ถ้าพูดถึงชื่อ อรรถกร ศิริลัทธยากร วันนี้ไม่ใช่แค่ “นักการเมืองสายอนาคต” แต่คือคนที่ทั้งวงการกีฬาไทยและสายการเมืองจับตา เพราะเขาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ต้องยืนอยู่หน้าเวทีซีเกมส์ 2025 – มหกรรมที่ควรเป็นโชว์เคสภาพลักษณ์ประเทศไทย แต่กลับเจอ “ดราม่ารายวัน” ไล่ตั้งแต่ระบบจัดการ ไปจนถึงโปสเตอร์ Virtual Run ที่ใช้ภาพ AI จนโดนทัวร์ลงทั้งโซเชียล
บทความนี้ บ้านกีฬา จะพาไปไล่เรียงทั้งเส้นทางชีวิต โปรไฟล์ และมุมที่หลายคนอาจยังไม่รู้ของอรรถกร พร้อมซูมละเอียดเคส Virtual Run กับบทเรียนเรื่องการสื่อสารในงานกีฬายุคดิจิทัล ที่ไม่ได้ส่งผลแค่กับฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่สะเทือนไปถึงเก้าอี้ รมต.กีฬา แบบเลี่ยงไม่ได้

ประวัติ อรรถกร ศิริลัทธยากร – เด็กชายจากฉะเชิงเทรา สู่เกมการเมืองระดับชาติ
อรรถกร ศิริลัทธยากร หรือ “เบนซ์” เกิดวันที่ 7 สิงหาคม 2527 ที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เติบโตในครอบครัวนักการเมืองเต็มตัว เป็นบุตรของนายอิทธิ ศิริลัทธยากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีต ส.ส.หลายสมัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน “ชื่อใหญ่” ในการเมืองไทยยุคก่อนหน้า
ด้านการศึกษา อรรถกรจบมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก่อนมุ่งสายสื่อโดยตรง เข้าศึกษาปริญญาตรีด้าน Communication Arts คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และต่อปริญญาโทด้าน Marketing Management ที่ Middlesex University ประเทศอังกฤษ เส้นทางนี้ทำให้เขามีพื้นฐานทั้งด้านการสื่อสาร การตลาด และภาพลักษณ์สาธารณะ ซึ่งกลายเป็น “อาวุธสำคัญ” เมื่อก้าวเข้ามาดูแลงานกีฬาและท่องเที่ยวของประเทศในวันนี้
ด้วยพื้นฐานบ้านการเมือง บวกการศึกษาสายสื่อ อรรถกรถูกมองว่าเป็น “นักการเมืองเจเนอเรชันใหม่” ที่พูดภาษาโลกทัน แต่ก็ยังพอเข้าใจเกมการเมืองแบบไทย ๆ ที่ต้องบาลานซ์ทั้งฐานเสียงดั้งเดิมและภาพลักษณ์สาธารณะ
เส้นทางการเมือง – จาก ส.ส. ฉะเชิงเทรา สู่ รมต.ในหลายรัฐบาล
เส้นทางบนถนนการเมืองของอรรถกรไม่ได้ไต่ขึ้นมาทีละขั้นแบบช้า ๆ แต่ค่อนข้างพุ่งเร็ว เขาเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ในหลายสมัย ก่อนถูกผลักดันเข้าสู่บทบาทระดับรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญอย่าง “เกษตรและสหกรณ์” ทั้งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย และต่อมาในตำแหน่งรัฐมนตรีเต็มตัวในรัฐบาลชุดก่อนหน้า
ปัจจุบัน อรรถกรขยับมานั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรัฐบาลล่าสุด โดยมีภารกิจใหญ่คือการใช้กีฬาและการท่องเที่ยวเป็น “เครื่องยนต์ซอฟต์พาวเวอร์” ดันเศรษฐกิจไทย ทั้งผ่านการจัดอีเวนต์ระดับภูมิภาค–นานาชาติ และการต่อยอดให้เมืองท่องเที่ยวไทยเชื่อมกับเมกะอีเวนต์กีฬาให้ได้มากที่สุด
