาแลนด์ (9) หน้าเป้า (6.0) แม้ไม่ยิงแต่ดึงตัวประกบจนเพื่อนเล่นง่าย
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- ติจานี เรย์จ์นเดอร์ส (6.3) แทน โฟเดน นาที 69
- โอมาร์ มาร์มูช (6.3) แทน ฮาแลนด์ นาที 69
- เนธาน อาเก้ (6.6) แทน กวาร์ดิโอล นาที 70
- ริโก้ ลูอิส (6.7) แทน แบร์นาร์โด ซิลวา นาที 82
- ซาวินโญ (6.4) แทน เชอร์กี้ นาที 82
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
เจมส์ แทรฟฟอร์ด, อับดุคอดีร์ คูซานอฟ, รายาน ไอต์-นูรี, ออสการ์ บ็อบบ์
🔴 ซันเดอร์แลนด์
ระบบ 5-4-1 | เรตติ้งเฉลี่ย 6.56
- ผู้รักษาประตู
- ผู้รักษาประตูตัวจริงของซันเดอร์แลนด์ไม่ปรากฏชื่อชัดในภาพสถิติที่ใช้ แต่ลงเฝ้าเสาตลอด 90 นาที
- กองหลัง
- ทิโมธี ฮูม (32) ฟูลแบ็กฝั่งขวา (6.6) – ถูกเปลี่ยนออกช่วงท้ายก่อนทีมเหลือ 10 คน
- โอมาร์ อัลเดเรเต้ (15) เซ็นเตอร์ (6.2)
- แดน บอลลาร์ด (5) เซ็นเตอร์ (6.0)
- ร็อบ รุฟส์ (22) แบ็ก/วิงแบ็กขวา (6.4)
- กองกลาง/วิงแบ็ก
- เบอร์ทร็องด์ ตราโอเร (25) วิงซ้าย (6.8)
- นอร์ดี้ มูกิเล (20) วิงขวา (6.5)
- ลุตชาเรล เกร์ทรูดา (6) มิดฟิลด์รับ (7.4) – เด่นสุดฝั่งทีมเยือน อ่านจังหวะตัดบอลดี
- กรานิต ชาก้า กัปตันทีม (34) กลางคุมจังหวะ (6.5)
- นาอูม แซดิกี (27) มิดฟิลด์พลังหนุ่ม (6.7)
- เองโซ เลอ เฟ (28) ตัวรุกเชื่อมเกม (6.8)
- กองหน้า
- วิลเลีย์ อิซิดอร์ (18) ศูนย์หน้าตัวเป้า (6.6)
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- เชมสดีน ทัลบี (6.7) แทน ตราโอเร นาที 56
- ไบรอัน บร็อบบีย์ (6.4) แทน อิซิดอร์ นาที 56
- ไซมอน อาดิงกรา (6.6) แทน แซดิกี นาที 72
- โรมเมน มันเดิล (6.4) แทน ชาก้า นาที 73
- ลุค โอนีเอน (6.3) แทน ฮูม นาที 88 – รับใบแดงช่วงทดเจ็บ
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
แอนโธนี แพตเตอร์สัน, แดน นีล, คริส ริกก์, เอลีเซอร์ มาเยนดา
นักเตะโดดเด่นของเกม
ฝั่งแมนฯ ซิตี้ ต้องยกให้ รายาน เชอร์กี้ และ รูเบน ดิอัซ ส่วนซันเดอร์แลนด์ ลุตชาเรล เกร์ทรูดา กับ เองโซ เลอ เฟ พยายามยื้อเกมให้ทีมไม่พังยับเยินกว่านี้
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
จากมุมมองการ วิเคราะห์บอล แท็กติกคืนนี้เห็นชัดว่า 4-3-2-1 ของแมนฯ ซิตี้ ทำลายโครงสร้าง 5-4-1 ของซันเดอร์แลนด์อย่างเป็นระบบ เกมรุกเจ้าถิ่นใช้การยืนตำแหน่งสูงทั้งฟูลแบ็กและมิดฟิลด์ ทำให้เมื่อบุก โดคู กับ โฟเดนถ่างกว้างดึงวิงแบ็กออกจากไลน์เซ็นเตอร์ เปิดทางให้ เชอร์กี้สอดเข้าไปรับบอลระหว่างช่องฮาล์ฟสเปซ ก่อนแทงต่อให้ ฮาแลนด์ หรือยิงเอง
การตั้งรับของซิตี้ก็แทบไร้จุดโหว่ เมื่อเสียบอล ทุกคนสลับเข้าพื้นที่เพรสซิ่งทันที เปลี่ยนเป็น 4-4-2 ในจังหวะเก็บบอลสอง ทำให้ซันเดอร์แลนด์ไม่เคยได้ตั้งลำสวนกลับแบบมีตัวเลือกมากกว่า 3 คนเลยตลอดเกม ขณะที่ฝั่งแมวดำ แม้พยายามขยับเป็น 5-2-3 ในบางช่วง แต่ช่องว่างระหว่างกลางกับหน้าเป้ากว้างเกินไป บอลยาวที่เปิดขึ้นไปหาอิซิดอร์ถูกดิอัซกับกอนซาเลซอ่านทางเก็บกินทั้งหมด
