ไทยรับบทเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์ประวัติศาสตร์
การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 กลายเป็นหมุดหมายสำคัญทั้งในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกยางและภาพลักษณ์ของประเทศไทยบนเวทีกีฬานานาชาติ ภายใต้การขับเคลื่อนของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และ สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกันผลักดันให้ไทยได้รับเกียรติจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่
ทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568 โดยกระจายการแข่งขันไปยัง 4 เมืองหลักของไทย ได้แก่ เชียงใหม่, นครราชสีมา, ภูเก็ต และ กรุงเทพมหานคร ทำให้บรรยากาศกีฬาระดับโลกแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งในมุมของการเชียร์กีฬา การท่องเที่ยว และการสร้างคึกคักให้เศรษฐกิจในพื้นที่
ตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ไทยได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งนักกีฬา ผู้แทนจากชาติต่างๆ แฟนวอลเลย์บอล และสื่อมวลชน ว่าการจัดการเป็นไปอย่างมืออาชีพ ครบทั้งมาตรฐานสนาม ระบบการแข่งขัน การต้อนรับ และบรรยากาศในสนาม จนประธาน FIVB ยืนยันชัดเจนว่า การแข่งขันครั้งนี้คือหนึ่งในครั้งที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีการจัด วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก มา นี่คือความภาคภูมิใจที่คนไทยทั้งประเทศมีส่วนร่วม
ต้นแบบ “กีฬาคาร์บอนเป็นกลาง” ที่โลกต้องศึกษา
สิ่งที่ทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ใช่แค่การ “เป็นเจ้าภาพที่ดี” แต่ไทยก้าวไปไกลถึงการสร้างมาตรฐานใหม่ให้โลกกีฬา นั่นคือการยกระดับสู่การเป็น กีฬาคาร์บอนเป็นกลาง ภายใต้กรอบ Green Heart Event (GHE) ตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางแนวทางไว้อย่างชัดเจน
หัวใจสำคัญคือ การจัดการแข่งขันที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการจัดอีเว้นท์กีฬา และเชื่อมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ เอกชน ชุมชนท้องถิ่น ไปจนถึงอาสาสมัคร ให้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เป้าหมายคือการทำให้รายการนี้เป็น Carbon Neutral Event ที่ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่มีการประเมินและรับรองตามมาตรฐาน
ผลลัพธ์คือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้การแข่งขันครั้งนี้เป็น “อีเว้นท์คาร์บอนนิวทรัล” และที่สำคัญที่สุด ถือเป็นสมาคมกีฬาประเภทแรก และประเทศแรกของโลกที่ทำได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม กลายเป็นต้นแบบให้ FIVB นำไปใช้ในการจัดศึกวอลเลย์บอลระดับนานาชาติรายการต่อไป
นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะในสนาม แต่คือชัยชนะด้านภาพลักษณ์และวิสัยทัศน์ ที่ส่งให้ ประเทศไทย ถูกมองว่าเป็นผู้นำด้านการจัดกีฬาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
พลังร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
เบื้องหลังคำว่าประสบความสำเร็จ ไม่ได้มีเพียงเสียงเฮในสนาม แต่มาจากการร่วมแรงร่วมใจขององค์กรจำนวนมากที่เดินเกมไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน ทั้งในมุมวิชาการ สิ่งแวดล้อม การจัดการ และการสนับสนุนทรัพยากร
หน่วยงานหลักที่เป็นกำลังสำคัญ ได้แก่
1️⃣ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ที่สนับสนุนการประเมินและทวนสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดการแข่งขัน
2️⃣ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนคาร์บอนเครดิตเพื่อนำมาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