ในสายตาโลกกีฬา นี่คือเก้าอี้ที่ “ร้อนสุด” ตัวหนึ่งของยุคนี้ เพราะทุกดราม่าในสนามและนอกสนาม มักจะย้อนกลับมาถามหาความรับผิดชอบที่ตัวรัฐมนตรีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
บทบาท รมว.กีฬา กับภารกิจซีเกมส์ 2025 – งานโชว์ศักยภาพที่กลายเป็นสนามสอบ
ซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ถูกวางตำแหน่งให้เป็นเวทีสำคัญของทั้งวงการกีฬาไทยและการท่องเที่ยว เป็นโอกาสโชว์มาตรฐานการจัดการแข่งขัน โครงสร้างพื้นฐาน สนามกีฬา ระบบขนส่ง ไปจนถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยที่หวังให้ “เพื่อนบ้านอาเซียนจำไม่ลืม”
แต่ในความเป็นจริง ซีเกมส์ครั้งนี้กลับเจอดราม่ารัว ๆ ตั้งแต่ไฟสนามราชมังคลากีฬาสถานดับหลายดวง เพลงชาติไม่ดังจนทีมเยือนต้องร้องกันเอง ไปจนถึงปัญหาระบบจองบัตรชมการแข่งขันไม่ตรงกับที่นั่งจริง และล่าสุดคือดราม่าเรื่องโปสเตอร์ Virtual Run ที่ใช้ภาพจาก AI แบบ “ไม่ผ่านคุณภาพงานระดับนานาชาติ” จนทัวร์ลงเละทั้งประเทศ
ในภาพใหญ่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นหน่วยหลักที่ต้องถือไมค์ตอบทุกคำถาม แม้บางปัญหาจะเกิดจากทีมปฏิบัติการหรือผู้รับผิดชอบโครงการระดับย่อย แต่ในสายตาสาธารณะ “มันจบที่รัฐมนตรีอยู่ดี”
ดราม่า Virtual Run – เมื่อ Artwork “ผิดโทน” จนสะเทือนถึงงานซีเกมส์
ต้นเรื่องของดราม่าเริ่มจากเพจที่เกี่ยวข้องกับ SEA GAMES Thailand 2025 โพสต์ภาพโปรโมตกิจกรรม “33rd SEA Games Virtual Run – วิ่งสะสมระยะพิชิตเหรียญซีเกมส์” ซึ่งเป็นกิจกรรมวิ่งออนไลน์สะสมระยะเพื่อรับเหรียญที่ระลึก ทว่าโปสเตอร์ดังกล่าวถูกจับได้อย่างชัดเจนว่าเป็นภาพที่สร้างจาก AI แถมยังมีรายละเอียดเพี้ยนและการจัดวางองค์ประกอบที่ “ดูไม่มืออาชีพ” จนชาวเน็ตจำนวนมากตั้งคำถามว่า “นี่คือมาตรฐานงานระดับซีเกมส์จริงหรือ?”
กระแสวิจารณ์บานปลายถึงขั้นมีคนเอาไปเทียบกับโปสเตอร์ของงานวิ่งอื่น ๆ และอีเวนต์กีฬานานาชาติที่ใช้ดีไซน์มืออาชีพกว่าอย่างเห็นได้ชัด สุดท้าย “คณะทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรม Virtual Run ซีเกมส์ 2568” ต้องออกแถลงการณ์ยอมรับผิด น้อมรับว่าภาพดังกล่าวจัดทำโดยทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ เพียงฝ่ายเดียว ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากทีมภาพลักษณ์หลักของซีเกมส์ พร้อมประกาศยุติการใช้งาน และเร่งออกแบบชุดสื่อใหม่ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและภาพลักษณ์ประเทศไทย
กรณีนี้สะท้อนชัดเจนว่าในยุคที่ทุกอย่างถูกจับผิดได้ภายในไม่กี่นาที การใช้ AI สร้างภาพโดยไม่มีระบบคิวซีที่แข็งแรง ไม่ได้กระทบแค่ “เพจหนึ่งโพสต์หนึ่ง” แต่ย้อนกลับมาทำลายความเชื่อมั่นต่อทั้งงาน ซีเกมส์ 2025 และทีมบริหารทั้งหมดที่ดูแลอยู่เบื้องหลัง