ท้ายสุด ความแตกต่างด้านคุณภาพเกมรุก-เกมรับและระเบียบแท็กติกทำให้สกอร์ 3-0 ถือว่าสมเหตุสมผล และอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อดูโอกาสลุ้นประตูที่แมนฯ ซิตี้สร้างได้ตลอด 90 นาที

📈 สถิติการแข่งขัน
สถิติหลังเกมสะท้อนภาพได้ตรงตามที่เห็นในสนาม แมนฯ ซิตี้ยิงทั้งหมด 17 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง ขณะที่ซันเดอร์แลนด์มีโอกาสแค่ 6 ครั้ง เข้ากรอบเพียงลูกเดียว การครองบอลเป็นของเจ้าถิ่นถึง 65% ต่อ 35% ส่งบอลสำเร็จ 619 ต่อ 333 ครั้ง พร้อมความแม่นยำระดับ 90% ของซิตี้ เทียบกับ 81% ฝั่งทีมเยือน
แม้จำนวนฟาวล์จะใกล้เคียงกัน 8 ต่อ 9 แต่ความกดดันที่แนวรับซันเดอร์แลนด์ต้องรับมือทำให้พลาดหนักจนเสียใบแดงช่วงท้ายเกม ใบเหลืองทีมละ 1 ใบ ขณะที่ลูกล้ำหน้า ซิตี้ไม่ล้ำหน้าเลยสักครั้ง ต่างจากซันเดอร์แลนด์ที่ล้ำหน้าถึง 3 ครั้ง บอกชัดว่าบอลสวนกลับของพวกเขาไม่เคยลงล็อกจริงๆ ส่วนลูกเตะมุม แมนฯ ซิตี้ได้ 6 ครั้ง และหนึ่งในนั้นกลายเป็นประตูเบิกร่องของดิอัซด้วย
🕰 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 31′ แมนฯ ซิตี้ขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมต่อเนื่อง รายาน เชอร์กี้ ชงให้ รูเบน ดิอัซ ซัดจ่อๆ ตุงตาข่าย
- ⚽ 35′ เจ้าถิ่นนำห่าง 2-0 ยอชโก้ กวาร์ดิโอล เติมสูงหลุดเข้าเขตโทษก่อนยิงจากจ่ายของ ฟิล โฟเดน
- 🟨 37′ กวาร์ดิโอลทำฟาวล์หนัก โดนใบเหลืองแต่ยังเล่นต่อได้
- ⏱ HT ซันเดอร์แลนด์ตามหลัง 0-2 แม้จะตั้งโซนรับลึกแต่หยุดเกมรุกซิตี้ไม่อยู่
- 🔁 56′ ซันเดอร์แลนด์แก้เกม ส่ง เชมสดีน ทัลบี และ ไบรอัน บร็อบบีย์ ลงมาแทน ตราโอเร และ อิซิดอร์
- ⚽ 65′ แมนฯ ซิตี้ยิงฝัง 3-0 เชอร์กี้แทงทะลุช่องให้ ฟิล โฟเดน หลุดเดี่ยวไปจบสกอร์อย่างเฉียบขาด
- 🔁 69′ เป๊ปถนอมกำลังตัวหลัก ส่ง ติจานี เรย์จ์นเดอร์ส และ โอมาร์ มาร์มูช ลงแทน โฟเดน กับ ฮาแลนด์
- 🔁 70′ เนธาน อาเก้ ลงแทน กวาร์ดิโอล เสริมความสดในแนวรับ
- 🔁 72’–73′ ซันเดอร์แลนด์ขยับอีกครั้ง ส่ง ไซมอน อาดิงกรา และ โรมเมน มันเดิล ลงแทน แซดิกี กับ ชาก้า
- 🔁 82′ ซิตี้ให้โอกาสดาวรุ่งลงเคาะเกม ริโก้ ลูอิส แทน แบร์นาร์โด ซิลวา และ ซาวินโญ แทน เชอร์กี้
- 🔁 88′ ลุค โอนีเอน ลงมาแทน ทิโมธี ฮูม เพื่อปรับเกมรับช่วงท้าย
- 🟥 90+5’–90+6′ โอนีเอนไปเสียบหนัก ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองก่อนโดน VAR เรียกดูจอและเปลี่ยนเป็นใบแดง ซันเดอร์แลนด์เหลือ 10 คนจนจบเกม
⭐ Player of the Match – รายาน เชอร์กี้
คืนนี้ต้องยกตำแหน่ง Man of the Match ให้ รายาน เชอร์กี้ เพลย์เมกเกอร์วัยหนุ่มของแมนฯ ซิตี้ ด้วยเรตติ้งสูงถึง 9.3 เขาเป็นศูนย์กลางเกมรุกที่ทำให้แนวรับซันเดอร์แลนด์ปั่นป่วนตลอดทั้งเกม การรับบอลระหว่างไลน์แล้วหันหน้าเข้าหาประตูทันที ทำให้คู่แข่งต้องถอยกรูด เปิดพื้นที่ให้ โฟเดน กับ โดคูเข้าทำ