3️⃣ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
4️⃣ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด
5️⃣ มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
6️⃣ สมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย
7️⃣ ANURA Club
8️⃣ วิทยาลัยชุมชนน่าน
9️⃣ กรุงเทพมหานคร
🔟 เทศบาลนครภูเก็ต
1️⃣1️⃣ เทศบาลตำบลปรุใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
1️⃣2️⃣ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งหมดนี้คือฟันเฟืองที่ช่วยให้การจัดแข่งขันในครั้งนี้ไม่ได้โดดเด่นเฉพาะด้านกีฬา แต่ครบทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส
อาสาสมัคร – ฮีโร่เงียบที่ช่วยขับเคลื่อนงานภาคสนาม
อีกหนึ่งพลังสำคัญที่ห้ามมองข้าม คือแรงสนับสนุนจากน้องๆ อาสาสมัครในพื้นที่ต่างๆ ที่ลงมาช่วยงานภาคสนามอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการจัดการ การอำนวยความสะดวก และการเป็นเจ้าบ้านที่ดี
กลุ่มอาสาสมัครหลักมาจาก
• มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
• มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
• วิทยาลัยอาชีวศึกษากุสุมภ์เทคโนโลยี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
• วิทยาลัยเทคโนโลยีภูเก็ต
พวกเขาคือกำลังหลักที่ทำให้ภาพรวมของการแข่งขันในแต่ละเมืองลื่นไหล เป็นระบบ และสร้างความประทับใจให้กับนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และแฟนวอลเลย์บอลจากทั่วโลก จนประเทศไทยถูกพูดถึงในฐานะ “เจ้าภาพที่อบอุ่นและใส่ใจทุกรายละเอียด”
วอลเลย์บอลกับทิศทางกีฬาโลกที่ต้องยั่งยืน
ในยุคที่โลกกีฬาไม่ได้วัดกันแค่สกอร์ในสนาม แต่ยังมองลึกไปถึงผลกระทบต่อโลกและสังคม ทัวร์นาเมนต์นี้จึงเปรียบเสมือนการส่งสัญญาณสำคัญว่า การจัดกีฬาใหญ่ระดับโลกสามารถเดินเคียงข้างแนวคิดสิ่งแวดล้อมได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่นโยบายบนกระดาษ
แนวทางอย่าง Green Heart Event และโมเดล Carbon Neutral Event จะกลายเป็นกรอบอ้างอิงให้การจัดทัวร์นาเมนต์อื่นๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุคที่แฟนกีฬา นักกีฬา และสปอนเซอร์ให้ความสำคัญกับคำว่า “ยั่งยืน” มากขึ้นเรื่อยๆ การที่ไทยเริ่มก่อน ทำได้จริง และได้รับการรับรอง ยิ่งทำให้ประเทศเรามีแต้มต่อในฐานะเจ้าภาพกีฬารายการใหญ่ในอนาคต
สำหรับแฟนกีฬาคนไทย สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือความภาคภูมิใจว่า การเชียร์กีฬาของเรา ก็สามารถมีส่วนช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นได้ในระยะยาวเช่นกัน
ไทยพร้อมก้าวต่อในฐานะต้นแบบกีฬายั่งยืนของโลก
เมื่อสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยได้รับการยืนยันว่าเป็นสมาคมกีฬาประเภทแรกของโลกที่จัดอีเว้นท์ระดับนานาชาติในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลสำเร็จ พร้อมๆ กับที่ ประเทศไทย ถูกมองเป็นต้นแบบการจัดการแข่งขันกีฬาที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม นี่ไม่ใช่เส้นชัย แต่คือจุดเริ่มต้นของมาตรฐานใหม่ที่ยกระดับวงการกีฬาไทยทั้งระบบ
สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ขอกราบขอบพระคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจ ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นต้นแบบการจัดการแข่งขันกีฬาที่ยั่งยืน และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเวทีกีฬาโลกได้อย่างสง่างาม
แฟนกีฬาไทยที่อยากตามทุกก้าวสำคัญของวงการลูกยางและข่าวกีฬาใหญ่รอบโลก อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหว ข่าวเด่น และข่าววันนี้ ได้ที่ วอลเลย์บอลสดบ้านกีฬา แหล่งรวมความมันส์ของคนรักกีฬาอย่างแท้จริง