Virtual Run คืออะไร – ทำไมดราม่าครั้งนี้ถึงดังไปไกลกว่างานวิ่งธรรมดา
ในมุมของคนทั่วไป Virtual Run หรือ “วิ่งเสมือนจริง” คือกิจกรรมที่ให้ผู้สมัครวิ่งสะสมระยะทางด้วยตัวเอง จะวิ่งที่ไหน เวลาไหนก็ได้ บันทึกผลผ่านนาฬิกาวิ่งหรือแอปฯ แล้วส่งเข้าระบบ เมื่อสะสมครบตามเงื่อนไขก็จะได้รับเหรียญหรือของที่ระลึก เป็นรูปแบบกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะคนไม่มีเวลาวิ่งในสนามจริง แต่ยังอยากร่วมอีเวนต์หรืออยากได้เหรียญงานสำคัญเก็บไว้
สำหรับ Virtual Run ซีเกมส์ 2025 มีการออกแบบแพ็กเกจวิ่งสะสมระยะ พร้อมเหรียญ “33rd SEA GAMES” ที่สื่อสารว่าเป็นเหรียญเฉพาะกิจกรรม และเชื่อมกับบรรยากาศการเชียร์นักกีฬาไทยในมหกรรมซีเกมส์ครั้งนี้ จุดแข็งของรูปแบบนี้คือ
- ทำให้คนทั่วประเทศ (แฟนกีฬาต่างชาติ) มีส่วนร่วมกับซีเกมส์ได้ แม้จะไม่ได้มาที่สนาม
- ใช้เป็นเครื่องมือสร้างคอมมูนิตี้คนรักการวิ่งและแฟนกีฬา
- เป็นช่องทางระดมรายได้เสริมสนับสนุนงานจัดแข่งขันหรือกิจกรรมกีฬาอื่น ๆ
แต่เมื่อ “หน้าบ้าน” อย่าง Artwork สื่อสารผิดโทน และถูกวิจารณ์ว่าไม่สะท้อนภาพลักษณ์กีฬาระดับภูมิภาค ดราม่าจึงขยายจากแค่งานวิ่งออนไลน์ ไปสู่คำถามใหญ่เรื่องมาตรฐานทีมจัดงานทั้งหมด
ดราม่า AI–โปสเตอร์ กับโจทย์ใหญ่ของอรรถกร: ภาพลักษณ์กีฬาไทยในยุคดิจิทัล
แม้ในแถลงการณ์ดราม่า Virtual Run จะชี้ชัดว่าเป็นงานของทีมประชาสัมพันธ์กิจกรรม ไม่ได้ผ่านทีมภาพลักษณ์หลักของซีเกมส์ และไม่กล่าวถึงตัวรัฐมนตรีโดยตรง แต่ในมุมการบริหารภาพลักษณ์ประเทศ ชื่อของ อรรถกร ศิริลัทธยากร ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกโยงเข้ามาอยู่ดี เพราะเขาคือหัวเรือใหญ่ของกระทรวงที่ดูแลทั้งการกีฬาและการท่องเที่ยว
เคสนี้จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ระดับ “เช็คระบบหลังบ้าน” ว่า
- ใครได้สิทธิ์ใช้โลโก้หรือชื่อทางการของซีเกมส์ในทุกชิ้นงาน
- มีกระบวนการคิวซีสื่อสารภาพลักษณ์อย่างไร ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ
- การใช้ AI ในงานดีไซน์กีฬาไทย ถูกกำหนดกรอบมาตรฐานไว้แค่ไหน
โลกปัจจุบัน AI เป็นเครื่องมือที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อยู่ในทั้งงานกราฟิก การตลาด และคอนเทนต์ แต่สำหรับงานระดับนานาชาติ สิ่งที่คนดูต้องการคือ “มาตรฐาน” ไม่ใช่แค่ “ความทันเทรนด์” การปล่อยให้ภาพที่ดูขาดความเป็นมืออาชีพออกไปสู่สายตาโลก ย่อมย้อนกลับมาถามถึงคุณภาพการบริหารจัดการและการกำกับดูแลของรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนั่นเอง
มุมยืนของอรรถกร – เมื่อกีฬากลายเป็นเวทีการเมืองเต็มตัว