นอกจากจะทำ 2 แอสซิสต์แบบเนียนกริบให้ดิอัซและโฟเดน เชอร์กี้ยังสร้างโอกาสหลายครั้ง, เลี้ยงกินตัวสำเร็จบ่อยครั้ง และเป็นคนกำหนดจังหวะเร่ง–ผ่อนให้ทีมเล่นง่ายขึ้น เรียกได้ว่าเป็นฟอร์มระดับ “จอมทัพตัวจริง” ที่ทำให้แฟนเรือใบเริ่มมองอนาคตหลังยุคเดอ บรอยน์แบบไม่หวั่นใจเท่าเดิมแล้ว

📊 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
สามแต้มในบ้านทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข่ง 15 นัด เก็บได้ 31 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ตามหลังอาร์เซนอลจ่าฝูงอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น แถมยังมีประตูได้เสีย +19 บ่งบอกว่าเครื่องจักรสีฟ้ายังน่ากลัวเหมือนเดิม และพร้อมไล่บี้ลุ้นแชมป์แบบยาวๆ ตลอดช่วงเทศกาลบ็อกซิ่งเดย์
ด้านซันเดอร์แลนด์ แม้จะแพ้แบบหมดรูป แต่ยังยึดอันดับ 7 มี 23 คะแนนจาก 15 นัด ผลต่างประตูได้เสีย +1 ยังอยู่ในกลุ่มลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป ทว่าความพ่ายแพ้เกมนี้คือสัญญาณเตือนว่าเมื่อต้องเจอทีมระดับท็อป พวกเขายังต้องเพิ่มทั้งความแน่นในแนวรับและคมในพื้นที่สุดท้าย หากไม่อยากหลุดจากกลุ่มหัวตารางในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีก และโปรแกรมนัดถัดไป
มองไปข้างหน้า โปรแกรมบอล ของทั้งสองทีมก็โหดไม่แพ้กัน แมนฯ ซิตี้มีภารกิจใหญ่ในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก บุกไปเยือนเรอัล มาดริด วันที่ 11 ธันวาคม ก่อนจะกลับมาเล่นพรีเมียร์ลีกบุกถิ่นเซลเฮิร์สต์ พาร์ค ดวลกับคริสตัล พาเลซ ในวันที่ 14 ธันวาคม เวลา 21.00 น. ซึ่งเป็นอีกเกมที่ต้องเน้นเต็มสูบ หากอยากกดดันอาร์เซนอลต่อเนื่อง
ซันเดอร์แลนด์เองต้องเจองานหนักไม่แพ้กัน เริ่มจากเกมดาร์บี้แห่งแม็คคัม–ไทน์ เปิดบ้านรับการมาเยือนของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในวันที่ 14 ธันวาคม เวลา 21.00 น. ก่อนจะบุกเยือนไบรท์ตันที่เล่นในบ้านได้แข็งแกร่งในวันที่ 20 ธันวาคม เวลา 22.00 น. ช่วงโปรแกรมถี่แบบนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญว่า “แมวดำ” มีขนาดทีมและความนิ่งมากพอสำหรับการลุ้นพื้นที่ยุโรปจริงหรือไม่
📺 ติดตามบ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ๆ ที่บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากเช็กสกอร์สด สถิติหลังเกม ไฮไลต์มันส์ๆ หรือเช็กหน้า บ้านผลบอล ให้ครบทุกคู่ บ้านกีฬาอยู่ข้างคุณเหมือนเดิม เราจะเก็บทุกรายละเอียดจากลีกใหญ่ทั่วโลก ทั้งพรีเมียร์ลีก ลาลีกา กัลโช่ เซเรีย อา รวมถึงฟุตบอลไทย มาเล่าให้ฟังแบบดุดันแต่เข้าใจง่าย ติดตามเราไว้ให้ดี จะไม่พลาดทุกจังหวะเดือดของโลกฟุตบอลแน่นอน