จุดที่ทำให้ชื่ออรรถกรโดดเด่นในสายตาคอการเมือง คือเขาเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่แต่มีฐานบ้านการเมืองเก่า แข็งแรงทั้งเชื้อสาย–ประสบการณ์ และผ่านตำแหน่งระดับ รมช.–รมว. ในหลายกระทรวงมาแล้ว ขณะที่ฝั่งแฟนกีฬาเห็นเขาในฐานะ รมต.ที่ต้องตอบโจทย์ทั้ง “ผลงานจริงในสนาม” และ “ภาพลักษณ์ประเทศในสายตาโซเชียล”
บนเวทีซีเกมส์ 2025 เขาต้องเผชิญทั้ง
- ดราม่ามาตรฐานการจัดการแข่งขัน
- กระแสวิจารณ์เรื่องงบประมาณด้านพีอาร์ พิธีเปิด ระบบแสดงผลที่ถูกขุดมาดูละเอียดว่าคุ้มค่าหรือไม่
- เสียงเรียกร้องให้ทีมบริหารเร่งยกระดับมาตรฐานทุกมิติ ไม่ให้ “งานระดับอาเซียน” กลายเป็นมีมให้ต่างชาติหัวเราะ
ในทางกลับกัน ถ้าเขาและทีมงานสามารถแก้เกมได้ทัน ปรับมาตรฐานการสื่อสาร ยกระดับการจัดอีเวนต์ และใช้โอกาสนี้พลิกกระแส ความเสียหายจากดราม่าอาจกลายเป็น “แต้มบวก” ให้ภาพลักษณ์เขาในฐานะรัฐมนตรีที่กล้ายอมรับปัญหาและลงมือแก้แบบจริงจัง

สิ่งที่สังคมจับตา – จาก SEA Games ถึงอนาคตบทบาทในวงการกีฬาไทย
ในมุมของแฟนกีฬาและสาธารณะ จุดที่ทุกคนจะใช้วัดผลงานของอรรถกรมีอย่างน้อย 3 เรื่องใหญ่ ๆ
- การจัดซีเกมส์ 2025 ให้ “เอาตัวรอด” จากดราม่า และจบลงด้วยมาตรฐานที่เพื่อนบ้านยอมรับ
- การใช้กีฬาเป็นเครื่องมือดึงนักท่องเที่ยว ทั้งผ่านอีเวนต์ระดับนานาชาติ ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, มวยไทย, กีฬาพื้นบ้าน ไปจนถึงอีสปอร์ต
- การวางระบบบริหารสิทธิประโยชน์–ภาพลักษณ์ ให้แฟนกีฬาเชื่อมั่นว่าโลโก้ทีมชาติและชื่อประเทศไทยจะไม่ถูกใช้แบบสะเปะสะปะในยุคโซเชียล
ถ้าเขาทำได้ ชื่อ “อรรถกร ศิริลัทธยากร” จะไม่ได้ถูกจำแค่ในฐานะนักการเมือง แต่จะถูกจดจำว่าเป็นหนึ่งในคนที่พลิกโฉมการจัดอีเวนต์กีฬาไทยให้ทันโลกดิจิทัลจริง ๆ
สรุป – ซีเกมส์ 2025 จะเป็นบทสอบสำคัญของอรรถกรและระบบกีฬาไทย
ดราม่า Virtual Run และโปสเตอร์ AI อาจดูเหมือน “เรื่องเล็ก” ในมุมคนที่สนใจเฉพาะผลการแข่งขัน แต่ในโลกจริง นี่คือฟันเฟืองหนึ่งของภาพลักษณ์ชาติในสายตาอาเซียน นี่คือเหตุผลที่เคสนี้ถูกโยงกลับมาถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และชื่อของ อรรถกร ศิริลัทธยากร แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซีเกมส์ 2025 จึงไม่ใช่แค่สนามแข่งของนักกีฬา แต่เป็นสนามสอบของระบบบริหารกีฬาไทยทั้งชุด ว่าจะเรียนรู้จากความผิดพลาด ยอมรับเสียงวิจารณ์ และยกระดับมาตรฐานได้จริงแค่ไหน
บ้านกีฬา จะยังจับตาว่า รมว.กีฬาอย่างอรรถกรจะเลือกเดินเกมแบบไหน ระหว่าง “ปกป้องระบบเดิม” หรือ “ใช้วิกฤตเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูปมาตรฐานงานกีฬาไทยทั้งระบบ” เพราะคำตอบของโจทย์นี้จะไม่ได้สะเทือนแค่ซีเกมส์ แต่จะส่งผลยาวไปถึงทิศทางวงการกีฬาไทยในอีกหลายปีข้างหน้า
แฟนกีฬาและคนติดตามข่าว อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกมุมมอง ทั้งในสนามและนอกสนามของซีเกมส์ 2025 และบทบาทของคนชื่ออรรถกรบนเวทีใหญ่ของกีฬาไทย

